ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 223

คุณท่านดูเหมือนตื่นเต้นมากและหายใจเร็วจนเหนื่อยหอบ

ซู่เป่าตบหลังเขาเบาๆ “คุณปู่ไม่ต้องรีบนะคะ”

คุณท่านถึงหายใจอย่างผ่อนคลายและพูดว่า “พยาบาลเฝ้าไข้คนนี้... ฝานเฉี่ยวเจวียน เธอร้ายมาก”

มือของเขายังคงสั่นระริก แต่ไม่ยอมวางมันลงและยังคงชี้ไปยังพี่เจวียน

“เฝ้าไข้ทั้งคืนเหรอ ถุย เธอแค่ไม่ประกอบเตียงนอน แต่ฟุบหลับข้างเตียงฉัน พอได้ยินคนมาตรวจห้องก็รีบลุกขึ้นมาแกล้งทำเป็นกำลังดูแลฉัน...”

“ตอนฉันน้ำลายไหล... และอยากให้เธอช่วยเช็ด แต่เธอกลับหงุดหงิด...”

“เมื่อคืนวานตอนป้อนข้าวยังจงใจป้อนซุปเข้าจมูกฉัน...”

“ตอนเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ฉันก็ถือโอกาสหยิกและใช้เล็บข่วนฉันเพื่อระบายอารมณ์...”

คุณท่านยิ่งพูดยิ่งกลัดกลุ้ม ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและเศร้าโศก ดวงตาขุ่นมัวทั้งสองข้างก็ถลึงตาโตเล็กน้อย

คุณฮ่าวมองคุณท่านอย่างตกตะลึง อาการดีขึ้นจริงๆ ... อาการดีขึ้นจริงๆ เหรอ

ในใจพี่เจวียนร้อนรุ่ม เธอตกใจที่จู่ๆ คุณท่านก็สามารถพูดได้และยิ่งตื่นตระหนกเพราะถูกเปิดโปง ร้อนรนจน “ฉันฉันฉันฉันฉัน” พูดไม่ออก

สีหน้าของคุณฮ่าวดูไม่ดีอย่างมากที่สุด

เขาคิดไม่ถึงเลยว่าพยาบาลเฝ้าไข้ที่ตัวเองคัดเลือกมาอย่างดีจะเป็นคนชั่วร้ายเช่นนี้

เขาเห็นว่าฝานเฉี่ยวเจวียนมาจากสถาบันดูแลผู้ป่วยพักฟื้นเซิ่นหลินจึงคิดว่าคงไม่ได้แย่เท่าไหร่...

เมื่อคุณฮ่าวนึกถึงตรงนี้ก็มองผู้อำนวยการอวี๋อย่างเย็นชาแวบหนึ่ง

แต่ผู้อำนวยการอวี๋ตกตะลึงไปตั้งนานแล้ว

ในขณะนั้นเองว่านเทาก็ถือกล้องวงจรปิดเดินเข้ามา จากนั้นเดินไปข้างๆ มู่กุยฝานและพูดสองประโยค

มู่กุยฝานพยักหน้า จากนั้นเขารีบเปิดฟังก์ชั่นการสะท้อนหน้าจอของโทรศัพท์ทันที แล้วสะท้อนหน้าจอภาพจากกล้องวงจรปิดไปยังโทรทัศน์

ในภาพจากกล้องวงจรเป็นภาพที่คุณท่านน้ำลายไหลและกำลังร้องอือๆ และแววตาของพยาบาลเฝ้าไข้พี่เจวียนก็ปรากฏความรู้สึกขยะแขยงและไม่แยแส

จากนั้นซู่เป่าก็เข้ามาและถือผ้าขนหนูช่วยคุณท่านเช็ดน้ำลาย แล้วพี่เจวียนก็บอกเธอว่าอย่าจุ้นจ้านด้วยสีหน้าดุร้าย

เป็นอย่างที่ซู่เป่าพูดทุกประการ

ภาพจากกล้องวงจรปิดเล่นจบถึงตรงนี้ ถึงแม้ไม่เห็นฉากที่ทำไมพี่เจวียนถึงล้มลงไป แต่ดูจากท่าทางดุร้ายของเธอ ทุกคนต่างคิดว่าเธอล้มลงเองและใส่ร้ายซู่เป่า

“คนคนนี้ร้ายจริงๆ”

“อยู่ต่อหน้าเป็นอย่าง ลับหลังเป็นอีกอย่าง แม่เจ้าโว้ย น่ากลัวมาก”

“โชคดีที่ฉันไม่ได้จ้างเขา... แค่คิดก็น่ากลัวแล้ว”

คุณฮ่าวโกรธจนหน้าดำคล้ำเครียด

ตอนได้ยินคุณท่านพูดก็โมโหมากแล้ว แต่พอเห็นกับตาตัวเองยิ่งโมโห

เขากดโทรศัพท์ จากนั้นไม่นานก็มีคนเข้ามาพาพี่เจวียนออกไป

พี่เจวียนขัดขืนและตะโกนว่า “ฉันผิดไปแล้ว คุณฮ่าว ฉันผิดไปแล้วจริงๆ ฉัน เพราะสองวันมานี้ฉันเหนื่อยเกินไปก็เลยเป็นแบบนี้... จริงๆ นะ ปกติฉันไม่เป็นแบบนี้”

สุดแล้วแต่เธอจะตะโกนร้องยังไง แต่คุณฮ่าวก็ไม่แยแส

พี่เจวียนทั้งตื่นตระหนกทั้งเสียใจ พอดิ้นรนหลุดจากมือของคนพวกนั้นแล้วก็คุกเข่าโขกศีรษะกับพื้น แต่น่าเสียดายที่คุณฮ่าวไม่ใจอ่อน ท้ายที่สุดเธอยังคงโดนพาตัวไป

ซู่เป่าจ้องหน้าผากของพี่เจวียน

เมื่อระหว่างคิ้วคล้ำหม่องจะต้องมีเหตุเลือดตกยางออก

ซู่เป่ามองมู่กุยฝาน

มู่กุยฝานดูเหมือนจะมองความคิดของเธอออกจึงพูดว่า “การมีเมตตาต่อคนชั่วก็คือการกระทำชั่วต่อคนทั่วไป ฟ้าคอยดูในสิ่งที่คนทำ ก็แค่กงเกวียนกำเกวียน ดังนั้นจึงไม่สมควรได้รับความเห็นใจ”

ซู่เป่าพยักหน้าและไม่พูดอะไรอีก

ใต้หล้านี้พ่อถูกเสมอ ต้องเชื่อฟังพ่อ

อีกด้าน ผู้อำนวยการอวี๋นิ่งเงียบ พยายามลดความมีอยู่ของตัวเองอย่างเต็มที่ จนแทบอยากจะทำให้ตัวเองกลายเป็นอากาศ

แต่กลับได้ยินมู่กุยฝานพูดว่า “วันนี้ใครก็ตามที่ทำให้ลูกสาวผมไม่พอใจ อย่าคิดหนีแม้แต่คนเดียว”

ภาพบนหน้าจอโทรทัศน์กระพริบและคราวนี้ฉายภาพ “ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่” ของผู้อำนวยการอวี๋

สถาบันดูแลผู้ป่วยพักฟื้นเซิ่นหลินก่อตั้งขึ้นเมื่อเจ็ดปีที่แล้ว เดิมทีเป็นแค่สถาบันดูแลผู้ป่วยพักฟื้นเล็กๆ เนื่องจากตั้งอยู่ริมป่าชิงซิ่วในเขตชานเมือง จึงมีอากาศสดชื่นบริสุทธ์และมีประจุลบในอากาศมาก ดังนั้นจึงค่อยๆ กลายเป็นตัวเลือกแรกของคนรวย

เมื่อห้าปีที่แล้ว หลังจากนายหญิงซูไปพักฟื้นที่นั่น ตระกูลซูก็ได้ลงทุนเงินไปจำนวนมาก จากนั้นสถาบันดูแลผู้ป่วยพักฟื้นเซิ่นหลินก็พัฒนาอย่างก้าวกระโดด ดึงดูดการลงทุนและความร่วมมือด้านการวิจัยจากภาครัฐและเอกชนอย่างนับไม่ถ้วน และบุคคลที่มีความสามารถก็หลั่งไหลเข้ามา...

ดังนั้นจึงมีชื่อเสียงอย่างกะทันหัน

เดิมทีผู้อำนวยการอวี๋เซิ่นหลินเป็นแค่คนขายเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการบำบัดฟื้นฟูร่างกาย เพียงเพราะเขาจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยทางการแพทย์ที่มีชื่อเสียงและหลังจากก่อตั้งสถาบันดูแลผู้ป่วยพักฟื้น เขาก็แอบซื้อยศและการศึกษาเพิ่มเติมอย่างนับไม่ถ้วนให้ตัวเองและตีพิมพ์งานวิจัยอย่างนับไม่ถ้วน...

“งานวิจัยสามสิบสองฉบับภายในห้าปีเหรอ” แพทย์คนหนึ่งตกตะลึง “งานวิจัยที่เข้มงวดจริงๆ สามปีพวกเราก็เขียนไม่จบหนึ่งฉบับ...”

อวี๋เซิ่นหลินหน้าแดงก่ำ เดิมทีก็ไม่ใช่คนมีภูมิหลังมากถึงทำตัวเป็นคางคกขึ้นวอไปทุกที่ แต่ตอนนี้ถูกเปิดโปงต่อหน้าสาธารณชนจึงไม่มีหน้ายืนอยู่ต่อหน้าคนอีก

“ได้...ได้ ตระกูลซูของพวกคุณมีบ้านและกิจการใหญ่โต พูดคำไหนคำนั้นไม่ใช่เหรอ ฉันซวยเอง” อวี๋เซิ่นหลินฝืนเคารพ จากนั้นสะบัดแขนเสื้อเดินจากไป

มู่กุยฝาน “ว่านเทา ไปส่งเขาหน่อย ถือโอกาสส่งชุดข้าวคุกสิบปีพร้อมกำไลข้อมือทองหนึ่งคู่ด้วย”

ว่านเทา “ดูเหมือนยังไม่หรูหราพอ ส่งคุน้ำหนึ่งใบกับรองเท้าแตะอีกหนึ่งคู่ แล้วถือโอกาสส่งรูมเมทสักสองสามคน”

อวี๋เซิ่นหลินเดินโซเชและเกือบจะล้ม

“แก... พวกแก”

เขายอมรับไปแล้ว แล้วพวกเขายังต้องการอะไรอีก

อวี๋เซิ่นหลินทั้งโกรธทั้งกลัดกลุ้ม ทั้งไม่พอใจและเสียใจ โกรธจนแทบกระอักเลือดตาย...

--------

หลังจากที่พี่เจวียนโดนลากออกไปก็ถูกเพิกถอนใบประกอบวิชาชีพพยาบาลและโดนขึ้นบัญชีดำ แล้วยังมีการโพสต์ประกาศ

แม้แต่วิดีโอบนแพลตฟอร์มยอดนิยมก็เปิดโปงเธอและตัดทางทำมาหากินของเธอ

เธอกัดฟันเดินไปตามทางกลับบ้าน ทั้งเดินทั้งด่าว่า “ตระกูลใหญ่โตขนาดนั้นยังตั้งตัวเป็นศัตรูกับประชาชนตัวเล็กๆ อย่างฉัน ใจแคบ”

ตระกูลซูร่ำรวยขนาดนั้น ถึงกับต้องคิดเล็กคิดน้อยกับคนงานที่ต้องทำงานหนักเพื่อหาเงินอย่างเธอเหรอ

ในขณะที่พี่เจวียนกำลังแค้นเคืองอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีกระสอบก็ตกลงมาจากท้องฟ้า

ตอนเธอยังไม่รู้สถานการณ์ชัดเจนก็ถูกทุบตีอย่างรุนแรง

ผ่านไปเป็นเวลานาน คนพวกนั้นถึงจากไป...

พี่เจวียนดึงกระสอบออกอย่างสั่นเทา ทั้งตกใจและหวาดกลัว

เธออยากจะร้องไห้และเดินลากขาที่โดนตีเกือบหักมุ่งหน้ากลับบ้าน

ที่นี่เป็นชุมชนแบบเก่าและไม่มีลิฟต์

พี่เจวียนทนความเจ็บปวดอย่างมากและเดินขึ้นบันไดทีละก้าว เธอเจ็บปวดจนไม่สามารถยืดคอตรงได้ จึงทำได้แค่มองบันไดตรงหน้า

ในขณะนั้นเอง จู่ๆ ก็มีเท้าคู่หนึ่งปรากฏขึ้นบนบันไดต่อหน้าเธอ

รูม่านตาของพี่เจวียนหดในทันที...

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน