ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน นิยาย บท 236

หลี่หรงคนนี้ตามหลอกหลอนไม่หยุดจริงๆ เดิมทีคิดว่าจะแย่งการค้าขายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเพียงเท่านั้น แต่ตอนนี้ยังเข้ามาแย่งชิงด้านร้านอาหารด้วย

ลู่ม่านไม่ชอบพวกเขามาตั้งแต่แรก แต่พอเห็นอย่างนี้ยิ่งกระตุ้นการต่อสู้ของนางมากยิ่งขึ้น

“ในเมื่อร้านหลี่หรงนี้น่ารำคาญถึงขนาดนี้ เราก็ต้องร่วมมือกัน เพื่อเอาชนะอีกฝ่ายให้ได้!”

พอผู้ดูแลร้านช่ายได้ยินอย่างนี้ ดวงตาของเขาก็เป็นประกายขึ้นมา “แม่นางลู่ ท่านยังมีสูตรลับอื่นอีกไหม”

ลู่ม่านพยักหน้า “ที่จริงก็ไม่ใช่สูตรลับอะไร แต่เป็นซีอิ๊วของข้า!” หลังจากนั้นลู่ม่านก็วางขวดซีอิ๊วขนาดเล็กที่นางนำมาด้วยลงบนโต๊ะ

ผู้ดูแลร้านช่ายลำบากใจมาก “แม่นางลู่ ไม่ใช่ว่าข้าไม่เชื่อท่าน แค่ดูเหมือนซีอิ๊วของท่านจะขายไม่ค่อยดี พ่อครัวในร้านก็ลองแล้ว แต่สีของอาหารก็ดูไม่ได้ ลูกค้าหลายคนได้ลองก็ไม่อยากลองอีก...”

ลู่ม่านเกือบจะพ่นเลือดออกมาเต็มปาก ทำกันอย่างนี้เลยหรือ

“นั่นเป็นเพราะพ่อครัวของพวกท่านกะปริมาณไม่ได้ เขาคงจะใส่มากเกินไป!” ลู่ม่านไม่มั่นใจเล็กน้อย “สั่งคนเตรียมหมูสามชั้น ปลา ซี่โครงหมู ขาหมู และฝักดขียวมา ข้าจะทำเมนูตุ๋นทั้งโต๊ะให้ท่านลองชิมดู!”

ผู้ดูแลร้านช่ายชอบนิสัยของลู่ม่าที่ใจกล้าไม่กลัวอะไรนี้มาก ทุกครั้งที่นางทำแบบนี้ ผู้ดูแลร้านช่ายก็คิดว่าต้องมีเรื่องดีเกิดขึ้น

“ได้ ข้าจะให้คนไปเตรียมมาเดี๋ยวนี้”

ในร้านมีวัตถิดิบเยอะมาก หลังจากที่ผู้ดูแลร้านช่ายสั่งก็ได้ทุกอย่างที่ต้องการทันที ครั้งนี้ซีอิ๊วจะปรากฏในวันแข่งขันด้วย ดังนั้นลู่ม่านจึงขอไล่ทุกคนออกไปหมด

นางอยู่ในห้องครัวกับเหอเย่วที่เป็นลูกมือยู่ข้างๆ

ลู่ม่านได้วัตถุดิบทั้งหมด สิ่งแรกที่จะทำคือลวกหมูสามชั้น ซี่โครงหมู เขาหมู และหมักปลาไว้ ก่อนจะหั่นฝักเขียวเป็นชิ้นไว้ เพื่อใส่ลงไปภายหลัง จากนั้นก็ใส่น้ำมันลงในหม้อ และทำการผัดอาหารแต่ละจาน และที่สำคัญคือใส่ซีอิ๊วระหว่างที่ผัดด้วย

สถานการณ์ที่ผู้ดูแลร้านช่ายกล่าวมา เห็นได้ชัดว่าเป็นอาหารประเภทที่ไม่เหมาะในการใช้ซีอิ๊ว ถ้าใส่มากเกินไปจะทำให้หน้าตาอาหารดูไม่ดี

ถึงแม้ลู่ม่านจะไม่ใช่พ่อครัว แต่ในยุคปัจจุบัน นางเติบโตขึ้นมาด้วยการกินอาหารที่มีซีอิ๊วเป็นเครื่องปรุงด้วย

ดังนั้นในเรื่องของปริมาณ ต้องกะประมาณให้แม่นยำ

พอใส่ซีอิ๊วลงไป รสชาติของเนื้อก็จะเปลี่ยนไปทันที ลู่ม่านรีบหยิบน้ำส้มสายชูดำมา แล้วเติมลงไปเล็กน้อย รสชาติของซีอิ๊วกับน้ำส้มสายชูดำที่ผสมผสานกันอย่างลงตัวทำให้รสชาติของอาหารอร่อยจนถึงขีดสุด

ผู้คนที่รออยู่นอกประตูพากันกลืนน้ำลาย

พ่อครัวคนหนึ่งอดที่จะถามออกมาไม่ได้ “นี่มันกลิ่นอะไร หอมมากจริงๆ”

ผู้ดูแลร้านช่ายจ้องมาที่เขาอย่างโมโห “เจ้ายังกล้าพูดอีก ตอนที่ข้าบอกให้เจ้าทำ สุนัขยังไม่กล้ากินอาหารที่เจ้าทำเลย!”

พ่อครัวชะงักไปทันที “นี่ท่านกำลังจะบอกว่าเป็นกลิ่นของเจ้าน้ำดำๆ นั้น... ซีอิ๊วนั้นอย่างนั้นหรือ?”

ผู้ดูแลร้านช่ายไม่สนใจเขา และพุ่งสมาธิอยู่ในห้องครัว ครึ่งชั่วโมงต่อมา ประตูห้องครัวก็เปิดออก ก่อนที่เหอเย่วก็ออกมาพร้อมถาดอาหาร

มีอาหารหลายจานบนถาด ได้แก่ ขาหมูตุ๋น หมูสามชั้นตุ๋น ซี่โครงหมูตุ๋น และฝักเขียวตุ๋น

ลู่ม่านพยายามจัดเนื้อกับผักให้เสมอกัน เพื่อให้ได้รสชาติที่กลมกล่อมที่สุดตอนกิน

เดิมทีกลิ่นของอาหารที่ลอดมาจากประตูก็ทำให้คนน้ำลายสอแล้ว พอได้เห็นอาหารที่มีสีสันวางอยู่ตรงหน้า และเห็นเนื้อหมูตุ๋นที่เหมือนจะเคลือบด้วยสีน้ำผึ้งที่คล้ายกับน้ำตาลทราย

แต่มันไม่หวาน และไม่เค็มจนเกินไป

ผู้ดูแลร้านช่ายรีบหยิบหมูตุ๋นขึ้นมาลองชิมหนึ่งชิ้น พอใส่เข้าไปในปาก เนื้อติดมันแต่ไม่เลี่ยน เพราะหลังจากใส่ซีอิ๊วลงไปแล้ว รสชาติที่เคยเลี่ยนก็ถูกปรับให้เป็นกลางลงมาก

“ใช่แล้ว ทักษะการทำอาหารของแม่นางลู่ ถ้าไม่รับลูกศิษย์สืบทอดต่อไปคงน่าเสียดายมาก พอดีเลย ลูกสาวคนโตของข้าปีนี้อายุสิบสามปี เธอฉลาดมีไหวพริบดี ไม่ทราบว่า...”

ลู่ม่านตกละลึง นี่เขาคิดจะให้ลูกสาวของเขามาเรียนทำอาหารกับนางจริงหรือ?

“เอ่อ...” ไม่ใช่ว่านางไม่อยากสอน แค่นางไม่มีอารมณ์สอนคนทำอาหาร? ปกตินางก็ยุ่งมาก ที่จริงแล้ว นางแค่ยืนอยู่ในจุดยืนของคนในยุคปัจจุบันที่เคยได้ลิ้มลองอะไรใหม่ๆ มาเยอะ จนมีความรู้มากกว่าพวกเขาไปบ้างก็เท่านั้นเอง

ถ้าอีกฝ่ายมาเรียนจริง ๆ นางอาจจะเทียบอีกฝ่ายไม่ได้ด้วยซ้ำ

“นายหญิงมีข้าเป็นลูกศิษย์อยู่แล้ว!” เหอเย่วรีบพูดแก้ตัวให้ “ต้องขอโทษผู้ดูแลร้านช่ายด้วย”

ผู้ดูแลร้านช่ายรู้สึกว่าตนเองทำอะไรหุนหันพลันแล่นมากเกินไป พอได้ยินอย่างนี้เขาก็รีบส่ายหน้าทันที “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร...”

หลังจากผ่านเหตุการณ์นั้น ผู้ดูแลร้านช่ายกำลังยุ่งอยู่กับการลองชิมรสชาติของขาหมูตุ๋นและแตงโมฤดูหนาวตุ๋นอีกครั้ง โดยเฉพาะตอนที่ลองชิมตุ๋นฟักเขียว เขาคิดผิดมากที่คิดว่ามันคงเป็นอาหารประเภทเนื้อเหมือนกันในตอนแรก

ใครจะไปรู้ ว่าจะทำมากจากฟักเขียว

แต่รสชาตินี้...มันอร่อยมากจริงๆ

“แม่นางลู่ ข้ายอมให้ท่านจริงๆ!” หลังจากวางตะเกียบลง ผู้ดูแลร้านช่ายก็โค้งคำนับให้ลู่ม่านทันที

บรรดาพ่อครัวที่อดใจรอไม่ไหวก็รีบหยิบตะเกียบมาลองชิมดู และต่อมาทุกคนก็แสดงความพึงพอใจจนแทบจะก้มหน้ายอมแพ้แล้ว แต่ว่า ลู่ม่านกลับได้แต่ยกยิ้มออกมา “ในเมื่อเป็นอย่างนี้ ทำไมเราไม่ขึ้นไปคุยถึงเรื่องงานด้านบนล่ะ ผู้ดูแลร้านช่าย?”

ผู้ดูแลร้านช่ายรีบพยักหน้าให้ลู่ม่าน “ตกลง ไม่ทราบว่าแม่นางลู่จะร่วมมือร่วมมือกันอย่างไร?”

ลู่ม่านยกยิ้ม “จัดการแข่งขันทำอาหาร”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน