ข้างหลังต้นสนหิมะมีเด็กเล็กๆ มุดออกมาแล้วโบกมือยิ้มคิกคัก
“สวัสดีค่ะ”
พูดจบก็จ้องตรงไปที่ซูเหอเวิ่นแล้วเอ่ย “พี่ชาย เมื่อกี้พี่เหยียบกระโปรงของหนู”
เธอทำหน้าไม่พอใจ “หนูยืนอยู่ข้างหลังพี่แท้ๆ พี่ไม่รู้เลยเหรอ”
ซูเหอเวิ่น “…”
พอนึกถึงตอนที่ซ่อนตัวอยู่หลังต้นสนหิมะแล้วยังมีผีตามอยู่ข้างหลัง ทำให้เขารู้สึกขนลุกไปหมด
“นี่เธอ เธอมาตามพวกเราทำไม!” ซูเหอเวิ่นถาม
ผีเด็กตัวนี้เป็นลูกสาวของคู่รักที่เพิ่งอุ้มโกศไปเมื่อกี้ชื่อเสี่ยวจิ่ว
เสี่ยวจิ่วเข้ามาใกล้และนั่งยองๆ อยู่ข้างซู่เป่าแล้วพูดว่า “พ่อแม่หนูกำลังฝังหนูอยู่ หนูเบื่อก็เลยจะออกมาเล่นกับพี่”
ซูเหอเวิ่น “ทำไมต้องเป็นฉันด้วย…”
เขาอยากจะถามนานแล้วว่าทำไมต้องเป็นเขาด้วย ทำไมต้องเป็นเขาตลอดที่ต้องเจ็บปวด!
ดูเหมือนผีแทบทุกตัวต่างจับจ้องมาที่เขา
ครั้งก่อนก็เหมือนกัน ตอนที่ผีหัวคนสิงร่างจั๋วเคอก็เป็นแบบนี้ ทั้งๆ ที่สามารถไปจ้องพี่ชายเขาได้ แต่กลับมาจ้องที่เขาอยู่ตลอด
เสี่ยวจิ่วเอียงหัวมองไปที่ซูเหอเวิ่น “เพราะว่าพี่หน้าตาดีไง”
“พี่สาวคนนี้ก็หน้าตาดี แต่พอมองหลายๆ ครั้งก็ดูเหมือนจะก้าวล่วงเกินไป…”
เสี่ยวจิ่วบ่นพึมพำ เธอเป็นผีตายโหงน้อยก็เลยไม่สามารถรับรู้ถึงแรงกดดันโดยธรรมชาติของพญายม
เพียงแต่โดยสัญชาตญาณทำให้รู้สึกว่าไม่กล้าที่จะมองบ่อยๆ
ไม่เหมือนซูเหอเวิ่น
“พี่สามารถเห็นหนูได้ แถมยังเป็นพวกเดียวกับเรา แต่ดันเป็นคนซะงั้น เพราะฉะนั้นหนูก็ต้องอยากรู้อยากเห็นเป็นธรรมดา!” เธอตอบ
ซูเหอเวิ่น “…”
ใครเป็นพวกเดียวกับเธอมิทราบ คนกับผีนั้นอยู่คนละโลกกัน จะมาบอกว่าคนที่เห็นผีเป็นพวกเดียวกันได้ไง…
ซู่เป่าอดไม่ได้ที่จะแอบขำและอธิบายว่า “ผีสามารถมองเห็นคนได้ แต่โดยหลักแล้วคนจะไม่สามารถมองเห็นผีได้ ทำให้ผีที่โดดเดี่ยวก็จะรู้สึกเหงามากและเวลาที่พวกเขาพบว่ามีคนเห็นพวกเขา…แน่นอนว่าพวกเขาก็ต้องมีความสุข”
พอมีความสุขปุ๊บ ก็เลยมองว่าพี่เป็นพวกเดียวกัน?
หมายความแบบนี้แหละ
ซูเหอเวิ่นหมดคำจะพูด การมองเห็นผีก็เป็นบาปอย่างหนึ่ง…
“แต่อย่างไรก็ตามคนกับผีก็ไม่เหมือนกัน! เธอตายไปแล้วก็ไม่ควรอยู่ในโลกมนุษย์ต่อไปหรือเปล่า? เธอไม่กลัวว่าฉันจะจับเธอหรือไง!” ซูเหอเวิ่นขู่
เสี่ยวจิ่วยิ้มคิกคักแล้วถามด้วยความสงสัย “พี่เอาอะไรมาจับหนูเหรอ?”
ซูเหอเวิ่นหยิบของในกระเป๋าออกมา!
กองยันต์ต่างๆ กระทะก้นเรียบ ตาข่ายขาด…
ซูเหอเวิ่นจ้องตาเป็นมันไปที่เสี่ยวจิ่ว “ยังไงฉันก็จับเธอได้อยู่แล้ว!”
เสี่ยวจิ่วมองไปที่ซูเหอเวิ่นเงียบๆ
เธอไม่ไป ไม่มีทางไป เธอยังมีเรื่องสําคัญที่ยังทำไม่สำเร็จ…
เธอไม่กลัวเขาหรอก
แต่เธอกลัวอีกสองคน…
เสี่ยวจิ่วมองไปที่ซู่เป่าและจี้ฉางอย่างระมัดระวังและพบว่าทั้งคู่กําลังจ้องมาที่เธออยู่
เธอรีบลุกขึ้นมาแล้ววิ่งหนีไป!
เธอเป็นผีตายโหงน้อยและสามารถออกมาตอนกลางวันได้เป็นครั้งคราว แต่ต้องพึ่งพาบางสิ่งบางอย่าง
โดยทั่วไปก็จะหลบอยู่ในที่มืด
จี้ฉางยืนอยู่ที่เดิมแล้วมองไปที่ซู่เป่าเงียบๆ ด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า
จู่ๆ มู่กุยฝานก็ถามขึ้นมาว่า “ที่นี่คือที่ที่ท่านเสียชีวิตเหรอ?”
เนินผิงฉาง สุสานผิงฉาง
มู่กุยฝานเพิ่งตรวจสอบดูประวัติของสุสานผิงฉาง และพบว่าเมื่อก่อนที่นี่เป็นพื้นที่รกร้าง และเจอในประวัติศาสตร์ที่ไม่เป็นทางการว่าที่นี่เคยเป็นที่ๆ เอาไว้ฆ่าคนที่ต่อต้านหรือก่อกบฏ
ไม่คิดว่าสิ่งที่ประวัติศาสตร์ที่ไม่เป็นทางการบันทึกไว้จะเป็นเรื่องจริง
ได้ยินมาว่าหลังเหล่าผู้ต่อต้านถูกสังหาร ราชสํานักก็ยังส่งคนไปปราบปรามที่นี่และสร้างหอคอยแปดเหลี่ยมขึ้นที่นี่
เนื่องจากหอคอยนี้ไม่มีชื่อ ก็เลยถูกชาวบ้านตั้งชื่อตามชื่อสถานที่และเรียกมันว่าหอคอยผิงฉาง
กาลเวลาผ่านไป ที่มาของหอคอยผิงฉางก็ถูกคนรุ่นหลังลืม และค่อยๆ กลายเป็นสถานที่พักพิงชั่วคราวสําหรับผู้คนที่เดินผ่านไปมา
สามพันปีต่อมา หอคอยผิงฉางที่เสียหายมานานแล้ว ก็เลยเหลือเพียงฐานข้างล่างอย่างเดียว
สุดท้ายที่นี่ก็ถูกพัฒนาเป็นสุสานและกลายเป็นสุสานผิงฉางในปัจจุบัน
จี้ฉางหันกลับมามองเขาแล้วส่ายหัวเบาๆ “อยู่ห่างจากที่นี่ไปอีกนิดหนึ่ง อยู่ตรงโน้น”
เขาชี้ไปที่ไกลๆ ซึ่งก็คือจุดที่เมื่อกี้เขามองอยู่ตลอด
มู่กุยฝานเลิกคิ้ว “อ่อ ตรงที่จอดรถ”
ตรงเชิงเขาที่มีเนินลาดชัน แต่ปัจจุบันได้มีการปลูกหญ้าประดับแทน
ส่วนเนินเขาลาดชันนั้นได้มีการถมที่จนเรียบและสร้างที่จอดรถขึ้นมาแทน
จี้ฉางพยักหน้าอืม
มู่กุยฝานเลิกคิ้ว “เอายังไงดี ให้ข้าขึ้นไปจุดธูปให้ท่านดีไหม?”
จี้ฉาง “…”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน
1819 ตอนสุดท้าย จบแล้วหรือคะ...
ไม่ลงต่อแล้วหรอคะ 🥹...
รอทุกวันเลยค่ะ...
กระโดดข้ามหายไปหลายตอนเลยค่ะ...
1293 1297 1298 หายค่ะ 🥲🥲...
ตอนที่ 1288 หายไปค่ะ...
เย้...กลับมาแล้ว รอทุกวันเลยค่ะ...
หายไปนานจังเลยนะจ๊ะรอลงตอนใหม่อยู่นะคะ...
รอค่ะ...
ทำไมรอบนี้หลายไปนานคะ หรือไปบงที่อื่นคะ...