ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 16

ในห้องของซู่เป่า เสี่ยวอู่ซบอยู่ในอ้อมกอดของซู่เป่า และซู่เป่าก็ซบอยู่ในอ้อมกอดของนายหญิงซู

นกแก้วที่เพิ่งมาอยู่สถานที่ใหม่เกือบถูกบีบคอตาย ปฏิกิริยาของมันจึงค่อนข้างหวาดกลัวเล็กน้อย และซู่เป่าเองก็รู้สึกเสียใจมากที่ปกป้องเสี่ยวอู่ได้ไม่ดีนัก

เมื่อเห็นว่าซู่เป่าค่อยๆ สงบลง นายหญิงซูจึงพูดว่า “ซู่เป่าดีขึ้นหรือยังจ๊ะ เรื่องนี้พี่หานหานผิดจริง ๆ ซู่เป่าทำถูกแล้ว”

คุณท่านซูก็พูดว่า “ใช่ ซู่เป่าเก่งมาก เป็นเด็กที่รู้ความมากเลย”

นายหญิงซูพูดต่ออีกว่า “ซู่เป่า เป็นเด็กดีของยายนะ”

ผู้อาวุโสทั้งสองพูดส่งต่อกันราวกับวิ่งผลัด เธอชมคำหนึ่ง ฉันชมคำหนึ่ง

นี่เป็นครั้งแรกที่ซู่เป่าได้รับคำชมแบบนี้ จึงจับปีกของเสี่ยวอู่อย่างเขินอายและพูดว่า "คุณปู่และคุณย่าก็เป็นเด็กดีเหมือนกันค่ะ”

ผู้อาวุโสทั้งสองตกตะลึง แล้วหัวเราะขึ้นมาในทันที

เมื่อสักครู่ซูอีเฉินกำลังประชุมอยู่ในห้องหนังสือ พอออกมาถึงรู้เรื่องที่ซู่เป่าและหานหานทะเลาะกัน จึงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว

เขายืนมองซู่เป่าอยู่ที่ประตูโดยไม่พูดอะไรสักคำและรู้สึกปวดใจเล็กน้อย

เมื่อเห็นซูจื่อหลินเดินผ่านมา เขาก็พูดเสียงเบาว่า “เจ้าสอง นายต้องจัดการเรื่องนี้โดยเร็วที่สุด”

ตอนเหวยหว่านเพิ่งแต่งเข้าบ้านใหม่ๆ ถึงแม้ว่าทั้งสองจะไม่ได้มีความรู้สึกลึกซึ่ง แต่เพราะมีลูกชายซูจื่อซี ดังนั้นจึงอยู่กันอย่างถูๆ ไถๆ มาได้

จนกระทั่งตอนหานหานเกิดคนทั้งตระกูลซูถึงได้รู้ความจริง และซูจื่อหลินอยากจะหย่าแต่ทางฝั่งเหวยหว่านไม่ยอม

และทางฝั่งตระกูลซู เนื่องจากน้องสาวซูจิ่นอวี้หายตัวไป ทุกคนจึงทุ่มเทแรงกายแรงใจเพื่อตามหาเธอ จึงทำให้เรื่องนี้ยืดเยื้อมาจนถึงวันนี้

ซูจื่อหลินพูดเสียงเบาว่า “ผมรู้ แต่ตอนนี้ลูกทั้งสองคนโตขนาดนี้แล้ว ผมกลัวว่าการหย่าร้างจะส่งผลกระทบต่อพวกเขา”

ถึงยังไงก็เป็นลูกของตัวเอง ถึงแม้ปกติจะไม่ค่อยได้อยู่ร่วมกันมากนัก แต่จะตัดขาดไม่เหลือเยื่อใยเลยไม่ได้

ซูอีเฉินพยักหน้า ทุกทุกครอบครัวล้วนมีปัญหาในครอบครัว เขาเองก็ไม่สามารถตัดสินใจการใช้ชีวิตแทนซูจื่อหลินได้

เขาพูดว่า “จัดการมันให้ดีละกัน”

ทั้งสองคนมองเข้าไปในห้องของซู่เป่า เจ้าตัวเล็กผ่านมรสุมมาได้แล้วและกำลังถกเถียงชื่อของตัวเองกับนายหญิงซู

เธอพูดว่า “คุณแม่บอกว่า ซู่ เป็นข้าวฟ่างชนิดหนึ่ง เมื่อปลอกเปลือกออกแล้วจะเรียกว่าข้าวฟ่างหางกระรอก มันทนแล้งและปรับตัวได้ดี ดังนั้นจึงตั้งชื่อซู่เป่าว่าซู่เป่าค่ะ”

เจ้าตัวเล็กน้ำเสียงน่ารักไร้เดียงสา แต่ใบหน้าเล็ก ๆ กลับเคร่งขรึม รู้สึกเหมือนจดจำทุกคำพูดของคุณแม่ได้ทุกคำ

นายหญิงซูเกือบร้องไห้ พยักหน้าพร้อมพูดว่า “ชื่อของซู่เป่าตั้งได้เพราะจริง ๆ คุณแม่ชื่อซูจิ่นอวี้ งั้นซู่เป่าก็นามสกุลซูดีไหมจ๊ะ”

ซู่เป่าพยักหน้าด้วยความดีใจ

อือฮึ นามสกุลซู นามสกุลเดียวกับคุณแม่

คุณท่านซูยิ้มและพูดว่า “ซูอะไรดีน่า”

ซู่เป่ายกมือน้อย ๆ ขึ้นแล้วแย่งตอบ “ซูซู่เป่าค่ะ”

ทุกคนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา

ซูอีเฉินเดินเข้ามาแล้วพูดว่า “งั้นชื่อซูซู่”

นายหญิงซูส่ายหน้า “ไม่ดี ฟังแล้วเหมือนออกเสียงคล้ายคำว่า ลุง ในภาษาจีน”

ทุกคนได้โจทย์ยากขึ้นมาทันที อยากให้นามสกุลซูแต่ก็ต้องมีชื่อซู่อยู่ด้วย ค่อนข้างยาก

พวกเขาตัดสินใจจัดการประชุมเพื่อให้ทุกคนในบ้านช่วยกันตั้งชื่อ

แล้วนายหญิงซูก็ถามอีกว่า “ปีนี้ซู่เป่าอายุสามขวบกว่าแล้วใช่ไหมจ๊ะ”

ซู่เป่าคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ใช่ค่ะ คุณแม่บอกว่าซู่เป่าคลอดวันที่สิบห้าเดือนสามค่ะ”

ทุกคนนิ่งอึ่งในทันที วันที่สิบห้าเดือนสาม... งั้นก็อีกหนึ่งสัปดาห์ข้างหน้า

อีกหนึ่งสัปดาห์ซู่เป่าก็จะอายุครบสี่ขวบแล้ว

นายหญิงซูพูดว่า “ดีจังเลย พวกเราจะได้จัดงานวัดเกิดให้ซู่เป่าพอดีเลย แล้วซื้อเค้กก้อนโตๆ ให้ซู่เป่าดีไหมจ๊ะ แล้วซู่เป่าก็อธิฐานกับเค้กได้เลย”

ซู่เป่าแววตาเป็นประกายและพูดอย่างดีใจว่า “จริงเหรอคะ”

ในที่สุดเธอก็มีเค้กก้อนโตแล้ว เย้

นายหญิงซูเห็นท่าทางดีใจของเธอจึงอดไม่ได้ที่จะถามว่า “เมื่อก่อนซู่เป่าจัดงานวันเกิดกับใครเหรอจ๊ะ”

หานหานจับถ้วยแล้วเทอาหารในถ้วยทั้งหมดทิ้ง และร้องไห้ไม่หยุด “มันรังแกหนู แต่ไม่มีใครสนใจหนูเลย”

เหวยหว่านเจ็บปวดรวดร้าวใจ

เธอกวาดสายตามองทุกคน

เห็นหรือยังล่ะ มันเป็นความผิดของพวกคุณ

พวกเด็ก ๆ อ่อนไหวมากที่สุด พวกเขาไม่พูดและไม่ปลอบใจหานหาน นั่นคือการเมินเฉยใส่หานหาน

เหวยหว่านพูดว่า “โอ๋ แม่อยู่นี่ แม่สนในหานหานนะ”

แต่หานหานกลับโยนตะเกียบ จานรองเศษกระดูก ฯลฯ ลงไปกลางโต๊ะอาหารและร้องไห้โวยวาย “ไม่ หนูไม่ หนูไม่อนุญาตให้มันทานข้าวร่วมกับหนู หนูไม่อยากได้น้องสาว”

คุณท่านซูควบคุมความโกรธและพูดอย่างเย็นชาว่า “ไม่อยากกินก็ลงไป ใครสั่งใครสอนให้คว่ำถ้วยและโยนตะเกียบบนโต๊ะอาหาร”

หานหานเห็นคุณปู่ดุ ยิ่งร้องไห้หนักกว่าเดิมทันที และใช้สองเท้าถีบโต๊ะอาหารอย่างแรง “หนูไม่เอาๆ ยังไงก็ไม่เอา”

ไม่ว่าคนอื่นจะพูดว่าอะไร เธอก็พูดอยู่แค่สามคำ “หนูไม่เอา”

ทุกคน “...”

ซูจื่อหลินไม่พูดอะไร เขาอุ้มหานหานขึ้นอยากจะพาออกไป แต่หานหานดิ้นขัดขืน เขาจึงจับเสื้อที่ด้านหลังหานหานแล้วหิ้วเธอขึ้นมาด้วยความโกรธ จากนั้นลากขึ้นไปชั้นบน

เหวยหว่านพูดอย่างกระวนกระวายว่า “ซูจื่อหลินคุณจะทำอะไร”

ซู่เป่าตกใจจนเนื้อที่อยู่ในมือหล่น เมื่อก่อนเธอก็เคยถูกคุณพ่อลากไปแบบนี้เหมือนกัน

เธอพลันเกิดรู้สึกว่าพี่หานหานก็น่าสงสารในทันที

เหวยหว่านแย่งหานหานที่กำลังร้องไห้อยู่เอามากอดไว้ในอ้อมอก แล้วจ้องซูจื่อหลินด้วยน้ำตาคลอเบ้าแวบหนึ่ง จากนั้นเดินกระทืบเท้าขึ้นไปชั้นบน

เธอรู้สึกว่าพวกเขาทำเกินไป จำเป็นต้องไร้ความรู้สึกกับเด็กคนหนึ่งเช่นนี้เลยเหรอ

พวกเขามองไม่เห็นเหรอว่าบนแขนของหานหานยังมีรอยบาดแผลและตาก็โดนชกจนช้ำ ทำไมยังต้องจงใจเย็นชาใส่หานหานแบบนี้

เหวยหว่านเพียงรู้สึกว่าหัวใจใกล้จะแตกสลายแล้ว

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน