ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 725

มู่กุยฝานแบกซู่เป่าอยู่บนหลัง เจ้าเด็กน้อยยังเตี้ยเกินไป หากปล่อยให้เดินเองละก็ กอหญ้ายังจะสูงกว่าเธอเสียอีก หากใบหน้าน้อยๆ ถูกหญ้าบาดขึ้นมา กลับไปต้องถูกนายหญิงห้ำหั่นเอาแน่ๆ

ลมพัดต้นหญ้าไหวจนเกิดเสียงซู่ๆ ดังขึ้นมา ซู่เป่ายังคงถือกล้องส่องทางไกลสำหรับมองกลางคืนคุณภาพสูงอยู่ในมือ พลางจ้องไปที่อารามแห่งนั้น

เอี๊ยดอ๊าด

ประตูของอารามถูกเปิดออก เสียงที่เกิดจากประตูไม้หนักแว่วออกไปไกลตามลม ได้ยินอย่างชัดเจนไปไกลครึ่งภูเขา

ในป่าและเขาตอนกลางดึกเงียบสงัดเป็นอย่างมาก มู่กุยฝานรู้สึกไม่ชอบมาพากลกำลังหันหน้ากลับไปมอง ทว่าถูกซู่เป่ากดศีรษะเอาไว้ ไม่ให้เขาหันกลับไป

มู่กุยฝาน “…”

“เห็นอะไรเหรอ” เขาถาม

ซู่เป่าเอ่ยขึ้นว่า “พ่อคะ พ่อคงไม่อยากรู้หรอกค่ะ”

มู่กุยฝาน ประโยคนี้อีกแล้ว

เขาหยิบกล้องส่องทางไกลมาดูทีหนึ่ง เห็นเพียงแต่ผีสาวตนหนึ่งโผล่พรวดออกมาในกล้อง กำลังนั่งหวีผมอยู่หน้าประตูของอาราม

“…”

นี่จะพูดยังไงดี

ทั้งๆ ที่เป็นอาราม แต่กลับเหมือนเป็นบ้านของผีสาวมากกว่า ยิ่งทำให้คนรู้สึกแปลกจนน่าสะพรึงกลัว

เบื้องหลังมีบางอย่างเข้ามาใกล้ แม้ในตอนที่มู่กุยฝานไม่ได้ใส่สร้อยข้อมือเชือกดำก็ยังสัมผัสถึงผีได้ ตอนนี้รู้สึกเพียงว่าขนลุกซู่ขึ้นมา ไม่ต้องมองก็รู้ว่ามีอะไรตามอยู่เบื้องหลัง

“ซู่เป่า?”

ทว่ากลับได้ยินเธอพูดว่า “พ่อคะ เดินตอนกลางคืนดึกดื่นอย่าหันหลังไปเด็ดหลัง”

เหล่าผีที่อยู่เบื้องหลังพวกนี้ ยังถือว่าจิ๊บๆ

มู่กุยฝานทำได้เพียงเดินหน้าต่อไป

สิ่งที่เขามองไม่เห็นคือ เบื้องหลังอัดแน่นเต็มไปด้วยผี

ในคืนที่มืดมิด ‘คน’ กลุ่มหนึ่งตามคุณอย่างเงียบๆ อยู่เบื้องหลัง

หากหันหลังกลับไปในช่วงเวลานี้ ต้องตกใจจนกลายเป็นหนึ่งในสมาชิกของพวกเขาแน่ๆ

ไม่นานก็มาถึงหน้าประตูอาราม

ผีสาวที่กำลังหวีผมอยู่ไม่รู้หายไปไหนแล้ว มีเพียงประตูอารามเปิดกว้างอยู่

“จะเข้าไปไหม” มู่กุยฝานจ้องประตูที่เปิดกว้างพลางถามขึ้น

“เข้าไปสิคะ”

ซู่เป่าลงมาแล้วจ้ำอ้าวอย่างว่องไว พูดยังไม่ทันขาดคำเธอก็วิ่งเข้าไปแล้ว

“ซู่เป่ารอด้วย!”

มู่กุยฝานกำลังจะตามเข้าไป ทว่าท้ายที่สุดก็อดกลั้นไม่ไหวหันหลังไปมองทีหนึ่ง

ผีสาวตนหนึ่งเกาะอยู่บนตัวเขาเรียบร้อยแล้ว

เมื่อมู่กุยฝานหันหลังกลับไป หน้าของผีสาวก็ประชิดอยู่ตรงหน้าเขา

“…”

เป็นสิ่งที่เขาไม่อยากรู้จริงๆ ด้วย

มู่กุยฝานปล่อยหมัดออกไปต่อยเข้ากลางหน้าของผีสาวพอดี ไม่ว่ายังไงก็คิดไม่ตกร่างกายของมนุษย์ต่อยถูกเนื้อตัวของเธอได้ยังไง

“อ๊า...”

เสียงร้องโหยหวนราวกับเสียงก้องกังวาลของแตรในสนามรบ

เหล่า ‘ศพ’ ที่เมื่อครู่ยังจ้องเขม็งก็พลันพุ่งมาทางมู่กุยฝาน!

ปากพวกเขาส่งเสียงฮาๆ ออกมา สองแขนยื่นยาว เป้าหมายของเหล่าผีชัดเจนเป็นอย่างมาก ทุกตนต่างเล็งมาที่คอของมู่กุยฝาน

นักพรตมู่:“……”

เขารีบตามไปที่ซู่เป่า ทว่าเพิ่งจะเหยียบย่างเข้าไปในประตูใหญ่ของอาราม บนประตูก็พลันมีผีสาวห้อยหัวโผล่ขึ้นมาตนหนึ่ง ซึ่งก็คือผีสาวที่หวีผมอยู่ตรงประตูเมื่อครู่

ดวงตาทั้งสองของเธอจ้องเขาทั้งอย่างนั้น แม้มู่กุยฝานจะเห็นผีมาเยอะ แต่ในใจก็ยังแอบกลัวจนใจเต้นตึกตัก

ไม่กลัวผีร้องโหยหวน ก็กลัวผีไม่ส่งเสียงออกมา นักพรตมู่ยกขาขึ้นมาเตะโดยไม่พูดไม่จา ศีรษะของผีสาวถูกเตะจนกระเด็นออกไป ผมที่หวีไว้เป็นทรงสวยกระเซอะกระเซิงจนกลายเป็นรังนก

“ผม...ของฉัน...!” ผีสาวส่งเสียงอันน่าสยดสยองออกมา ร่างที่ไร้ศีรษะยกมือขึ้นมาแล้วกระโจนไปที่มู่กุยฝาน

ช่วงเวลานี้หยุดชะงัก มู่กุยฝานถูกโจมตีทั้งหน้าทั้งหลัง เขาถูกผีล้อมเอาไว้

ซู่เป่าถอยกลับมา ตะโกนพูดขึ้นว่า “พ่อไม่ต้องตกใจไปนะคะ นี่แค่จิ๊บๆ!”

มู่กุยฝาน นี่หนูเรียกว่าจิ๊บๆ เหรอ

มู่กุยฝานวิ่งไปกอดซู่เป่าเอาไว้อย่างรวดเร็วราวกับลูกศรอันแหลมคม

“ซู่เป่า?!”

เมื่อครู่เขายังมองกระถางธูปว่ามีอะไรแตกต่าง พยายามมองแสงทองที่ซู่เป่าบอกให้ออก

ใครจะไปรู้พอหันหน้ากลับไปก็เห็นซู่เป่าราวกับถูกสะกดจิตอย่างนั้น เขาตกตะลึง กำลังปลุกซู่เป่าให้ตื่น ใครจะไปรู้ว่าจู่ๆ เธอจะลอยออกไป!

“พ่อ...รีบหนีไป...” ซู่เป่ารู้สึกเพียงว่าเจ็บหัวใจเป็นอย่างมาก มองดูพู่กันชี้ชะตาถูกแสงทองพันแล้วลากเข้าไปในกระถางธูปต่อหน้าต่อตา

จนถึงตอนนี้ ที่พึ่งของซู่เป่าก็คือเชือกแดงที่สามารถปกป้องเธอได้ ไม่ว่าจะมีพละกำลังจะแข็งแกร่งแค่ไหน เพียงแค่ทำให้เธอบาดเจ็บ เชือกแดงก็จะโจมตีกลับ

ทว่าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เชือกแดงไม่ตอบสนองกับแสงทองเหล่านี้

ซึ่งก็หมายความว่า ตอนนี้เธอต้องพึ่งตัวเองเท่านั้น!

ซู่เป่ายื่นมือออกไปควบคุมพู่กันชี้ชะตากลางอากาศ กัดฟันไม่กล้าปล่อย

ไกลออกไปสองสามกิโลเมตร นักพรตผู้หนึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่ในถ้ำลึกลับ ในใจตกตะลึงเป็นอย่างมาก “พู่กันพิพากษา?!”

“ไม่สิ...พู่กันพิพากษาไม่ได้หน้าตาแบบนี้...”

แต่พู่กันด้ามนี้มีฤทธิ์เดชแก่กล้ามากกว่าพู่กันพิพากษา แสงทองเพิ่งจะได้สัมผัส เขาก็รู้ถึงความพิเศษของพู่กันด้ามนี้แล้ว

ในวินาทีนั้น นักพรตซานชิงราวกับได้เห็น ‘โลกเซียน’ ที่ตัวเองพยายามไล่ล่ามาทั้งชีวิตก็ไม่อาจเอื้อมถึง

“พู่กันด้ามนี้...”

นักพรตซานชิงยิ่งมองก็ยิ่งตกตะลึง ยิ่งมองก็ยิ่งร้อนใจ

นี่มันอาวุธวิเศษขั้นไหนกัน!

อาวุธวิเศษแบบนี้ ตกอยู่ในมือของเด็กสามขวบมันช่างเสียของจริงๆ

เขาบำเพ็ญมาหลายปีขนาดนั้น โอ้อวดว่าตัวเองร่ำเรียนจนมีความสามารถ พู่กันเช่นนี้ควรตกมาอยู่ในมือของเขาถึงจะแสดงคุณค่าออกมาได้มากที่สุด!

นัยน์ตาของนักพรตซานชิงเผยความโลภออกมา กำหมัดแน่น ต้องคว้ามาให้ได้!

อีกด้าน ซู่เป่าเองก็กำลัง ‘คว้า’ พู่กันชี้ชะตาอยู่เช่นกัน ทันใดนั้นก็ลอยไปทางกระถางธูปอย่างควบคุมไม่ได้...

เจ้าเด็กน้อยโกรธแล้ว

อ๊าๆๆๆ ไม่นึกเลยว่าจะมีคนแย่งพู่กันของเธอ!!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน