ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 933

เสี่ยวจิ่วเช็ดน้ำตาที่หางตาแล้วพูดว่า “หนูอยากขอให้พี่ชายช่วยหนูพับดาวที่เหลืออีกเก้าสิบเอ็ดดวง”

เธอมองไปที่ซูเหอเวิ่นด้วยแววตาแห่งความหวัง “ขอร้องเถอะนะพี่ชาย หนูหามาหลายคนแล้วแต่พวกเขาก็มองไม่เห็นหนู”

ซูเหอเวิ่นถึงกับสตั้น เดิมทีก็คิดว่าจะเป็นเรื่องใหญ่อะไร…

ไม่นึกว่าจะเป็นเรื่องแบบนี้

บอกไม่ถูกว่าในใจรู้สึกยังไง ปกติแล้วเรื่องเล็กๆ แบบนี้เห็นได้ชัดว่าคนส่วนใหญ่ใช้เวลาทำแปปเดียวก็เสร็จ ส่วนถ้าทำไม่เสร็จก็จะยังมีเวลาให้ทำต่ออีกมาก

แต่สำหรับเสี่ยวจิ่วแล้วนั้นกลับ…

“โอเค เดี๋ยวพี่ช่วยเธอเอง” ซูเหอเวิ่นตอบรับ “แล้วเรื่องที่สองล่ะคืออะไร?”

เสี่ยวจิ่วเช็ดน้ำตาและเงียบไปครู่หนึ่งและอายที่จะพูดขึ้นมาว่า “เรื่องที่สองก็คือตอนที่หนูถูกพ่อและแม่มารับไปได้เห็นเสี่ยวเหม่ย”

“คุณลุงคุณป้าดูเสียใจมาก พวกเขาไม่เชื่อว่าเสี่ยวเหม่ยจะตายไปแบบนี้ แถมพวกเขายังไปทะเลาะกับลุงหมอกับป้าหมออีกด้วย”

“แถมพวกเขายังหานักพรตคนหนึ่งมา แต่นักพรตคนนั้นช่วยอะไรไม่ได้ เขาไม่สามารถทำให้เสี่ยวเหม่ยฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้ แถมยังทําให้เสี่ยวเหม่ยทรมานอีก”

ตอนที่เธอจากไปเธอเห็นเสี่ยวเหม่ยยังอยู่ในโรงพยาบาล เสี่ยวเหม่ยบอกว่าเธอไม่อยากตาย แต่เธอก็ทรมานเหลือเกินที่จะต้องถูกทิ้งไว้แบบนั้น

“หนูลากเธอไปด้วยแต่เธอก็ไม่ยอมไป เอาแต่เกาะติดอยู่บนตัวแม่”

เสี่ยวจิ่วส่ายหัว “หนูแค่อยากให้พี่ชายช่วยไปดูเสี่ยวเหม่ยให้หนูทีว่าเธอยังสบายดีไหม?”

แน่นอนว่าเรื่องนี้เสี่ยวเหม่ยไม่ได้ขอร้องเธอหรืออ้อนวอนวานให้เธอทำ แต่มันเป็นเพียงความห่วงใยของเธอก็เท่านั้น

ก่อนหน้านี้เธอคิดถึงแต่คุณพ่อคุณแม่จนลืมเสี่ยวเหม่ยไป ทำให้เธอรู้สึกผิดมาก

ซู่เป่าช่วยซูเหอเวิ่นพยักหน้า “โอเค เดี๋ยวพวกเราาจะไปช่วยดูให้นะ แต่ว่าเธอสามารถบอกพวกเราได้ไหมว่าบนตัวของเธอมีของดีอะไรหรือเปล่า?”

ซูเหอเวิ่นพยักหน้าอย่างต่อเนื่อง “ใช่ บนตัวของเธอมีของดีอะไรถึงสามารถเผายันต์ของฉันได้น่ะ!”

เป็นแค่ผีไม่น่าจะทำได้นะ!

เสี่ยวจิ่วงง “ของอะไรเหรอ ไม่มีนะ?”

ซูเหอเวิ่นและซู่เป่ามองไปที่มือของเธอ

ในมือของเธอกําลังกําอะไรบางอย่างอยู่

เสี่ยวจิ่วกางมือให้ดู “พวกพี่หมายถึงอันนี้เหรอ? อันนี้คือดาวน้อยที่หนูพับไง!”

ดาวน้อยที่จะมอบให้แม่ ตอนมาโรงพยาบาลเธอได้ทำตกในรถและเพิ่งจะไปหามาได้เนี่ย

ซู่เป่าและซูเหอเวิ่นเงียบอยู่พักหนึ่ง “เอ๊ะ”

จะว่าไปแล้ว ตัวเธอเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันแฮ่ะ…

เสี่ยวจิ่วพูดอย่างเร่งรีบว่า “พี่ชาย พี่ช่วยไปเอาขวดโหลของหนูคืนตอนนี้ได้ไหม? เมื่อกี้หนูไปดูมาแล้ว ขวดโหลยังอยู่”

ด้วยความที่ปิดบังแม่ไว้ เพราะฉะนั้นเธอก็เลยต้องเอาเอาขวดโหลซ่อนไว้ในมุมหนึ่งของโรงพยาบาลทันทีที่เธอมาถึงโรงพยาบาล

หลังจากตายไปแล้วเธอกังวลมากว่าจะมีคนเอาขวดของเธอไปไหม

ทุกครั้งที่ไปดูก็กังวลมากทุกครั้ง เพราะกลัวว่ามันจะไม่อยู่แล้วและกลัวว่าถ้ามันยังอยู่จะถูกคนอื่นหยิบไปเมื่อไหร่…

ซูเหอเวิ่นพยักหน้า “โอเคได้ ไปกันเถอะ อยู่ตรงไหนล่ะ?”

เสี่ยวจิ่วชี้ไปที่ประตูของห้องดับจิต “ตรงโน้นไง หลังประตู!”

มองทะลุห้องดับจิตไปสามารถมองเห็นปลายทางเดินได้…

ที่ตรงนั้นมีประตูอยู่บานหนึ่ง ด้านบนประตูมีป้ายสี่เหลี่ยมสีเขียวเขียนไว้ว่า ‘ทางออกที่ปลอดภัย’

แต่ประตูบานนั้นกลับดูน่ากลัวมากภายใต้แสงสีเขียว…

ซูเหอเวิ่นกลืนน้ำลาย “เธอเอามันมาซ่อนอยู่ตรงนี้ได้ยังไง?”

ภาพๆ หนึ่งปรากฏขึ้นมาในหัวของเขา

เสี่ยวจิ่วพูดอย่างร่าเริงว่า “อยู่นี่ไง! พี่ชาย รีบหยิบให้หนูที”

ซูเหอเวิ่นมองอย่างละเอียด

เห็นแต่เพียงชั้นวางของและโปสเตอร์วางอยู่ที่มุมใต้บันได และด้านบนก็ยังเขียนไว้ว่ายามุ่งเป้าเพื่อรักษาโรคมะเร็งอะไรสักอย่าง…

คิดว่าน่าจะเป็นพวกเซลล์ขายยาที่มาโฆษณาขายยาที่รพ.แล้วทิ้งเอาไว้

ที่ด้านหลังโปสเตอร์ยังมีตุ๊กตาคิตตี้วางอยู่ด้วย ใบหน้าซีดเซียวทำเอาซูเหอเวิ่นตกอกตกใจไปกันใหญ่

ซูเหอเวิ่นเก็บตุ๊กตาคิตตี้ขึ้นมา พอจับดูแล้วเหมือนข้างในจะมีของแข็งอะไรสักอย่างอยู่ก็เลยหยิบมันออกมาดู และเห็นว่าเป็นขวดโหลนั่นเอง

ขวดโหลมีขนาดประมาณขวดน้ำแร่หนึ่งขวดแต่เตี้ยกว่าครึ่งหนึ่ง ข้างในบรรจุไปด้วยดอกกล้วยไม้ผีเสื้อแห้งและดอกหอมหมื่นลี้แห้ง

นอกจากดอกสองชนิดนี้แล้ว ยังมีดอกกุหลาบแห้งและดอกท้อแห้งอีกด้วย…

ดอกไม้แห้งเหล่านี้พออยู่ในขวดโหลแล้วดูสวยมาก แถมในดอกไม้แห้งก็ยังมีดาวกระดาษน้อยกระจายอยู่ด้วย…

เสี่ยวจิ่วพูดด้วยความรู้สึกเสียใจภายหลัง “หนูเก็บดอกท้อในฤดูใบไม้ผลิ ส่วนดอกกล้วยไม้ผีเสื้อปลูกโดยป้าหมอคนหนึ่งในวอร์ด ตอนที่หนูกำลังรักษาอยู่หนูมักจะมองดอกกล้วยไม้ผีเสื้อนี้ตลอด”

ดอกกล้วยไม้ผีเสื้อสวยมาก พอออกดอกแล้วกิ่งก็จะแห้งและร่วงหล่นลงมากลายเป็นดอกไม้แห้ง

นี่เป็นดอกไม้แห้งที่เธอเก็บมาได้ง่ายที่สุดและไม่ถูกจับได้ แถมมันยังสวยมากๆ ถึงแม้ว่าจะแห้งแล้วแต่ก็ยังมีสีม่วงอ่อนๆ แม่ต้องชอบแน่ๆ เลย

“ส่วนดอกกุหลาบมาจากตอนที่ญาติคนอื่นมาเยี่ยมที่โรงพยาบาลแล้วเอาดอกไม้มา หนูก็เลยไปแอบขอพวกเขามาหนึ่งดอก”

“ส่วนดอกหอมหมื่นลี้เก็บมาตอนฤดูร้อน…”

น่าเสียดายจริงๆ

ที่เธอไม่มีโอกาสได้เก็บดอกไม้ในฤดูใบไม้ร่วงและดอกไม้ในฤดูหนาวอีกแล้ว

เธออยากเก็บดอกไม้ทั้งปีมาให้แม่ อย่างงี้แม่ก็จะมีดอกไม้ตลอดทั้งปีไปตลอด

ให้ดอกไม้แห้งมาทดแทนเธอ และอยู่เป็นเพื่อนแม่ตลอดทั้งปี…

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน