แต่ที่ตำหนักพญายมจะปล่อยให้หลัวอีโกหกได้อย่างไร?
ทุกสิ่งที่เธอทําก่อนตายถูกเปิดโปงออกมา เธอเป็นเพียงเบี้ยตัวหนึ่งที่พ่อและพี่ชายเอามารั้งจี้ฉางไว้เฉยๆ และเธอก็สัญญากับพ่อและพี่ชายว่าจะให้ความร่วมมือ
เงื่อนไขคือต้องหาสามีที่ดีให้เธอในภายหลัง…
“มีโทษ แต่โทษไม่ถึงสิบแปดชั้น งั้นก็ลงกระทะเสีย!” พญายมยกมือและพู่กันที่อยู่ตรงหน้าก็เคลื่อนโดยอัตโนมัติและเขียนคําตัดสินออกมา
“ชาติหน้าเป็นไปไม่ได้ที่จะไปเกิดในที่ดีๆ ได้ คงต้องไปเกิดเป็นทาสและทนทุกข์ทรมาน”
คำพูดของพญายมกำหนดชะตาชาติหน้าของหลัวอีไว้ทันที
สีหน้าหลัวอีเปลี่ยนไปและก้มหัวขอร้องว่า “อย่านะ ท่านพญายม อย่าเลย…”
เมื่อเห็นพญายมที่นั่งอยู่บนบัลลังก์มีสีหน้าเย็นชา และที่มุมริมฝีปากไม่มีทีท่าจะยกขึ้น แถมดวงตาก็ไม่มีความรู้สึกใดๆ
หลัวอีรีบกระโจนเข้าหาจี้ฉางทันที “พี่จี้ฉาง พี่ช่วยข้าที ช่วยข้าด้วยเถิด…”
จี้ฉางทำเหมือนไม่ได้ยิน
หลัวอีถูกลากไปที่กระทะน้ำมัน
เธอเสียใจๆ ที่สุด!
ถ้ารู้แต่แรกว่าจี้ฉางตายแล้วจะได้เป็นผู้พิพากษาใต้บังลังก์ของพญายม เธอก็คงไม่ปล่อยเขาไป
เธอก็คงจะจริงใจกับเขา ช่วยเขาออกมา และอยู่กับเขาไปตลอดชีวิต!
หลังจากที่หลัวอีลงไปแล้ว จักรพรรดิก็ถูกคุมตัวเข้ามาทันที
“ปล่อยข้าเสีย!” เขาโมโห “ข้าเป็นถึงบุตรของสวรรค์ ตายแล้วไม่ควรต้องมาจกนรก! ข้าเป็นถึงโอรสคนโปรดของสวรรค์ มังกร…”
ป้าบ!
พลังบีบเค้นที่รุนแรงบีบให้จักรพรรดิต้องคุกเข่าลงจนเข่าแตก!
หางตาพญายมโน้มขึ้นเล็กน้อย และจ้องไปที่จักรพรรดิที่อยู่ข้างล่างด้วยความเย็นชา
“ผู้พิพากษา คนนี้ให้เจ้าจัดการแล้วกัน”
หลังจากนั้นเธอก็หยิบพู่กันชี้ชะตาออกมาและมัวแต่สนใจเขียนงานของตัวเอง
ในที่สุดจี้ฉางก็เลิกคิ้วและมองไปที่จักพรรดิที่คุกเข่าอยู่ข้างล่างอย่างไม่ยินดี
จักรพรรดิเพิ่งจะสังเกตเห็นว่าผู้พิพากษาดันเป็นจี้ฉาง!
จี้ฉางยกมุมปากเล็กน้อย “เจ้าเป็นใคร เกิดเมื่อไหร่ เกิดที่ไหน ตายเพราะอะไร?”
เขาพูดประโยคเดียวกับพญายมเลย ส่วนพญายมก็เลิกคิ้วเล็กน้อยและมองไปที่เขาแวบหนึ่ง
จักรพรรดิโกรธจัด “กล้าดียังไง! เจ้ารู้อยู่แล้วมิใช่หรือ…”
ป้าบ!
พลังบีบเค้นที่เย็นเฉียบบดขยี้วิญญาณของจักรพรรดิในทันทีจนเกือบจะฉีกร่างเขาออก
พญายมเงยหน้าขึ้นและกล่าวอย่างเย็นชาว่า “มาที่ตำหนักพญายมของข้าก็คือวิญญาณในวิหารของข้า! ทำตัวสุภาพกับผู้พิพากษาของข้าด้วย”
จักรพรรดิตะลึง
ความกดดันของพญายม ณ ขณะนี้ทําให้เขารู้สึกหวาดกลัว สุดท้ายเขาก็ไม่กล้าเหิมเกริมอะไร ได้แต่ลุกลี้ลุกลนสั่น และยอมรับความเป็นจริงที่ว่าเขากลายเป็นผีเหมือนคนธรรมดาทั่วไปหลังจากตายไปแล้ว…
“พูดมาสิว่าเจ้าเป็นใคร เกิดเมื่อไหร่ เกิดที่ไหน ตายเพราะอะไร?”
จี้ฉางพูดซ้ำอีกที จักรพรรดิรู้สึกอัดอั้นตันใจเป็นอย่างมาก เดิมทีเขาเป็นถึงจักรพรรดิและจี้ฉางเป็นแค่ข้าราชบริพารและต้องคุกเข่าต่อหน้าเขา
แต่ตอนนี้กลับตรงกันข้าม…จักรพรรดิผู้สง่างามของเขาต้องมาคุกเข่าต่อหน้ากบฏแบบข้า…
สิ่งนี้ทําให้เขารู้สึกอึดอัดจนแทบจะเป็นบ้า…
**
ซู่เป่าสักเกตเห็นท่านอาจารย์เหม่อลอยและมองไปที่ไกลๆ ไม่พูดอะไรอีกครั้ง
เธอเขย่าที่แขนเขาด้วยความระมัดระวัง “ท่านอาจารย์?”
จี้ฉางได้สติ “หืม?”
โกรธจะตายอยู่แล้ว ทำไมเขาถึงได้ดวงซวยแบบนี้ งือๆๆ!
ผีสองสามตัวแถวนี้ทำเป็นแกล้งเล่นกัน แต่ทันใดนั้นจู่ๆ ที่ต้นสนหิมะที่อยู่ข้างๆ ก็สั่นเล็กน้อย
มู่กุยฝานแบกพลั่วไว้ในมือออกมาแถมยังมีอมยิ้มคาไว้ในปาก
“เอิ่ม…ทำงานๆ บังเอิญมาพักผ่อนที่นี่น่ะ”
ซูเหอเวิ่นตามมาด้านหลังและปัดเศษหญ้าที่ก้นออกอย่างทุลักทุเล “พวกเธอคุยกันต่อได้เลย พี่แค่เดินผ่านเฉยๆ”
ซู่เป่าไม่เชื่อ “พ่อมาแอบฟัง!”
ปกติพ่อทำอะไรก็เปิดเผยไม่ใช่เหรอ ทำไมวันนี้ถึงมาแอบฟังล่ะ
พี่ด้วย ไปซ่อนตัวอยู่หลังต้นสนหิมะกับพ่อได้ยังไง?
มู่กุยฝานเอาอมยิ้มยัดลงในมือของซู่เป่าแล้วยกริมฝีปาก “มาบอกว่าแอบฟังได้ยังไงเล่า?”
เดิมทีมู่กุยฟานก็แค่เดินผ่านโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่พอดีได้ยินเรื่องที่จี้ฉางถูกฆ่ายกครัว…
เธอยกมือและกดซูเหอเวิ่นที่เตรียมจะหนีไว้และถามเขาว่า
“พี่ชายล่ะมาแอบฟังด้วยทำไม?” ซู่เป่าถาม
ซูเหอเวิ่นลูบจมูกเหมือนตัวเองบริสุทธิ์แล้วก็เห็นสีหน้าที่เตือนของอาเขย…
ได้แต่พูดไปว่า “พี่ๆๆ ถ้าพี่บอกว่ามาขี้เธอจะเชื่อไหม?”
จี้ฉาง “…”
ซู่เป่า “ห้ามปัสสาวะหรืออุจจาระเรี่ยราดไปเรื่อย!”
จี้ฉางยกมุมปาก
เดิมทีก็คิดว่าที่หลังต้นสนหิมะจะมีแค่มู่กุยฟานและซูเหอเวิ่น แต่ที่ไหนได้ไม่คิดว่าต้นสนหิมะจะยังขยับอีก และมี ‘คน’ มุดออกมา…
ซูเหอเวิ่นขนลุกในทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน
1819 ตอนสุดท้าย จบแล้วหรือคะ...
ไม่ลงต่อแล้วหรอคะ 🥹...
รอทุกวันเลยค่ะ...
กระโดดข้ามหายไปหลายตอนเลยค่ะ...
1293 1297 1298 หายค่ะ 🥲🥲...
ตอนที่ 1288 หายไปค่ะ...
เย้...กลับมาแล้ว รอทุกวันเลยค่ะ...
หายไปนานจังเลยนะจ๊ะรอลงตอนใหม่อยู่นะคะ...
รอค่ะ...
ทำไมรอบนี้หลายไปนานคะ หรือไปบงที่อื่นคะ...