ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 927

ข้างหลังต้นสนหิมะมีเด็กเล็กๆ มุดออกมาแล้วโบกมือยิ้มคิกคัก

“สวัสดีค่ะ”

พูดจบก็จ้องตรงไปที่ซูเหอเวิ่นแล้วเอ่ย “พี่ชาย เมื่อกี้พี่เหยียบกระโปรงของหนู”

เธอทำหน้าไม่พอใจ “หนูยืนอยู่ข้างหลังพี่แท้ๆ พี่ไม่รู้เลยเหรอ”

ซูเหอเวิ่น “…”

พอนึกถึงตอนที่ซ่อนตัวอยู่หลังต้นสนหิมะแล้วยังมีผีตามอยู่ข้างหลัง ทำให้เขารู้สึกขนลุกไปหมด

“นี่เธอ เธอมาตามพวกเราทำไม!” ซูเหอเวิ่นถาม

ผีเด็กตัวนี้เป็นลูกสาวของคู่รักที่เพิ่งอุ้มโกศไปเมื่อกี้ชื่อเสี่ยวจิ่ว

เสี่ยวจิ่วเข้ามาใกล้และนั่งยองๆ อยู่ข้างซู่เป่าแล้วพูดว่า “พ่อแม่หนูกำลังฝังหนูอยู่ หนูเบื่อก็เลยจะออกมาเล่นกับพี่”

ซูเหอเวิ่น “ทำไมต้องเป็นฉันด้วย…”

เขาอยากจะถามนานแล้วว่าทำไมต้องเป็นเขาด้วย ทำไมต้องเป็นเขาตลอดที่ต้องเจ็บปวด!

ดูเหมือนผีแทบทุกตัวต่างจับจ้องมาที่เขา

ครั้งก่อนก็เหมือนกัน ตอนที่ผีหัวคนสิงร่างจั๋วเคอก็เป็นแบบนี้ ทั้งๆ ที่สามารถไปจ้องพี่ชายเขาได้ แต่กลับมาจ้องที่เขาอยู่ตลอด

เสี่ยวจิ่วเอียงหัวมองไปที่ซูเหอเวิ่น “เพราะว่าพี่หน้าตาดีไง”

“พี่สาวคนนี้ก็หน้าตาดี แต่พอมองหลายๆ ครั้งก็ดูเหมือนจะก้าวล่วงเกินไป…”

เสี่ยวจิ่วบ่นพึมพำ เธอเป็นผีตายโหงน้อยก็เลยไม่สามารถรับรู้ถึงแรงกดดันโดยธรรมชาติของพญายม

เพียงแต่โดยสัญชาตญาณทำให้รู้สึกว่าไม่กล้าที่จะมองบ่อยๆ

ไม่เหมือนซูเหอเวิ่น

“พี่สามารถเห็นหนูได้ แถมยังเป็นพวกเดียวกับเรา แต่ดันเป็นคนซะงั้น เพราะฉะนั้นหนูก็ต้องอยากรู้อยากเห็นเป็นธรรมดา!” เธอตอบ

ซูเหอเวิ่น “…”

ใครเป็นพวกเดียวกับเธอมิทราบ คนกับผีนั้นอยู่คนละโลกกัน จะมาบอกว่าคนที่เห็นผีเป็นพวกเดียวกันได้ไง…

ซู่เป่าอดไม่ได้ที่จะแอบขำและอธิบายว่า “ผีสามารถมองเห็นคนได้ แต่โดยหลักแล้วคนจะไม่สามารถมองเห็นผีได้ ทำให้ผีที่โดดเดี่ยวก็จะรู้สึกเหงามากและเวลาที่พวกเขาพบว่ามีคนเห็นพวกเขา…แน่นอนว่าพวกเขาก็ต้องมีความสุข”

พอมีความสุขปุ๊บ ก็เลยมองว่าพี่เป็นพวกเดียวกัน?

หมายความแบบนี้แหละ

ซูเหอเวิ่นหมดคำจะพูด การมองเห็นผีก็เป็นบาปอย่างหนึ่ง…

“แต่อย่างไรก็ตามคนกับผีก็ไม่เหมือนกัน! เธอตายไปแล้วก็ไม่ควรอยู่ในโลกมนุษย์ต่อไปหรือเปล่า? เธอไม่กลัวว่าฉันจะจับเธอหรือไง!” ซูเหอเวิ่นขู่

เสี่ยวจิ่วยิ้มคิกคักแล้วถามด้วยความสงสัย “พี่เอาอะไรมาจับหนูเหรอ?”

ซูเหอเวิ่นหยิบของในกระเป๋าออกมา!

กองยันต์ต่างๆ กระทะก้นเรียบ ตาข่ายขาด…

ซูเหอเวิ่นจ้องตาเป็นมันไปที่เสี่ยวจิ่ว “ยังไงฉันก็จับเธอได้อยู่แล้ว!”

เสี่ยวจิ่วมองไปที่ซูเหอเวิ่นเงียบๆ

เธอไม่ไป ไม่มีทางไป เธอยังมีเรื่องสําคัญที่ยังทำไม่สำเร็จ…

เธอไม่กลัวเขาหรอก

แต่เธอกลัวอีกสองคน…

เสี่ยวจิ่วมองไปที่ซู่เป่าและจี้ฉางอย่างระมัดระวังและพบว่าทั้งคู่กําลังจ้องมาที่เธออยู่

เธอรีบลุกขึ้นมาแล้ววิ่งหนีไป!

เธอเป็นผีตายโหงน้อยและสามารถออกมาตอนกลางวันได้เป็นครั้งคราว แต่ต้องพึ่งพาบางสิ่งบางอย่าง

โดยทั่วไปก็จะหลบอยู่ในที่มืด

จี้ฉางยืนอยู่ที่เดิมแล้วมองไปที่ซู่เป่าเงียบๆ ด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า

จู่ๆ มู่กุยฝานก็ถามขึ้นมาว่า “ที่นี่คือที่ที่ท่านเสียชีวิตเหรอ?”

เนินผิงฉาง สุสานผิงฉาง

มู่กุยฝานเพิ่งตรวจสอบดูประวัติของสุสานผิงฉาง และพบว่าเมื่อก่อนที่นี่เป็นพื้นที่รกร้าง และเจอในประวัติศาสตร์ที่ไม่เป็นทางการว่าที่นี่เคยเป็นที่ๆ เอาไว้ฆ่าคนที่ต่อต้านหรือก่อกบฏ

ไม่คิดว่าสิ่งที่ประวัติศาสตร์ที่ไม่เป็นทางการบันทึกไว้จะเป็นเรื่องจริง

ได้ยินมาว่าหลังเหล่าผู้ต่อต้านถูกสังหาร ราชสํานักก็ยังส่งคนไปปราบปรามที่นี่และสร้างหอคอยแปดเหลี่ยมขึ้นที่นี่

เนื่องจากหอคอยนี้ไม่มีชื่อ ก็เลยถูกชาวบ้านตั้งชื่อตามชื่อสถานที่และเรียกมันว่าหอคอยผิงฉาง

กาลเวลาผ่านไป ที่มาของหอคอยผิงฉางก็ถูกคนรุ่นหลังลืม และค่อยๆ กลายเป็นสถานที่พักพิงชั่วคราวสําหรับผู้คนที่เดินผ่านไปมา

สามพันปีต่อมา หอคอยผิงฉางที่เสียหายมานานแล้ว ก็เลยเหลือเพียงฐานข้างล่างอย่างเดียว

สุดท้ายที่นี่ก็ถูกพัฒนาเป็นสุสานและกลายเป็นสุสานผิงฉางในปัจจุบัน

จี้ฉางหันกลับมามองเขาแล้วส่ายหัวเบาๆ “อยู่ห่างจากที่นี่ไปอีกนิดหนึ่ง อยู่ตรงโน้น”

เขาชี้ไปที่ไกลๆ ซึ่งก็คือจุดที่เมื่อกี้เขามองอยู่ตลอด

มู่กุยฝานเลิกคิ้ว “อ่อ ตรงที่จอดรถ”

ตรงเชิงเขาที่มีเนินลาดชัน แต่ปัจจุบันได้มีการปลูกหญ้าประดับแทน

ส่วนเนินเขาลาดชันนั้นได้มีการถมที่จนเรียบและสร้างที่จอดรถขึ้นมาแทน

จี้ฉางพยักหน้าอืม

มู่กุยฝานเลิกคิ้ว “เอายังไงดี ให้ข้าขึ้นไปจุดธูปให้ท่านดีไหม?”

จี้ฉาง “…”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน