ซู่เป่ามองไปทางน้าที่ชื่อเป้ยเฉินอวี่อย่างสงสัย
รู้สึกเพียงการกระทำของเธอประหลาดมาก
ซูจิ่นอวี้พูดอย่างตะลึงอยู่ด้านข้าง “เป้ยเฉินอวี่นี่เอง…”
ซู่เป่าเอ่ยถามเสียงเบา “แม่ เธอเป็นเพื่อนแม่งั้นเหรอ”
ซูจิ่นอวี้นึกย้อนสักพัก จึงตอบ “เพื่อนร่วมโรคมากกว่า!”
“เมื่อก่อนตอนที่แม่รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล…เวลาที่ลงจากเตียงได้แม่ก็จะไปเดินเล่นในสวนดอกไม้”
เวลานั้นเองที่เธอได้เจอกับเป้ยเฉินอวี่
ระหว่างคุยซูจิ่นอวี้จึงได้รู้ว่าเป้ยเฉินอวี่เองก็เป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวเหมือนเธอ เธอพูดด้วยสีหน้าสิ้นหวัง ว่าเธอจะไม่รักษาต่อแล้ว
“แม่ถามเธอทำไมไม่รักษาต่อล่ะ พร้อมทั้งปลอบเธอว่าอย่าละทิ้งความหวังสิ เธอบอกแม่ว่าคนในบ้านเธอขายบ้านขายรถเพื่อรักษาโรคให้เธอ จากคนธรรมดาในเมืองเล็กๆ การป่วยครั้งนี้ละลายทรัพย์ในบ้านของเธอไปจนหมด…”
ซูจิ่นอวี้เห็นใจเธอมาก เธอมองเป้ยเฉินอวี่ที่เตรียมจะเลิกรักษาแล้วออกจากโรงพยาบาล พ่อของเธอนั่งยองๆ ไม่พูดไม่จาอยู่ด้านข้าง ส่วนแม่ของเธอก็เช็ดน้ำตาเงียบๆ
ซูจิ่นอวี้ใจอ่อน จึงช่วยออกค่าใช้จ่ายการรักษาครั้งนั้นให้กับพวกเธอ
“ครั้งที่สองที่ได้เห็นเธอ เป็นหนึ่งเดือนหลังจากนั้น หลังจากที่เธอรักษาเสร็จและกลับไปครั้งนั้น ก็ได้มาถึงการทำเคมีบำบัดอีกครั้ง”
“เป้ยเฉินอวี่เธอโวยวายไม่ยอมรักษา แต่พ่อของเธอไปขายเลือดแลกเงินเพื่อมารักษาให้เธอ แม่ของเธอคุกเข่าขอร้องเธอ…”
พูดจบ เป้ยเฉินอวี่ก็มองไปทางซูจิ่นอวี้อย่างอิจฉา เธอได้อยู่ห้องวีไอพี ได้รับทรัพยากรการรักษาที่ดีที่สุด ไม่มีวันต้องเครียดเรื่องเงิน แต่เธอไม่เหมือนซูจิ่นอวี้ เธอเตรียมใจที่จะตายอยู่เสมอ กระทั่งอยากกระโดดตึกจบชีวิตตนเอง…เพื่อให้พ่อแม่หลุดพ้น
“แม่รู้สึกว่าบ้านของเธอน่าสงสารมากจริงๆ พวกเราจึงเริ่มกลายเป็นเพื่อนกัน หลังจากนั้นแม่ก็ออกค่าใช้จ่ายให้เธอทุกรอบที่เธอนอนโรงพยาบาล”
เพราะตอนนั้น สำหรับเธอแล้วเงินไม่มีความหมายแม้แต่นิด
เธอไม่ใช่แม่พระ เพียงแค่เห็นความสิ้นหวังเช่นเดียวกับตัวเธอบนตัวเป้ยเฉินอวี่แล้ว เธอจึงอยากให้อีกฝ่ายดีขึ้นจากใจ เห็นคนอื่นดีขึ้นราวกับเธอเองก็จะมีความหวังมากขึ้น
ซู่เป่าตระหนัก แบบนี้นี่เอง
“ครั้งสุดท้ายน่าจะเป็นตอนที่แม่นอนติดเตียงลุกขึ้นมาไม่ได้ เธอขึ้นมาหาแม่บนห้องวีไอพี ร้องไห้พร้อมบอกลากับแม่”
“แม่ถามเธอว่าเป็นอะไร เธอบอกเธอหาไขกระดูกที่เข้ากับเธอได้แล้ว แต่การปลูกถ่ายไขกระดูก รวมทั้งการทำเคมีบำบัด ต้องใช้เงินหลายล้าน ไม่ใช่สิ่งที่บ้านของเธอจะรับผิดชอบไหว”
[ทำไมสวรรค์ถึงโหดร้ายขนาดนี้ ให้ความหวังกับฉัน แต่กลับทำให้ฉันสิ้นหวังครั้งแล้วครั้งเล่า ฉันไม่ได้ยินข่าวนี้ยังดีเสียกว่า…]
นี่คือสิ่งที่เป้ยเฉินอวี่พูดกับแม่ตอนนั้น
ตอนนั้นซูจิ่นอวี้เองก็กำลังรอไขกระดูก เธอเข้าใจความรู้สึกที่รอความหวังอันริบหรี่ภายใต้ความสิ้นหวังดี
มีโรคมะเร็งเลือดตั้งเท่าไรที่ตายไประหว่างการรอการปลูกถ่าย
และเธอก็กำลังจะเป็นเช่นนั้น…
คนเราเมื่อใกล้ตายจิตใจจะเมตตาขึ้น ซูจิ่นอวี้ไม่ได้คิดถึงเรื่องอื่น เธอคิดเพียงอย่างน้อยรอดเพิ่มขึ้นสักคนก็ยังดี
การเจอไขกระดูกที่เข้ากันได้ แต่กลับต้องละทิ้งเพราะไม่มีเงิน มันน่าเสียดายมากไม่ใช่หรือไง
ดังนั้นซูจิ่นอวี้จึงขอความช่วยเหลือจากพี่ใหญ่ของตน
ซูจิ่นอวี้มองเป้ยเฉินอวี่ที่อยู่ตรงหน้า ตอนนี้เธอเหมือนจะหายดีแล้ว แต่คนคนนี้กลับแตกต่างจากเป้ยเฉินอวี่ในความทรงจำของเธอเล็กน้อย
บางทีพอกลายเป็นผี เรื่องราวที่เห็นก็เลยชัดเจนมากยิ่งขึ้นงั้นเหรอ
ซูอีเฉินกวาดตาลง เอ่ยพูดเบาๆ “ไม่จำเป็น ใช้ชีวิตของคุณให้ดีก็พอ”
เขาแทบจะลืมเรื่องนี้ไปแล้ว ตอนนั้นที่ให้เงินเป้ยเฉินอวี่ไป เพราะเพียงแค่อยากทำบุญ อธิษฐานให้น้องของตนจะเจอไขกระดูกที่เข้ากับเธอได้เร็วๆ
เป้ยเฉินอวี่ยังคงตอแยต่อ เธอจิกชายเสื้อของตนเอาไว้ราวกับกังวลใจมากกว่าเดิม พูดอย่างติดอ่าง “พี่อีเฉิน ยะ-อย่าพูดแบบนี้สิ ฉะ-ฉันรู้สึกขอบคุณพวกคุณมากจริงๆ ให้ฉันทำงานเป็นวัวเป็นควายก็ได้…จริงๆนะ ฉันรู้สึกขอบคุณสวรรค์ที่ทำให้ฉันได้รู้จักเพื่อนอย่างซูจิ่นอวี้ ตอนนี้ฉันหายดีแล้ว แต่จิ่นอวี้กลับ…”
ระหว่างที่พูด ขอบตาเธอแดงก่ำขึ้น จากนั้นอ้อนวอน “เพราะงั้นฉันเพียงแค่อยากทำในสิ่งที่ฉันทำได้ ไม่ตอบแทนบุญคุณของพวกคุณ ฉันรู้สึกไม่สบายใจจริงๆ…”
นายหญิงซูลุกขึ้น พูดเบาๆ “แกอยากตอบแทนยังไง มาเป็นลูกสาวฉัน แทนที่อวี้เอ๋อร์งั้นเหรอ”
ตระกูลซูให้เงินรักษากับเธอใม่พอ เธอยังคิดจะมาเป็นลูกสาวตระกูลซูอีกงั้นเหรอ
เป้ยเฉินอวี่รนรานขึ้นมาในทันที คุกเข่าลงเป็นเสียงดังตุบ “ไม่ใช่นะคะ นายหญิงเข้าใจผิดแล้ว ฉันไม่เคยมีความคิดแบบนี้มาก่อน”
“ฉันแค่อยากตอบแทนท่าน ดูแลท่านแทนจิ่นอวี้ จริงๆ นะคะ ฉันแค่คิดว่า อย่างน้อยได้เข้ามาเป็นคนใช้ในตระกูลซูก็ยังดี…ฉันยอมทำงานเป็นวัวเป็นควายเพื่อตอบแทนพวกคุณ!”
เป้ยเฉินอวี่ส่ายหน้า “ไม่ค่ะ ฉะ-ฉันไม่นั่ง เสื้อบนตัวฉันทั้งเก่าทั้งสกปรก อย่าทำโซฟาเปื้อนเลย…”
พูดจบก็มองไปทางรอบๆ ด้วยความระมัดระวังอย่างอิจฉา เธอพูดขึ้นเสียงเบา “ที่แท้บ้านของจิ่นอวี้เป็นแบบนี้นี่เอง…เหมือนในทีวีเลย ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน…ไม่เหมือนบ้านฉัน…ทั้งเล็กทั้งสกปรก…”
นายหญิงซู “……” ประโยคนั้นเธอแค่พูดขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ!
จู่ๆ ซู่เป่าก็พูดขึ้นอีก “คุณน้า บ้านน้าต้องไม่รักษาอนามัยมากแน่ๆ เลยใช่ไหม ไม่อย่างนั้นทำไมเสื้อสกปรกแล้วไม่ซัก หนำซ้ำยังใส่ออกมาอีก ทำไมในบ้านสกปรก แล้วไม่ทำความสะอาดล่ะ”
เป้ยเฉินอวี่ “……”
ซู่เป่า “เสื้อน้าไม่ได้ซักมาสิบวันเหรอ ไม่อย่างนั้นทำไมแค่นั่งแล้วทำโซฟาเปื้อนได้เลยล่ะ”
เป้ยเฉินอวี่ “……”
ซู่เป่าตระหนัก “หนูรู้แล้ว เพราะที่บ้านน้าไม่มีนิสัยซักผ้าสินะ หนูจะบอกให้นะ นั่นไม่ใช่นิสัยที่ดีเลย เพราะเดี๋ยวหัวน้าจะเป็นเหานะ รีบแก้นิสัยนี้ดีกว่า…”
เป้ยเฉินอวี่ “……”
ทุกคนต่างกลั้นหัวเราะ เด็กๆ นี่มีเรื่องอะไรก็ถามออกมาหมดเลย เป็นเด็กนี่มันดีจริงๆ!
อาเนี่ยยิ้มอ่อน “คุณเป้ยครับ สุนัขไม่รังเกียจที่บ้านจน บุตรไม่รังเกียจแม่ที่หน้าตาอัปลักษณ์ เรื่องของฐานะครอบครัวไม่ใช่สิ่งที่จะเอามาเปรียบเทียบกันได้ อีกเดี๋ยวนายหญิงมีเรื่องต้องออกจากบ้าน ผมส่งคุณกลับไปก่อนดีกว่า”
ใบหน้าของเป้ยเฉินอวี่เต็มไปด้วยความรัอนรน เธอกัดปาก ใบหน้าซีดเผือด “ฉะ-ฉันผิดไปแล้ว ฉันไม่ควรมาที่นี่ ฉันที่มารบกวนพวกคุณมันสมควรตาย ขอโทษนะคะ…”
พูดจบเธอก็เช็ดน้ำตาออก ขนตากระเพื่อมเล็กน้อย มองไปทางซูอีเฉินด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยน้ำตา และก้มหัวลงอย่างรวดเร็วราวกับกระต่ายที่ตื่นกลัว
“พี่อีเฉิน ขอโทษที่ทำให้พวกคุณต้องรู้สึกเกลียด ขอโทษนะ”
นายหญิงซูฟังเธอที่ขอโทษไม่หยุด เธอขอโทษไปด้วยพูดจาด้อยค่าตนเองไปด้วย นายหญิงซูรู้สึกเหนื่อยใจสุดๆ
คนแบบนี้ ไล่ออกไปเลยดีกว่า!
หลังจากนี้หากเป้ยเฉินอวี่สามารถก้าวเข้ามาในตระกูลซูได้อีกก้าวถือซะว่าเธอแพ้เลย!
เป้ยเฉินอวี่ก้มหัว จิกชายเสื้อไว้ จนชายเสื้อถูกเธอจิกจนจะขาด
โดยทั่วไป หากคนอื่นได้ยินคำนี้คงเอ่ยอย่างเกรงใจ [จะเป็นไปไดัยังไง พวกเราไม่ได้เกลียดเธอ…]จากนั้นเพื่อเป็นการแสดงว่าไม่ได้เกลียดเธอจริงๆ ก็จะเรียกเชิญให้เธอมานั่งดื่มชาด้วยกันสักแก้วสิ…
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน
1819 ตอนสุดท้าย จบแล้วหรือคะ...
ไม่ลงต่อแล้วหรอคะ 🥹...
รอทุกวันเลยค่ะ...
กระโดดข้ามหายไปหลายตอนเลยค่ะ...
1293 1297 1298 หายค่ะ 🥲🥲...
ตอนที่ 1288 หายไปค่ะ...
เย้...กลับมาแล้ว รอทุกวันเลยค่ะ...
หายไปนานจังเลยนะจ๊ะรอลงตอนใหม่อยู่นะคะ...
รอค่ะ...
ทำไมรอบนี้หลายไปนานคะ หรือไปบงที่อื่นคะ...