ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 221

ทุกคนต่างพากันงุนงง แต่ในเมื่อแก้ไขปัญหาแล้วก็ไม่เป็นไร

กระทั่งหลายคนพูดปลอบใจว่า “เหนื่อยหน่อยนะ เหนื่อยหน่อยนะ”

พี่เจวียนลุกขึ้นด้วยท่าทางใสซื่อแล้วเกาศีรษะอย่างเก้อเขิน จากนั้นรีบวิ่งไปดูแลคุณท่านในทันที

ในขณะนั้นเองมีชายวัยกลางคนหนึ่งรีบเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว จากนั้นพูดว่า “พ่อ ไม่เป็นไรใช่ไหมครับ”

เดินตามหลังเขามาคือผู้อำนวยการอวี๋

พยาบาลเฝ้าไข้พี่เจวียนรีบพูดว่า “คุณผู้ชายสบายใจได้ค่ะ คุณท่านไม่เป็นไร อาจเป็นเพราะฉันง่วงมากเกินไปจากการเฝ้าไข้เมื่อคืนจึงล้มโดยไม่ระวัง...”

พยาบาลเฝ้าไข้คนหนึ่งช่วยเธอพูด “ใช่ค่ะ เมื่อคืนพี่เจวียนเฝ้าไข้ทั้งคืน ตอนพวกเราเข้าเวรกะดึกยังเห็นเธอยุ่งตลอด”

พยาบาลเฝ้าไข้อีกคนหัวเราะพลางพูดว่า “ดังนั้นพี่เจวียนนี่พี่หลับทั้งยืนเหรอ ต้องกำลังฝันอยู่แน่ๆ ถึงได้พูดเหลวไหลว่าเจ้าหนูน้อยผลักพี่”

พี่เจวียนหัวเราะอย่างเก้อเขินและไม่แก้ต่าง แต่ช่วยคุณท่านเช็ดน้ำลายอย่างอ่อนโยนและพิถีพิถันโดยไม่พูดอะไรสักคำ

ตอนซู่เป่ากำลังจะเปิดโปงเธอ แต่จู่ๆ ผู้อำนวยการอวี๋ก็พูดว่า “แต่ก็ไม่แน่นะ ได้ยินมาว่าเด็กตระกลูซูคนนี้แรงเยอะมาก อีกทั้งยังซุกซน ถ้าฉวยโอกาสผลักพยาบาลเฝ้าไข้ตอนกำลังสะลึมสะลือล่ะ”

แววตาเจ้าเล่ห์เล็กน้อยของผู้อำนวยการอวี๋มองซู่เป่าพลางเย้ยหยันในใจ

ดีจริง ตกในเงื้อมของเขาพอดีสินะ

เขาต้องการประจบคุณฮ่าวและยังต้องคิดอีกว่าจะทำยังไงให้คุณฮ่าวมีความประทับที่ไม่ดีต่อตระกูลซู

ปรากฏว่าเด็กคนนี้โชคไม่ดีตกอยู่ในเงื้อมมือของเขา

ซู่เป่าหน้าบึ้งและกำลังอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่มีเสียงหนึ่งขัดจังหวะขึ้นมา

“ผู้อำนวยการอวี๋ พูดได้ก็เอาใหญ่เลย ทำไมเหรอ เพราะลูกสาวผมไม่มีคนหนุนหลังก็เลยรังแกเธองั้นเหรอ”

มู่กุยฝานเดินสาวเท้าเข้ามาพร้อมกล่องอาหารหนึ่งกล่องในมือด้วยสีหน้าเย็นชา “ทางเดินเส้นนี้มีกล้องวงจรปิด ลองตรวจเช็คกล้องวงจรปิดดูไหม”

เมื่อได้ยินว่าตรวจเช็คกล้องวงจรปิด นัยน์ตาของพี่เจวียนก็ฉายแววตื่นตระหนกทันที

ผู้อำนวยการอวี๋สำลักในทันที “ฉันเพียงแค่เดา ท่าทางพยาบาลเฝ้าไข้คนนี้ดูไม่เหมือนพูดโกหก”

มู่กุยฝานแสยะยิ้ม “หมายความว่าลูกสาวของผมโกหกงั้นสิ”

เขามองพยาบาลเฝ้าไข้พี่เจวียนอย่างเย็นชาแวบหนึ่ง

พี่เจวียนรีบพูดว่า “โธ่เอ๊ย ไม่ถึงขนาดนั้น ไม่ถึงขนาดนั้น ก็แค่หกล้ม เป็นความผิดของฉันเอง ทุกคนอย่าผิดใจกันเพราะฉันเลยนะ”

เธอยังคงแสแสร้งเป็นเจ้เซ่อๆ ที่มีความสุขเสมอต่อหน้าผู้คนพร้อมพูดอย่างจริงใจว่า “ขอโทษด้วยนะคะคุณฮ่าว ต่อไปฉันจะระวังให้มากขึ้นและจะไม่หลับทั้งยืนอีกค่ะ”

ผู้อำนวยการอวี๋มองชายวัยกลางคนที่อยู่ข้างๆ “คุณฮ่าว คุณดู...”

ตระกูลซูรังแกคนอื่นจนลามมารังแกพยาบาลเฝ้าไข้ที่คุณฮ่าวจ้างมา นี่ไม่เท่ากับรังแกคุณฮ่าวตรงๆ หรอกเหรอ

คุณฮ่าวกตัญญูมาก ไม่ว่าจะเป็นการเข้าใจผิดหรือไม่ก็ตาม อันดับแรกต้องทำให้เขามีความประทับที่ไม่ดีต่อตระกูลซูก่อนอย่างอื่นค่อยว่ากันทีหลัง

ในขณะที่ผู้อำนวยการอวี๋คิดว่าคุณฮ่าวจะชักสีหน้าเย็นชาใส่มู่กุยฝาน แต่กลับเห็นเขาอ่ำๆ อึ้งๆ “เอ่อ คุณ……คุณมู่”

ผู้อำนวยการอวี๋ใจเต้นตุบๆ ในทันที

คุณฮ่าวรู้จักกับมู่กุยฝานหรือนี่

ในเวลานี้ในใจของคุณฮ่าวปั่นป่วนและรู้สึกดีใจไม่หยุด โชคดีที่เขามองเห็นมู่กุยฝานแต่ไกลๆ จึงจำเขาได้ในขณะวิกฤต

รูปลักษณ์ภานนอกของมู่กุยฝานถึงไม่อยากจำได้ก็จำได้

เขาขมวดคิ้วพร้อมพูดว่า “ผู้อำนวยการอวี๋ ถ้าไม่มีหลักฐานจะพูดสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้ ถ้าไม่มีธุระอะไรแล้วเชิญผู้อำนวยการอวี๋กลับไปก่อนเถอะ”

จากนั้นมองมาทางมู่กุยฝาน “คุณมู่ ขอโทษจริงๆ ครับ”

คราวนี้เป็นทีของผู้อำนวยการอวี๋ที่จะต้องตกตะลึง

สายตาของคุณฮ่าวที่มองเขาท่าไม่ดีมาก ท่าไม่ดีเอามากๆ

เดิมทีเขาคิดอยากจะทำให้คุณฮ่าวมีความประทับใจที่ไม่ดีต่อตระกูลซู แต่ทำไมถึงกลับตาลปัตรกลับกลายเป็นคุณฮ่าวไม่พอใจเขาซะเอง...

นี่ประจบสอพอจนได้เรื่องแล้วสินะ

ผู้อำนวยการอวี๋รีบพูดว่า “คุณฮ่าว ต้องขออภัยด้วยนะครับ ผมก็แค่เป็นห่วงคุณท่าน ดังนั้นจึงไม่ได้คิดให้รอบคอบในทันที”

คุณฮ่าวไม่พูดอะไร

มู่กุยฝานชำเลืองมองพี่เจวียนอย่างดูเหมือนไม่มีอะไรแวบหนึ่งแล้วถือโอกาสตัดบท “ไม่เป็นไร แต่คุณฮ่าวควรมองคนให้ขาดกว่านี้หน่อยนะ”

คุณฮ่าว “ใช่ๆ ขอบคุณครับคุณมู่”

แต่ในใจของเขาแทบจะร้องไห้ออกมา มู่กุยฝานไม่ใช่คนที่ยอมวางมือง่ายๆ และได้ยินมาว่าเขาเป็นทาสของลูกสาว

คุณฮ่าว “...”

จะนั่งลงได้เหรอ

ใครจะกล้านั่งต่อหน้าผู้บัญชาการมู่ นั่นเท่ากับราวกับนั่งบนเข็มหมุดรู้ไหม

เขามองผู้อำนวยการอวี๋อย่างโมโหมากแวบหนึ่ง

ผู้อำนวยการอวี๋ “...”

ผู้อำนวยการอวี๋โมโหมากและแอบมองซู่เป่าแวบหนึ่ง ต้องโทษเด็กคนนี้

เรื่องเยอะจริงๆ

พยาบาลเฝ้าไข้เขาจะดีหรือไม่ดีแล้วเกี่ยวอะไรกับเธอ ยังไงพ่อของผู้อำนวยการฮ่าวก็ต้องย้ายมาสถาบันดูแลผู้ป่วยพักฟื้นของเขา

ตอนนี้เป็นไงล่ะ ผู้อำนวยการฮ่าวไม่ประทับใจเขาเพราะเหตุวุ่นวายนี่ ไม่แน่อาจไม่ย้ายมาสถาบันดูแลผู้ป่วยพักฟื้นของเขาแล้วก็ได้

ซู่เป่าพูด “ที่จริงไม่ต้องยุ่งยากขนาดนั้นก็ได้ค่ะ พวกเราสามารถให้คุณปู่พูดเองได้ค่ะ”

ทั้งคุณฮ่าวและคุณท่านต่างตกตะลึง

พยาบาลเฝ้าไข้คนหนึ่งพูดอย่างเก้อเขินว่า “เจ้าหนูน้อย หนูอาจจะไม่รู้ว่าคุณปู่ท่านสุขภาพร่างกายไม่ดี ตอนนี้เขาพูดไม่ได้จ๊ะ...”

มือเกร็งจนขดเข้าหากันและสั่นอย่างรุนแรง แม้แต่เขียนหนังสือก็เขียนไม่ได้

ซู่เป่าพูด “หนูรู้ค่ะ แต่หนูสามารถรักษาคุณปู่ได้ค่ะ ใช้เวลาเพียงแค่หนึ่งสองสามสี่... หนึ่งร้อยนาทีค่ะ”

ผู้อำนวยการอวี๋หัวเราะในทันที

เมื่อวิธีหนึ่งแก้ปัญหาไม่ได้ก็ใช้วิธีอื่นแก้ปัญหาได้ ในขณะที่เขากำลังคิดว่าจะอธิบายอาการป่วยของคุณท่านอย่างถูกจังหวะและเป็นขั้นตอนยังไง และจำเป็นต้องไปทำกายภาพบำบัดที่สถาบันดูแลผู้ป่วยพักฟื้นของเขา เด็กคนนี้ก็เปิดทางให้เขา

ครั้งนี้เขาจะต้องคว้าโอกาสไว้อย่างแน่นอน บำบัดฟื้นฟูร่างกายที่อาณาจักรนี้ของเขาไม่มีทางผิดพลาดแน่นอน

ผู้อำนวยการอวี๋ไพล่หลัง ส่ายหน้าและพูดว่า “เด็กก็คือเด็ก อย่าว่าแค่หนึ่งร้อยนาทีเลย ให้เวลาหนูวันสองวันหรือกระทั่งปีสองปีก็ทำไม่ได้”

“คุณท่านป่วยเป็นอัมพาตครึ่งซีกเนื่องจากเส้นเลือดในสมองแตกและเราก็ทราบดีว่าโรคอัมพาตครึ่งซีกรักษาให้หายขาดได้ยาก แทบจะเสียใจไปตลอดชีวิต... แต่สถาบันดูแลผู้ป่วยพักฟื้นของเรามีการศึกษาวิจัยโรคอัมพาตครึ่งซีกโดยเฉพาะและมีประสบการณ์มากมาย”

“ตอนนี้คุณท่านเพิ่งจะออกจากโรงพยาบาล หากเราตีเหล็กขณะยังร้อน ถือโอกาสก่อนที่ความทรงจำของกล้ามเนื้อจะหายไปอย่างสมบูรณ์ ใช้วิธีการบำบัดฟื้นฟูอย่างมืออาชีพและมีประสิทธิภาพเพื่อบำบัดฟื้นฟู ฉันกล้าใช้ตำแหน่งหน้าที่ของฉันรับประกันเลยว่าไม่เกินสองปี คุณท่านจะกลับมาพูดได้อีกครั้งหรืออย่างน้อยก็จะไม่น้ำลายไหลอีก”

เขาพูดจาอย่างฉะฉานและมั่นใจเป็นที่สุด

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน