ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 474

ซูเหอเวิ่นชะงักไปครู่หนึ่งและนึกย้อนกลับไปอย่างพิจารณา เมื่อก่อนไม่เคยไปหลุมฝังศพปู่น้อยใหญ่ตามลำพังเลย?

ใหญ่ หมายถึงความสัมพันธ์แบบพี่น้องที่มีปู่คนเดียวกัน...

ปู่น้อยใหญ่ของปู่เขา ก็คืออาหรือลุงของปู่เขา ซึ่งควรเรียกว่าอาปู่หรือลุงปู่ใหญ่...

เมื่อซูเหอเวิ่นคิดถึงตรงนี้ เขาก็รู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง เขาสับสนกับลำดับความอาวุโส เวียนหัวอยู่พักหนึ่ง และไม่รู้ว่าย่ากำลังพูดถึงอะไร

ซูเหอเวิ่นพูด “คุณย่า ที่คุณย่าพูดหมายถึงอาปู่หรือลุงปู่ใหญ่เหรอครับ”

เมื่อครู่นี้นายหญิงซูพยายามหาข้อแก้ตัว เผลอพูดออกไปได้...ไม่ได้คิดให้รอบคอบเลย

เธอพูดเงียบ ๆ “อาของปู่เธอและลุงของปู่เธอ”

ซูเหอเวิ่นเข้าใจในทันที “อ้อ นี่เป็นวันครบรอบการตายของบรรพบุรุษทั้งสองนี่เอง! คุณย่าพูดว่าปู่น้อยใหญ่เลยทำผมสับสนเลย ทำไมคุณย่าไม่บอกตรง ๆ เลยว่าอาของปู่และลุงของปู่ ทำไมถึงพูดว่าปู่น้อยใหญ่ล่ะ อามีแต่เล็กไม่มีใหญ่ ลุงต่างหากที่มีใหญ่”

ในลำดับอาวุโสมีอาเล็ก ลุงใหญ่ ไม่มีอาใหญ่ ลุงเล็ก คุณย่าต้องสับสนแน่ ๆ

นายหญิงซูกำลังกินอะไรบางอย่างอยู่ เธอยกเปลือกตาขึ้นแล้วมองมาที่เขา “ไม่กินแล้วใช่ไหม”

ซูเหอเวิ่นรู้สึกขนที่หลังลุกซู่ และคว้าข้าวขึ้นมาทันที “กิน ๆ ๆ”

นายหญิงซูพูดเบา ๆ “ยามรับประทานไม่สนทนา ยามนอนไม่พูดคุย อย่าพูดตอนกินข้าว”

ซูเหอเวิ่นไม่ได้พูดอะไรอีก และรู้สึกว่าอีกไม่นานย่าต้องตีเขาแน่ ๆ

ซูจื่อซีเก็บของลงมาที่ชั้นล่าง และสักพักหานหานที่ง่วงเหงาหาวนอนก็ลงมาที่ชั้นล่างเช่นกัน

ตามมาด้วยซูเหอเหวินและซูอีเฉิน พ่อและลูกชายคุยกันด้วยเสียงแผ่วเบา มีร่องรอยของความประหลาดใจแวบขึ้นมาในดวงตาของซูอีเฉิน

หานหานยังคงสะลึมสะลือ และประโยคแรกที่เธอถามคือ “น้องสาวล่ะ”

ซูเหอเวิ่นก้มหัวลงเพื่อหยิบข้าวแล้วพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ “ยังไม่ลุกเลย!”

หานหานส่งเสียงอ้อออกมา

หลังทานอาหารเสร็จ หานหานและซูจื่อซีกำลังจะไปโรงเรียน แต่ก็พบว่าพี่ชายสองคนไม่ต้องไป

หานหานเบิกตากว้าง “ทำไมล่ะ ทำไมพวกพี่ไม่ต้องไปล่ะ”

ซูเหอเหวินนั่งที่โต๊ะและพูดอย่างราบเรียบ “เราจะไปเยี่ยมหลุมศพลุงใหญ่กัน”

เมื่อได้ยินแบบนั้นคุณท่านซูก็เงยหน้าขึ้นมองด้วยความประหลาดใจ ลุงใหญ่เหรอ ไปหลุมศพเหรอ ทำไมเขาถึงไม่รู้

เขามองนายหญิงซูอย่างสงสัย แต่เมื่อเห็นเธอจ้องมองเขาด้วยสายตาที่อันตรายมาก คุณท่านซูจึงก้มหน้าลงอย่างรู้งานและอ่านหนังสือพิมพ์ต่อไป

หานหานตะโกน “ทำไมไปหลุมศพแล้วไม่พาหนูไปด้วย! หนูไม่อยากไปโรงเรียน หนูอยากไปหลุมศพด้วย!”

นายหญิงซู “หนูเพิ่งขึ้น ป.1 เลยไม่สะดวกลา”

หานหานหันไปมองซูจื่อซี “แล้วพี่ชายหนูล่ะ”

พี่ชายเธอไม่ได้อยู่ ป.1!

ใจของซูจื่อซีลอยออกไปไกล

นายหญิงซูสะกดกลั้นอารมณ์ไว้ “ซูจื่อซีเพิ่งออกจากโรงพยาบาลไม่สะดวกไปหรอก มันไม่ดีต่อเขา”

หานหานยิ่งประหลาดใจมากขึ้น “แล้วซู่เป่าล่ะคะ ซู่เป่า...”

นายหญิงซูยกข้อมือขึ้นพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า “ไปโรงเรียนหรือเปล่า หืม? ถ้าหนูเป็นเหมือนพี่ชายทั้งสองคนที่สามารถสอบได้ที่หนึ่งโดยไม่ต้องไปโรงเรียนได้ ย่าจะไม่คัดค้านเด็ดขาด ตอนนี้หนูจะไปก็ได้ แต่รีบขึ้นไปข้างบน ทำแบบฝึกหัดให้เสร็จแล้วค่อยลงมา ถ้าไม่เสร็จก็เอาไปที่หลุมศพด้วยก็ได้!”

หานหานถอยหลังทันที “ไม่ได้ ๆ!”

แค่ไม่ต้องทำการบ้าน ทุกอย่างก็ดูคุยง่าย!

นายหญิงซู “ยังอยากไปหลุมศพอยู่ไหม”

หานหาน “ไม่แล้ว ๆ!”

เธอวิ่งอย่างรวดเร็วและพุ่งขึ้นรถโรงเรียน

โธ่ ผลของการเป็นเด็กเรียนนี่มันดีจริง ๆ ไม่อยากไปโรงเรียนก็ไม่ต้องไปโรงเรียน!

แล้วดูเธอกับพี่เธอสิ...จุ๊ ๆ

หานหานเหลือบมองซูจื่อซีที่เพิ่งขึ้นรถมาอย่างไม่สบอารมณ์ และรู้สึกว่าเขาไม่เอาไหนเลย

**

ปกติแล้วซูเหอเหวินจะนั่งอยู่ในร้านหนังสือเพื่ออ่านหนังสือสักพักหลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ แต่ตอนนี้เขาไม่สามารถนั่งนิ่งได้ จึงลุกขึ้นยืนแล้วพูดว่า “ผมจะออกไปสูดอากาศข้างนอก”

เธอเพิ่งตื่น และเธอยังคงสวม 'ชุดดำ' ของเมื่อคืนนี้ โดยทั่วทั้งตัวเป็นสีดำ

ผมที่ยังไม่ยาวของเธอนั้นยุ่งเหยิง มวยเล็ก ๆ ด้านหนึ่งคลายออก อีกด้านมียางรัดผมไว้หลวม ๆ ซึ่งอาจจะหลุดเมื่อไหร่ก็ได้

เสี่ยวอู่เหยียบไหล่ของเธอ ย่นคอเล็กน้อย และจ้องมองแขกที่ไม่ได้รับเชิญในห้องนั่งเล่นด้วยดวงตาคู่เล็ก

“จริงเหรอ” นายหญิงซูถาม

ดวงตาเล็ก ๆ ของซู่เป่าสั่นไหว “ผูก...ผูกไว้ค่ะ!”

นายหญิงซูถอนหายใจอยู่ภายใน ทนไม่ได้ที่จะเปิดโปงเธอ

“แบบนี้นี่เอง ซู่เป่าของเรานี่เก่งจริง ๆ” นายหญิงซูลูบผมนุ่มของเธออย่างอ่อนโยน ถอดยางมัดผมที่กำลังจะหลุดออก และลูบผมของเธอให้เรียบ

ซู่เป่าถอนหายใจด้วยความโล่งอกแล้วพูดว่า “คุณยายไม่ต้องห่วงนะคะ ป้าสะใภ้ใหญ่จะไม่กัดใครค่ะ”

ในที่สุดสายตาของทุกคนก็จับจ้องไปที่เหยาหลิงเยว่อีกครั้ง

เหยาหลิงเยว่จ้องมองซูเหอเวิ่นตั้งแต่วินาทีที่เธอเข้ามาในประตู ดวงตาของเธอจ้องไม่กระพริบเหมือนคนที่ไม่มีชีวิตเลยสักนิด

เสื้อผ้าของเธอเก่าทรุดโทรม วัสดุและแบบมีความเป็นเอกลักษณ์ คล้ายเสื้อคลุมของนักพรตเต๋าแต่ไม่เหมือนกัน มีรอยผ่าตรงลำตัวไว้หลวม ๆ ตรงรักแร้ของเสื้อเปื่อยยุ่ย ดูเหมือนผ้าคลุมไหล่เล็กน้อย

เสื้อคลุมของซูเหอเหวินยังคงผูกอยู่รอบเอว...

หัวใจของซูเหอเหวินบีบรัดจนแน่น

โชคดีที่นายหญิงซูแสร้งทำเป็นไม่สังเกตเห็น และถามว่า “แล้วนี่เธอ...?”

ซู่เป่าพูด “ป้าสะใภ้ใหญ่ป่วยค่ะ...ท่านอาจารย์บอกว่าป้าสะใภ้ใหญ่ไม่มีสติแล้ว”

อ้อ ยังเป็นยัยโง่อยู่อีกเหรอ นายหญิงซูคิดเรื่องนี้อย่างลับ ๆ

สิ่งที่เธอค่อนข้างลังเลก็คือ...

นายหญิงซูมองเหยาหลิงเยว่ที่ผอมหนังหุ้มกระดูก ทั้งผอมและดำ ไม่ใช่ดำเพราะตากแดด แต่ดำแบบที่เหมือนโดนย่างจนไหม้เล็กน้อย...

“แล้ว แล้วเธอกินอาหารหรือว่า...ดื่มเลือดล่ะ” นายหญิงซูถามอย่างสงสัย

ทุกคน “??”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน