ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน นิยาย บท 235

เดิมที ลู่ม่านมีความคิดที่ว่าอยากจะให้เด็กทุกคนจากครอบที่ยากจนในหมู่บ้านสามารถเข้าเรียนได้

คนที่รับผิดชอบต้อนรับนักเรียนเป็นคนในหมู่บ้าน ถูกพวกเขาอาละวาดจนทนไม่ไหว ดังนั้นเขาจึงไปเรียกผู้ใหญ่บ้านมา

แต่ว่าวันนี้ผู้ใหญ่บ้านเฉินไปทำธุระในตำบลไม่ได้อยู่ที่บ้าน

สุดท้าย เขาจึงต้องมาหาลู่ม่าน

ลู่ม่านรู้สึกเหนื่อยใจเล็กน้อย นางรู้ว่าคนเหล่านี้เป็นพวกไม่รักษาสัญญา

โชคดีที่ตอนพวกเขาขอเงินค่าเล่าเรียนคืน ลู่ม่านได้บอกไว้ให้เซ็นสัญญากบผู้ใหญ่บ้านไว้แล้ว ในเวลานี้ นางจึงให้คนไปหาสัญญานั้นออกมา และโยนมันใส่หน้าพวกเขา

“ทุกคนลงลายนิ้วมือในสัญญาแล้ว ถ้าพวกเขาไม่ปฏิบัติตาม ก็ส่งพวกเขาให้ศาลได้เลย!”

ชาวบ้านต่างก็กลัวว่าเรื่องจะถึงศาล พอได้ยินว่าจะแจ้งทางการทุกคนจึงไม่กล้าสร้างปัญหาอีก ไม่นาน กลุ่มคนที่อยู่มาอาละวาดก็แยกย้ายกันไป

การรับเด็กเข้าเรียนก็กลับมาดำเนินการอีกครั้ง แต่ลู่ม่านยังคงประเมินความหน้าด้านของบางคนน้อยเกินไป

จนวันที่นางไปโรงเรียนแล้วพบว่าลูกชายของเฉินเซิงมาที่โรงเรียนด้วย หลังจากถามสถานการณ์นี้แล้ว พบว่าญาติห่าง ๆ ของเฉินเซิงไม่มีลูก

ดังนั้นเขาจึงขอให้ญาติห่าง ๆ คนนั้นพาลูกชายของเขามาสมัครเรียน

พอเห็นว่ามารายงานตัวแล้ว ลู่ม่านก็แทบหมดแรง แต่ว่า ถ้าไล่เด็กออกตอนนี้ ลู่ม่านคิดว่ามันอาจส่งผลเสียต่อความภาคภูมิใจของเด็ก

เพราะความผิดพลาดของผู้ใหญ่ไม่ใช่ความผิดที่ต้องมาชดใช้แทนจริงไหม?

พอคิดอย่างนั้นจึงเริ่มใจอ่อน ลู่ม่านโบกมือ “ช่างเถอะ จับตาดูไว้ก่อน ถ้ามีอะไรก็มาบอกข้า”

ตอนนี้ลู่ม่านไม่มีเวลามากพอที่จะกังวลจัดการหลาย ๆ อย่าง เพราะซีอิ๊วของนางใกล้จะใช้งานได้แล้ว

หลังจากหมักนานหลายเดือน ในที่สุดก็ถึงรสชาติที่ดีที่สุดแล้ว

หลังจากที่ลู่ม่านเปิดมันออกมา แล้วเห็นน้ำสีดำข้างใน นางก็ดีใจมากจนแทบจะกระโดดขึ้น ตอนที่นางอยู่ในยุคปัจจุบัน เธออ่านนิยายเกี่ยวกับการเดินทางข้ามเวลาบ่อยๆ และนางเอกในเรื่องก็ทำได้ทุกอย่าง

ในเวลานั้น ลู่ม่านยังถอนหายใจว่าถ้านางอยู่ในยุคโบราณ นางคงจะอดตายแน่ แต่ตอนนี้นางอยู่ที่นี่แล้ว ลู่ม่านพบว่าศักยภาพของทุกคนไม่มีที่สิ้นสุดจริงๆ

ถ้าไม่ถึงสถานการณ์สิ้นหวังจริงๆ ตัวเราเองก็ไม่อาจจะรู้

ลู่ม่านฮำเพลง ก่อนจะบอกผู้ดูแลว่าซีอิ๊วใช้งานได้แล้ว จวงลี่จ้งกลับไปที่เมืองหลวงเพื่อหาที่ตั้งของโรงงาน ก่อนจากไป เขาบอกว่า ถ้ามีอะไรให้บอกกับผู้ดูแลของเขา

ผู้ดูแลจะใช้นกพิราบรายงานให้เขารู้ทันที

แต่ลู่ม่านกำลังคิด ว่าจะขายซีอิ๊วของนางออกไปอย่างไรดี

หลังจากนั้น ลู่ม่านก็ไปสั่งขวดโหลเล็กๆ มา แล้วกรองซีอิ๊ว ตักใส่ลงไปในขวด ก่อนจะปิดปากขวดอย่างแน่นหนา

ไม่ช้าจวงลี่จ้งก็ตอบกลับมา พร้อมกับบอกว่าร้านค้าของตระกูลจวงพร้อมจะวางขายซีอิ๊วเรียบร้อยแล้ว

ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น ลู่ม่านคิดว่าคราวนี้คงไม่น่าจะมีปัญหา

แต่ว่า ใครจะไปรู้ คราวนี้พอเอาออกมาข่าวคราวก็เงียบหาย ไม่มีข่าวกลับมาอีกเลย

นี่คือสิ่งที่ลู่ม่านคิดจะทำตั้งแต่ช่วงแรกที่นางย้อนอดีตมาที่นี่ ลู่ม่านจะยอมแพ้ได้อย่างไร เหตุใดถึงไร้วี่แววเช่นนี้?

พอดีกับที่ว่า เฉินจื่อฉายกลับมาจากตำบลพอดี พอรู้ว่าลู่ม่านออกสินค้าใหม่ เขาจึงบอกว่า “ลองเอาไปวางขายในร้านของข้าดูไหม!”

ในช่วงเย็น เฉินจื่ออานรู้เรื่องนี้ก็ไม่พอใจเช่นกัน “เถาฮัวเริ่มดื้อรื้นมากเกินไปแล้ว พรุ่งนี้ข้าต้องไปตำหนินางบ้าง…”

“ช่างเถอะ!” ลู่ม่านจนใจ “พี่ใหญ่มีความคิดของตัวเอง ตอนนี้ครอบครัวเราแยกกันแล้ว เราไม่ใช่ครอบครัวเดียวกันแล้ว จะดูไม่ดีถ้าเราจะเอื้อมมือเข้าไปยุ่งกับครอบครัวของคนอื่นมากเกินไป”

แล้วอีกอย่าง ลู่ม่านเองก็ไม่เคยสนใจความวุ่นวายของบ้านเฉินอยู่แล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะเฉินจื่ออาน นางคงจะไม่สนใจไปนานแล้ว

“แล้วซีอิ๊วของเราล่ะ?” เฉินจื่ออานกอดลู่ม่านไว้ “ข้าไม่เสียดายถั่วเหลืองพวกนั้น ข้าแค่ไม่อยากให้ความพยายามอย่างหนักของเจ้าในช่วงหกเดือนที่ผ่านมามันสูญเปล่า”

“ใครบอกว่าความพยายามของข้าจะสูญเปล่า?” ลู่ม่านมั่นใจในตัวเองมาก “ข้าคิดไว้แล้ว ว่าข้าจะจัดการแข่งขันทำอาหารขึ้นในตำบลของเรา!”

“อะไรนะ?” เฉินจื่ออานตกตะลึงไปทันที “จัดการแข่งขันทำอาหาร?”

“ใช่แล้ว! ไม่เพียงแต่จะจัดงานเท่านั้น แต่ยังจัดอย่างยิ่งใหญ่อีกด้วย ผู้ที่ชนะเป็นอันดับหนึ่งจะได้รางวัลเป็นทองคำสิบสองตำลึง รางวัลเยอะถึงขนาดนี้แน่นอนว่าต้องได้รับความสนใจจากประชาชนมากแน่นอน ”

ทองคำสิบสองตำลึงนั้นไม่ใช่จำนวนเล็กน้อยจริงๆ

สำหรับเฉินจื่ออานแล้ว ทองคำสิบสองตำลึง ถึงแม้จะขาดแคลน แต่ก็เสียดายมากเช่นกัน

แต่ลู่ม่านไม่คิดอย่างนั้น “เจ้าไม่รู้อะไรเลย บางคนทุ่มเงินจำนวนมากเราในการโฆษณา” แต่ก็ไม่ใช่ว่าตัวละครของใครหลายๆ คนในยุคปัจจุบันจะลงโฆษณาในสื่อซึ่งต้องลงทุนนับสิบล้านร้อยล้าน

ถึงเฉินจื่ออานจะไม่ค่อยเข้าใจว่าความหมายของคำว่าโฆษณา แต่เขาอาจจะเข้าใจหลังจากได้ยินสิ่งที่ลู่ม่านอธิบาย เขาจึงพยักหน้า “ได้ ขอแค่เป็นสิ่งที่เจ้าต้องการทำข้าก็จะสนับสนุนเจ้าทั้งหมด”

ลู่ม่านรู้ดี ไม่ว่ายังไงเฉินจื่ออานจะไม่มีวันเป็นภาระให้นาง

เพราะรู้มีการสนับสนุนจากเฉินจื่ออาน ทำให้ลู่ม่านมีกำลังใจมากขึ้น เช้าวันรุ่งขึ้นนางก็ออกไปทำตามที่คิดไว้เลย่ไปในตำบล

สถานการณ์ในภัตตาคารเฟิ่งหลายไม่ค่อยดีนัก พอลู่ม่านเดินเข้ามา ผู้ดูแลร้านช่ายกำลังเครียดอยู่พอดี หลังจากที่ลู่ม่านเอ่ยถาม ถึงได้ว่ามีภัตตาคารหลี่หรงเปิดใหม่อยู่ฝั่งตรงข้ามพอดี

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน