ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 222

ผู้อำนวยการอวี๋สาธยายยกใหญ่และมั่นอกมั่นใจว่าคุณฮ่าวต้องพิจารณาใหม่อีกครั้งแน่

แต่กลับเห็นคุณฮ่าวมองเวลาที่นาฬิกาข้อมือ “หนึ่งร้อยนาที...งั้นก็หนึ่งชั่วโมงกว่าแค่นั้น ฉันมีเวลาว่างพอดี”

ผู้อำนวยการอวี๋ “...”

เขาพูดตั้งมากมายไม่มีประโยชน์เลยหรือ

คำอ้างเหตุผลนี้เป็นมืออาชีพมาก โดยพื้นฐานแล้วเมื่อเขาสาธยายเช่นนี้จบ ไม่มีญาติผู้ป่วยคนไหนที่เอาไม่อยู่หมัด

แต่คุณฮ่าวไม่มองเขากลับมองไปทางซู่เป่า “แต่หนูจะทำยังไงเหรอจ๊ะ จะเป็นอันตรายหรือเปล่า”

เพราะคุณฮ่าวเห็นแก่หน้ามู่กุยฝานจึงยอมให้ซู่เป่าลองดู

เขาคิดเอาไว้แล้วว่าถ้าหากซู่เป่าเพียงแค่ทุบหลัง นวดขาหรืออย่างอื่นที่ไม่เป็นอันตรายก็สุดแล้วแต่เธอจะทำ

แต่ถ้าผ่าตัดหรือให้ทานยาอะไรแบบนั้นไม่ได้เด็ดขาด...

ถึงแม้ว่าเขาจะคำนึงถึงมู่กุยฝาน แต่เขาก็ไม่สามารถใช้พ่อของตัวเองทำบางสิ่งเพื่อแลกกับความมั่งคั่งรุ่งเรืองได้

ในขณะที่เขากำลังคิดอยู่นั้นก็เห็นซู่เป่าหยิบกระเป๋าผ้าออกมาจากในกระเป๋าหนังสือ จากนั้นเปิดกระเป๋าผ้าและมีเข็มเงินชุดหนึ่ง...

“ซู่เป่าจะฝังเข็มให้คุณปู่ค่ะ” ซู่เป่าหยิบเข็มเงินขึ้นมาหนึ่งเล่ม คุณฮ่าวราวกับเห็นแสงแห่งความสิ้นหวังจากปลายเข็มแหลมๆ

“ทำ...ทำแบบนี้ไม่ได้...” คุณฮ่าวรีบพูดในทันที

ทันใดนั้นผู้อำนวยการอวี๋ก็อยากหัวเราะอีกครั้ง คิดว่าตัวเองไม่มีความหวังครั้งแล้วครั้งเล่า แต่คิดไม่ถึงว่าซู่เป่าจะให้ความหวังเขาครั้งแล้วครั้งเล่า

เขาส่ายหน้าด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “เจ้าเด็กน้อยรู้เรื่องฝังเข็มด้วยเหรอ ช่างหาเรื่องเสียจริง ถ้าแทงมั่วซั่ว คุณท่านจะไม่ทุกข์ทรมานหรอกเหรอ...”

เมื่อเห็นสายตาที่ไม่ยินยอมอย่างแน่วแน่ของคุณฮ่าว ในที่สุดผู้อำนวยการอวี๋ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก คราวนี้เสร็จแน่

“คุณฮ่าว นี่ก็ดึกมากแล้ว รีบส่งคุณท่านไปสถาบันดูแลผู้ป่วยพักฟื้นโดยเร็วที่สุดจะดีกว่า พวกเรามีทีมบำบัดฟื้นฟูมืออาชีพ...”

คุณฮ่าวลุกขึ้นและนัยน์ตาก็ปรากฏความเสียใจเล็กน้อย “ขอโทษจริงๆ ขอบคุณที่พวกคุณเป็นห่วง”

ส่วนกล้องวงจรปิด ความจริงหรือไม่ใช่ความจริงก็ไม่สำคัญแล้ว ไม่ว่าความจริงจะเป็นเช่นไรเขาก็ยอมรักษาหน้ามู่กุยฝาน

คุณท่านร้องอู้อี้ขึ้นมาและแววตาร้อนรนใจเล็กน้อย ท่าทางของเขาราวกับตายซะดีกว่าอยู่และเต็มใจให้ซู่เป่าลองดูดีกว่า

ถือซะว่า... เมื่อไร้ทางเลือกและรู้ว่าผลลัพธ์จะเป็นยังไงก็อยากลองดูสักตั้ง

คงดีกว่าถูกคนนอกพาตัวไป ตายซะดีกว่าอยู่...

ผู้อำนวยการฮ่าวตบไหล่คุณท่านเพื่อปลอบใจ “พ่อครับ พ่ออย่าเพิ่งรีบร้อนไป สถาบันดูแลผู้ป่วยพักฟื้นเซิ่นหลินเป็นสถาบันดูแลผู้ป่วยพักฟื้นและกายภาพบำบัดที่ดีที่สุด พ่อต้องดีขึ้นแน่นอนครับ”

ทันใดนั้นนัยน์ตาของคุณท่านก็เปลี่ยนเป็นขุ่นมัวและสิ้นหวัง

ในใจผู้อำนวยการอวี๋ดีใจมากสุดๆ เขาลุกขึ้นพร้อมกับกดโทรศัพท์ “ได้ ผมจะเรียกคนขึ้นมาเดี๋ยวนี้”

มู่กุยฝานพูดอย่างเฉยเมยว่า “งั้นขอให้คุณท่านหายดีไวๆ”

ไม่รักษาก็ไม่ต้องรักษา ไม่ใช่ทุกคนที่จะโชคดีได้รับการรักษาจากลูกรักตัวน้อยของเขา

ทันใดนั้นซู่เป่าพลันพูดว่า “ลุงฮ่าว คุณย่าบอกให้คุณเชื่อฟัง”

คุณฮ่าวตกตะลึง “คุณย่าคนไหนเหรอ”

ซู่เป่า “แม่ของคุณไงคะ”

รอบนี้ไม่เพียงแต่คุณฮ่าวตกตะลึง ผู้อำนวยการอวี๋ก็ตกตะลึงด้วย

เฮ่อ เด็กคนนี้ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแม่ของเขาเสียแล้ว พูดในสิ่งที่ไม่ควรพูดจริงๆ

คุณฮ่าวหัวเราะและกำลังอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่กลับได้ยินซู่เป่าพูดว่า “คุณย่าบอกว่า...”

เจ้าตัวเล็กเอามือเท้าเอวและทำหน้าบึ้ง จากนั้นยื่นมือออกมาข้างหนึ่งและชี้ว่า “ฮ่าวโก่วเซิ่ง ถ้าแกกล้าไม่เชื่อเธอละก็ เชื่อไหมว่าคืนนี้แม่จะไปเข้าฝันแก รีบให้ซู่เป่าฝังเข็มให้พ่อแกเร็ว”

ทุกคน “...”

ซู่เป่าพูดต่อว่า “ฉันว่าแกโดนขี้แมลงวันปิดตาแล้ว ใครดีใครเลวก็แยกไม่ออก พอแม่ไม่อยู่แกก็เริ่มเลอะเลือนไปแล้วเหรอ”

ทุกคนตะลึงจนอ้าปากตาค้าง

อะไรกันเนี้ย

มีเพียงคุณฮ่าวและคุณท่านเท่านั้นที่มองซู่เป่าอย่างมึนงงและเหม่อลอยราวกับโดนฟ้าผ่า

ซู่เป่าเลียนแบบได้สมจริงมาก ทั้งการจ้องมอง ท่าทาง อารมณ์ และอารมณ์ในน้ำเสียง...

เหมือนนายหญิงฮ่าวทุกประการ

และที่สำคัญที่สุดก็คือถึงแม้ตอนนี้ฐานะของคุณฮ่าวจะมีชื่อเสียงมาก แต่มีเพียงไม่กี่คนที่รู้ว่าตอนเขาเพิ่งเกิดครอบครัวเขายากจนมากและแทบจะไม่สามารถเลี้ยงดูเขาให้มีชีวิตอยู่ได้ แต่เพื่อให้เขามีชีวิตที่ดีต่อไป พ่อแม่ของเขาจึงตั้งชื่ออันต่ำต้อยให้เขา เพราะชื่ออันต่ำต้อยเลี้ยงง่าย ชื่อเล่นของคุณฮ่าวจึงเรียกว่าโก่วเซิ่ง(ของที่สุนัขกินเหลือ)

คุณฮ่าวรออย่างกระวนกระวายใจ

เดิมทีผู้อำนวยการอวี๋ควรจากไป แต่เพราะไม่เชื่อว่าเด็กจะสามารถฝังเข็มได้จึงรอดูเธอหน้าแตกให้ได้

มู่กุยฝานมองเวลา หนึ่งชั่วโมงกว่าก็เพียงพอให้เขาตรวจสอบเซิ่นหลินแล้ว

เวลาผ่านไปแต่ละนาที แต่ละวินาที จนล่วงเลยหนึ่งร้อยนาทีแล้ว

ชั้นนี้เป็นห้องพิเศษ ถ้าไม่ใช่เพราะทุกคนกังวลเกี่ยวกับตัวตน ต้องล้อมอยู่หน้าประตูให้ได้

ตอนนี้ทุกคนต่างนั่งอยู่หน้าห้องผู้ป่วยและแกล้งสูดอากาศ...

“จนป่านนี้แล้วทำไมถึงยังไม่ออกมา...”

“พูดก็พูดเหอะ พวกเขาก็วางใจปล่อยให้เด็กคนหนึ่งกับผู้สูงอายุคนหนึ่งเข้าไปให้ห้องผู้ป่วยกันเองจริงๆ...”

“คุณว่าจะมีหมอซ่อนอยู่ในห้องผู้ป่วยไหม ถ้ารักษาไม่หายก็แอบหนีไปเงียบๆ”

ผู้อำนวยการอวี๋ได้ยินเสียงซุบซิบนินทาของคนอื่น ยิ่งซู่เป่าอยู่ในนั้นนานๆ เท่าไหร่ เขายิ่งรู้สึกสบายใจมากขึ้น

พยาบาลเฝ้าไข้พี่เจวียนก็ฉลาดมาก เธอไม่พูดอะไรเลยและทำท่าทางถูกใส่ร้าย ยังไงก็ตามเธอไม่เชื่อว่าเด็กจะฝังเข็มได้

ในเวลานั้นเองประตูก็เปิดออกเสียงดังแอ๊ด

คุณท่านนั่งอยู่บนรถเข็นเช่นเดียวกับตอนที่เขาเพิ่งเข้าไป

สิ่งแรกที่พี่เจวียนมองคือคุณท่านยังน้ำลายไหลอยู่หรือไม่ ถ้ายังน้ำลายไหลอยู่ก็แสดงว่ารักษาไม่หาย

แต่กลับเห็นคุณท่านมองมาพอดี เขายกมือขึ้นอย่างสั่นระริก แล้วชี้มาที่เธอพร้อมพูดว่า “เธอโกหก”

น้ำเสียงของคุณท่านอ่อนแรงมาก แต่ราวกับสายฟ้าผ่าทุกคนจนมึนงง

“ว้าว... ใช่เหรอ รักษาหายจริงๆ เหรอ”

“เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด ถ้าเด็กฝังเข็มเป็น งั้นสุนัขที่บ้านของฉันก็สามารถไปอันเชิญพระไตรปิฎกที่อินเดียได้”

“แต่คุณท่านพูดได้จริงๆ นะ...”

ในเวลานี้ผู้อำนวยการอวี๋และพี่เจวียนกำลังวิงเวียนศีรษะและมีความรู้สึกท่าไม่ดีมากๆ ผุดขึ้นมาในหัว...

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน