ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 872

อาหารมื้อนี้จัดเตรียมภายในเวลาสั้นๆ ทว่ากลับไม่มีการขายผ้าเอาหน้ารอดเลยแม้แต่น้อย วัตถุดิบที่หามาได้ต่างปรุงอย่างพิถีพิถัน

ซู่เป่ารู้สึกได้ถึงการยัด ๆ เข้าไปอันคุ้นเคยอีกครั้ง

อาหารเต็มโต๊ะ ข้าวสี่ถึงห้าถ้วย ซุปไก่หนึ่งหม้อ...

กินอิ่มแล้วก็มีขนมหวาน ผลไม้ ชาผลไม้ที่แก้เลี่ยนและลดความอ้วนมาอีก...

ไม่ได้มีเพียงแค่ท้องของซู่เป่าเท่านั้นที่ถูกยัดจนกลมป่อง ท้องของเสี่ยวอู่เองก็เปลี่ยนเป็นกลมป่องเช่นกัน

หลังกินข้าวเสร็จซู่เป่าก็เป็นอัมพาตอยู่บนโซฟา ส่วนเสี่ยวอู่เป็นอัมพาตอยู่บนไหล่ของเธอ หนึ่งคนหนึ่งนกถอนหายใจอย่างพอใจ

“บ้านดีที่สุดแล้ว!”

นายหญิงซูยกนมเปรี้ยวมาอีกแก้วหนึ่ง จากนั้นถามขึ้นด้วยความปวดใจว่า “ไม่ได้กินอะไรมานานแค่ไหนแล้ว?”

ซู่เป่ากลัวว่าคุณยายจะเป็นห่วง จึงพูดขึ้นว่า “ก็วัน...วันหนึ่งค่ะ”

นายหญิงซูไม่เชื่อ

หลังซู่เป่ากินจนอิ่มหมีพีมัน ก็เริ่มง่วงนอนในทันใด

อยู่ในยมโลกมาหนึ่งปี ช่างมืดมนไร้ซึ่งแสงตะวัน แยกกลางวันกลางคืนไม่ได้ ไม่มีความรู้สึกหิวโหยและไม่มีความรู้สึกง่วงนอน

ซู่เป่าคิดว่าถ้าตัวเองต้องอยู่อีกหนึ่งปี หรือไม่ต้องไปหุบเหวผีร้อง ตนเองอาจจะหลงทางไปแล้วมั้ง!

มู่กุยฝานกำลังส่งข้อความให้ซูอีเฉิน

[ซู่เป่าสูงขึ้น ต้องซื้อเสื้อผ้าใหม่แล้ว...สองสามตัวนี้ไม่เลวทีเดียว พี่ลองดูสิ]

เขาส่งรูปสิบกว่ารูปไปติดต่อกัน ล้วนเป็นกระโปรงตัวน้อย กางเกง และเสื้อผ้าสวยๆ

ระหว่างนั้นยังส่งเสื้อเชิ้ตสีดำโอต์กูตูร์ปนไปด้วยตัวหนึ่ง

ซูอีเฉิน [ทำไมฉันไม่เห็นเคยรู้ว่าซู่เป่าใส่เสื้อเชิ้ตด้วย?]

มู่กุยฝาน [อ้อ เอามาใส่เอง]

ซูอีเฉิน […]

[ไปให้พ้น!]

มุมปากของมู่กุยฝานกระตุกเล็กน้อย จากนั้นยกโทรศัพท์ขึ้นถามอย่างพอใจว่า “ซู่เป่า หนูชอบ...”

ทว่ากลับเห็นซู่เป่าหลับไปแล้ว

เธอเอียงศีรษะ ในมือถือนมเปรี้ยวเอาไว้ ปากยังกัดหลอดอยู่ ส่งเสียงลมหายใจออกมาอย่างเท่า ๆ กัน

ไม่รู้ว่าตาฝาดไปหรือเปล่า มู่กุยฝานรู้สึกว่าหลังเธอกินข้าวเข้าไปมื้อหนึ่ง ใบหน้าที่ผอมมากในตอนแรกกลมดิ๊กขึ้นมาสองสามส่วนในทันใด

มู่กุยฝานเดินหน้าขึ้นมา อุ้มซู่เป่าขึ้นเบา ๆ จากนั้นก็อุ้มเธอไปที่ห้อง

ความรู้สึกของเขาไม่ผิด เมื่อครู่ตอนที่ซู่เป่ากลับมาเบามาก รู้สึกไม่น่าจะถึงยี่สิบกิโลกรัม (น้ำหนักเฉลี่ยของเด็กผู้หญิงวัยห้าขวบอยู่ที่ประมาณสิบแปดกิโลกรัม)

ตอนนี้ลองกะเกณฑ์อีกที รู้สึกน่าจะมีสามสิบห้ากิโลกรัม...? ราวกับหนักขึ้นมาสิบกิโลกรัม...

มู่กุยฝานพลันรู้สึกมหัศจรรย์ขึ้นมา อดไม่ได้ที่จะทดสอบน้ำหนักด้วยมืออีกครั้ง

นายหญิงซูถือของเดินมาแล้วเห็นเข้าพอดี จึงอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นว่า “มู่กุยฝาน! เธอระวังหน่อย...”

เมื่อตระหนักได้ว่าเสียงของตัวเองดังไปนิด เธอจึงกดเสียงต่ำลง “ซู่เป่านอนอยู่ดีๆ เธอทดสอบน้ำหนักซู่เป่าทำไม?”

มู่กุยฝานกระแอมเสียงหนึ่ง “ไม่มีอะไรครับ กลัวว่าของที่เธอกินลงไปจะไปไม่ถึงกระเพาะ ผมก็เลยทดสอบน้ำหนักให้เธอ เขย่าอย่างสม่ำเสมอ...”

ก่อนที่หญิงชราจะย่างเท้าเข้ามา มู่กุยฝานก็เผ่นไปก่อนแล้ว

เมื่อเข้ามาในห้อง ก็เห็นจี้ฉางนั่งอยู่บนโซฟาเงียบๆ ในมือถือตำราอยู่เล่มหนึ่ง

“หืม? กลับมาแล้วเหรอ?” มู่กุยฝานตกตะลึง และประหลาดใจเป็นอย่างมาก

เมื่อครู่ไม่เห็นจี้ฉางเลย

มุมปากมู่กุยฝานกระตุก “นี่ๆ อ่านอะไรพวกนี้ต่อหน้าฉันเลยมันจะดีจริงๆ เหรอ?”

แต่เขาไม่อยากรู้ว่าเขาจะตายตอนไหน ถ้าจะต้องตาย เขาก็หวังว่าจะในตอนอายุ 500 ปี

จี้ฉางจ้องตำรา ไม่ได้พูดอะไร

ข้างหลังเวลามรณะว่างเปล่า ไม่มีเวลามรณะ?

เขาพลันเงยหน้าขึ้นมา แล้วจ้องมู่กุยฝาน

ตกลงเจ้าหนุ่มคนนี้มีที่มาที่ไปยังไงกันแน่

มู่กุยฝาน “มองฉันแบบนี้ทำไม ไม่ได้เป็นเกย์ ขอบคุณ”

จี้ฉาง “...”

อยากจะเขวี้ยงตำราใส่หน้าเขาจริงๆ

จี้ฉางชักสายตากลับอย่างหมดคำพูด จากนั้นเปิดไปยังหน้าซืออี้หรันอีกครั้ง

เยี่ยมเลย ครั้งนี้กระทั่งข้อมูลรายละเอียดก็ไม่มีแล้ว มีเพียงแค่ชื่อกับแซ่ ซืออี้หรัน ชาย

มุมปากจี้ฉางกระตุก เขาจำได้ว่าครั้งแรกที่เจอซืออี้หรันตอนนั้นเคยเปิดตำราของเขา ยังบันทึกวันเดือนปีเกิดและสถานที่เกิดไว้อยู่เลย!

เขาเปิดไปยังหน้าของจิ่งจั้นอีกด้วยใจที่ไม่ยอมแพ้ สุดท้ายมีการบันทึกไว้ว่า

จิ่งจั้น ชาย อายุ 12 ปี

เกิดยามเฉินวันที่ 3 เดือนธันวาคม ปี 2011 ซอยX ถนนX อำเภอหงX

ผู้บำเพ็ญ ไม่เชื่อฟังสวรรค์เปลี่ยนชะตากรรม ตายตอนอายุ 18

จี้ฉาง “...”

ไม่เชื่อฟังสวรรค์เปลี่ยนชะตากรรมนี่เปลี่ยนให้โดดเดี่ยว...

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน