ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 224

พี่เจวียนเกือบกรีดร้องและเงยหน้าขึ้นทันที เธอเห็นชายชราสวมชุดสีดำแบบเก่ายืนอยู่ตรงหน้าและจ้องเธอตาเขม็ง

เขาค้ำไม้เท้าและสีหน้าขาวซีด

ชายชราคนนี้ดูคุ้นหน้า เหมือนเธอเคยเห็นที่ไหนมาก่อน

แต่เธอไม่รู้ตัว คิดว่าเป็นคนแก่ที่วิ่งออกมาจากบ้านของเพื่อนบ้าน เธอจึงตะโกนด้วยความโกรธ “บ้าหรือเปล่า ดึกดื่นไม่หลับไม่นอน มายืนอะไรตรงนี้”

พี่เจวียนตบอกพลางสบถด่า

เมื่อสักครู่เธอตกใจจนข้อเท้าแพลง ยิ่งคิดยิ่งโมโหจริงๆ

“แก่จนเจ็ดสิบแปดสิบแล้วยังออกมาเตร็ดเตร่กลางดึก รีบไปตายซะ”

เธอประคองราวบันได้และเดินขึ้นบันไดช้าๆ เมื่อเดินมาถึงตรงหน้าชายชรายังด่าอีกว่า “หลบไป อย่าขวางทาง”

ชายชราหลีกทางให้เธออย่างช้าๆ

พี่เจวียนเดินขึ้นบันไดไปพลางสบถด่าไปด้วย บ้านของเธออยู่ชั้นห้า เนื่องจากโดนตีขาหักและไม่กล้าส่งเสียง แล้วยังต้องปีนขึ้นชั้นห้า ในใจของเธอจึงโมโหมาก

ปรากฏว่าเพิ่งเดินถึงมุมบันไดชั้นสามก็เห็นคนแก่คนหนึ่งยืนอยู่บนบันไดจ้องเธอตาเขม็งอีก

ครั้งนี้เป็นหญิงชรา

หญิงชราคนนี้ยิ่งเกินไป เธอสวมชุดขาวและทำให้พี่เจวียนตกใจอีกครั้ง

“แม่งเอ้ย พวกแก่ตายยาก แก่ตายแล้วเหรอถึงสวมชุดไว้ทุกข์” เธอสบถด่าอีกครั้ง

วันนี้เธอถูกเปิดโปงอย่างถึงที่สุดแล้วและมีเสียงด่าของเธอเต็มอินเตอร์เน็ต เธอไม่อยากแสแร้งอีกแล้ว

ตอนเดินผ่านหญิงชราพี่เจวียนยังจ้องเธอแวบหนึ่ง

พอมองเธอพลันพบว่าหญิงชรายืนเขย่งปลายเท้า

หัวใจของพี่เจวียนเต้นตุบตับ

ทำไมหญิงชรายืนเขย่งปลายเท้าแล้วถึงยืนนิ่งได้

เธอหันกลับไปมองแวบหนึ่ง แล้วพบว่าชายชราคนเมื่อครู่นั้นไม่รู้ว่าตามขึ้นมาตอนไหนและอยู่ห่างจากเธอไปไม่กี่ก้าว

พี่เจวียนเกิดกลัวขึ้นมาอย่างกะทันหัน ตาแก่ขึ้นมาตอนไหน ทำไมไม่ได้ยินเสียงเลยสักนิด... เห็นชัดๆ ว่าเขาใช้ไม้เท้าค้ำยัน

พี่เจวียนรู้สึกเย็นวาบทั่วสันหลัง ตกใจจนเกิดปาฏิหาริย์ทางการแพทย์ เธอลากขาที่หักแล้ววิ่งอย่างรวดเร็ว

กลับบ้าน เธอต้องกลับบ้าน

พี่เจวียนมองบันไดที่ทอดขึ้นด้านบนทีละขั้นและหวังว่าอย่าเจอใครบนนั้นอีก

แต่ใครจะรู้ว่ายิ่งกลัวยิ่งเจอ ยังไม่ถึงชั้นสี่เลยก็เห็นชายชราอีกคนยืนอยู่บนบันไดชั้นสี่

คราวนี้เป็นชายชราสวมชุดผู้ป่วยของโรงพยาบาล คนแก่บ้านไหนกลับบ้านแล้วยังใส่ชุดผู้ป่วย ทันใดนั้นพี่เจวียนก็รู้สึกตัวว่าเธอเห็นผีแล้ว

ตอนเห็นชายชราในชุดผู้ป่วยที่อยู่ตรงหน้า ในที่สุดเธอก็นึกขึ้นได้

นั่นคือตาแก่ที่เข้าโรงพยาบาลครั้งก่อน คนที่เพิ่งผ่าตัดมะเร็งปอดเสร็จคนนั้นไม่ใช่เหรอ

พี่เจวียนตกใจจนเซถอยหลังและน้ำเสียงเบาๆ ก็ดังขึ้นข้างหู “เหยียบโดนฉันแล้ว”

เธอหันหน้าขวับพร้อมกับขนลุกขนพอง ตาแก่กับยายแก่เมื่อสักครู่ไม่รู้ว่าตามหลังเธอมาอีกตั้งแต่ตอนไหน

เธอกำลังจะวิ่งขึ้นด้านบน แต่พอหันหน้ามาก็เห็นชายชราในชุดผู้ป่วยอยู่ต่อหน้าเธออย่างกระชั้นชิด

“พี่เจวียน ฉันอยากขากเสมหะ... ฉันทรมานมากเลย” เขาพูดเบาๆ “ช่วยฉันด้วย...”

พี่เจวียนเหมือนจะได้กลิ่นเหม็นคาวคละคลุ้ง

เธอจำได้แม่นเลย

หลังจากที่ชายชราคนนี้ผ่าตัดมะเร็งปอดเสร็จ หมอสั่งว่าต้องขากเสมหะบ่อยๆ

ในฐานะที่เธอเป็นพยาบาลเฝ้าไข้ เธอต้องประคองชายชราลุกขึ้นอย่างน้อยเจ็ดหรือแปดครั้งต่อชั่วโมง แล้วยังต้องระวังแผลผ่าตัดเป็นพิเศษ... แบบนี้ใครจะทำได้

จะไม่เหนื่อยตายเหรอ

ครั้นแล้วหลังจากวันแรกเธอก็แอบขี้เกียจ เสมหะที่ขากออกมาวันก่อนเธอก็ไม่เอาไปเททิ้ง พอหมอหรือญาติมาเยี่ยมเธอก็บอกว่าขากออกมาแล้ว

พอวันที่สามชายชรายิ่งไอหนักขึ้น เธอต้องนอนตอนกลางคืน แต่เขายังเอะอะจนทำให้เธอตื่น

คนที่นอนหลับไม่สนิทในตอนกลางคืน โดยเฉพาะถ้าถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมากลางดึกแล้วล้วนมีอารมณ์ฉุนเฉียวทั้งนั้น

พอเธอโมโหก็บีบสายสวนปัสสาวะของชารา สายสวนปัสสาวะที่ใส่หลังจากผ่าตัดเชื่อมต่อกับถุงปัสสาวะแขวนไว้ข้างหัวเตียง หมอสั่งว่าถ้าถุงปัสสาวะไม่เต็มก็ให้เปิดเททิ้ง

ผู้สูงอายุที่ป่วยเป็นอัมพาตติดเตียงและดูแลตัวเองไม่ได้ ที่จริงควรเป็นภาระหน้าที่ของลูกหลาน

ด้วยเหตุนี้แล้วจากสิบครอบครัว จะมีเจ็ดหรือแปดครอบครัวที่รับภาระอันหนักอึ่งนี้ไม่ไหวและรู้สึกเหนื่อยล้าเป็นที่สุด และในใจก็หวังจะหลุดพ้นโดยเร็วที่สุดใช่ไหม

ดังนั้นเธอที่ทำให้ผู้สูงอายุเสียชีวิตตั้งมากมายถึงไม่มีใครพบเห็น

ต่อมาเธอจึงคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องปกติไปแล้ว ยังไงซะก็เป็นภาระ ลูกหลานทำไม่ได้เพราะผิดศีลธรรมเธอจึงทำเพื่อให้พวกเขาหลุดพ้น...

ไม่แน่พวกเขาอาจแอบขอบคุณเธออยู่ในใจก็ได้

ใบหน้าน้อยๆ ของซูเป่าตึงเครียด “คุณต้องการหาเงินเพื่อดำรงชีวิต แต่คุณฆ่าพวกคุณปู่คุณย่าไม่ได้ อีกอย่าง ลูกหลานของพวกคุณปู่คุณย่าก็ไม่ต้องการให้พวกคุณปู่คุณย่าตายแน่นอน”

พี่เจวียนพูดทั้งน้ำตาว่า “ตอนแรกฉันก็ไม่ได้เป็นแบบนี้ เป็นรุ่นพี่อีกคนสอนฉันแบบนี้ ฉัน จริงๆ ฉัน ฉันไม่ได้เป็นแบบนี้ตั้งแต่แรก... ฉันไม่ได้มีเจตนาร้ายจริงๆ...”

เมื่อเห็นซู่เป่าไม่สนใจ เธอจึงมองไปทางพวกคนแก่ที่อยู่ตรงหน้าอีกครั้ง “พวกคุณตายไปแล้ว ลูกหลานของพวกคุณก็หลุดพ้น ถึงพวกคุณมีชีวิตอยู่ก็ขยับไม่ได้ มีแต่จะทำให้ลูกหลานลำบาก... แทนที่จะทำให้ลูกหลานลำบากและอยู่อย่างไร้คุณภาพชีวิต ทำไมไม่ตายไปซะ พวกคุณดูสิ ฉันคิดเพื่อลูกหลานของพวกคุณเชียวนะ...”

ซู่เป่าไร้ซึ่งหนทางเข้าใจคำพูดของเธอ

ผีน่ากลัว แต่เธอพบว่า... ใจของคนบางคนน่ากลัวยิ่งกว่าผี

เธอเม้มปากและจู่ๆ เกิดไม่อยากสนใจเรื่องตรงหน้านี้แล้ว

เดิมทีเธอควรเกลี้ยกล่อมพวกคุณปู่คุณย่าให้จากไป อย่าสิงสถิตอยู่ในตึกนี้อีกเลย

แต่ตอนนี้เธออยากจะไป

ซู่เป่าทำตามที่คิด หมุนตัวแล้วเดินลงชั้นล่างทันที

พี่เจวียนหวาดกลัวสุดๆ และกลิ้งคลานด้วยความตื่นตระหนก “คุณหนูซู่เป่า คุณหนูซู่เป่า”

“อย่าไปนะ ขอร้องล่ะ ได้โปรดช่วยฉันด้วย”

“คุณหนูซู่เป่า ช่วยฉันด้วย หรือว่าทนเห็นคนตายแต่ไม่ช่วยได้เหรอ”

“ห๊า”

ตอนซู่เป่ากำลังลงไปชั้นล่างก็เห็นมู่กุยฝานกำลังรอเธออยู่

จากนั้นมีเสียงกรีดร้องดังมาจากชั้นบน...

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน