ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน นิยาย บท 238

ผู้ดูแลร้านช่ายรีบลุกขึ้นมาปลอบใจทุกคน ก่อนที่จะหยิบตะเกียบขึ้นมาแล้วเนื้อปลาชิ้นหนึ่งเข้าปาก แต่พบว่าสีหน้าที่ดูอารมณ์ไม่ดีในตอนแรกเริ่มมีสีสันขึ้นมาตอนที่เขาได้ลองชิมปลาดิบ

ถึงแม้จะดูไม่ต่างจากปลาดิบของภัตตาคารเฟิ่งหลาย แต่รสชาติที่ทำออกมากลับเข้มข้นกว่ามาก คงจะเป็นเพราะเขาใช้ความพยายามอย่างมากวิธีการทำเครื่องปรุง

เขาเหลือบมองไปทางลู่ม่านอย่างรู้สึกผิดเล็กน้อย ไม่มีใครคิดว่าจะมีม้ามืดโผล่ออกมากลางทางแบบนี้

“ทุกท่านลองชิมดูเถอะ?” ผู้ดูแลร้านช่ายผลักจานปลาดิบไปไว้ตรงกลาง

กรรมการหลายคนล้วนกล่าวเป็นเอกข้าท์ว่าปลาดิบจานนี้รสชาติดีกว่าดีกว่าภัตตาคารเฟิ่งหลาย ทำให้การแข่งขันตกอยู่ในภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก

ลู่ม่านเหลือบมองไปที่ปลาดิบจานนั้น แล้วมองไปที่ผู้ชายคนนั้น ดูเหมือนเขาจะไม่ได้มาเพื่อก่อกวนการแข่งขัน...

“ข้าคิดว่าไก่ยำมะนาวรสชาติดีกว่า” ทันใดนั้นกรรมการคนหนึ่งก็พูดขึ้นมา

“แต่ข้าคิดว่าปลาดิบจานนี้รสชาติดีกว่า มันเหมือนสามารถกินรวมกับไก่ยำมะนาวนี้ได้อย่างดีเลย!”

“แล้วทำไมเราไม่แหกกฎพิเศษไปเลยล่ะ” ดวงตาของผู้ดูแลร้านช่ายเป็นประกาย “ให้ทั้งคู่เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศทั้งสองคน!”

กรรมการทุกคนต่างก็คิดว่ามันเป็นการตัดสินใจที่อุกอาจมาก แต่หลังจากคำนึงถึงความเป็นธรรมแล้ว กรรมการตึงให้คนที่มาร่วมงานช่วยชิมและตัดสินใจร่วมกัน ทุกคนเห็นเหล่ากรรมการต่างพากันชื่นชมรสชาติของอาหารทั้งสองจานจึงยิ่งอยากลองชิมดู ตอนนี้เห็นว่าทุกคนสามารถลองชิมได้ ทุกคนจึงตื่นเต้นกันมาก

สุดท้ายอาหารทั้งสองจานต่างก็ถูกกินจนหมด ไม่เหลือแม้แต่เศษเสี้ยวเดียว

สุดท้ายทุกคนก็มีมติเป็นเอกฉันท์ว่าพวกเขายินดีที่จะให้ทั้งสองเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศด้วยกัน ถือว่าสถานการณ์ผ่านไปได้ด้วยดี ในที่สุดลู่ม่านก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

แต่ว่า ผู้ชายคนนี้... ลู่ม่านเดาไม่ออกเลยในรอบชิงชนะเลิศเขาจะทำเมนูอะไร หลังจากจบเกม ผู้ดูแลร้านช่ายมองไปทางลู่ม่านอย่างหวาดหวั่น “อีกแค่นิดเดียวเท่านั้นเอง ไม่อย่างนั้นครั้งนี้เราจะทำไปโดยเปล่าประโยชน์แล้ว!”

“มันก็ไม่แน่!” ลู่ม่านยกยิ้ม “ดูเหมือนว่าท่านยังไม่มั่นใจในฝีมือของของข้าเลย!”

ผู้ดูแลร้านช่ายปาดเหงื่อ “ยังมีคนที่มีความสามารถอยู่อีกมาก แม่นางลู่ไม่ควรจะไม่ใส่ใจ เหมือนคนในวันนี้ ข้าเพิ่งส่งคนไปสืบแล้วรู้มาว่าเขาเป็นพ่อครัวคนใหม่ที่ภัตตาคารหลี่หรงเชิญมา”

“ภัตตาคารหลี่หรง?” ลู่ม่านรู้สึกเสียดายเล็กน้อย “น่าเสียดายจริงๆ พ่อครัวคนนั้นมีความสามารถมาก น่าเสียดายที่ทำงานให้คนอย่างหลี่หรง”

แต่ผู้ดูแลร้านช่ายกลับร้อนใจมาก “แม่นางลู่ ตอนนี้ท่านจดจ่อผิดเรื่องแล้วหรือไม่ เราควรจะกังวลมากกว่านี้ไหม ถ้าท่านพ่ายแพ้ นั่นหมายความว่าภัตตาคารเฟิ่งหลายก็แพ้ด้วยไม่ใช่หรือ?”

“เรื่องนี้ก็ไม่แน่!” ลู่ม่านกล่าว

“ถ้าอย่างนั้นเราก็ไม่ควรทุ่มเงินสร้างชื่อเสียงให้อีกฝ่ายแบบนี้!” ผู้ดูแลร้านช่ายเริ่มอารมณ์เสียเล็กน้อย

ลู่ม่านนิ่งคิดอยู่สักพัก แล้วพูดว่า “ถ้าแพ้ก็ต้องยอมรับว่าแพ้ ข้ายินดีที่จะแบกรับความพ่ายแพ้ไว้เอง ถ้าการแข่งครั้งนี้ข้าแพ้ พวกข้าเราจะแบกรับค่าใช้จ่ายทั้งหมดในครั้งนี้เอง ไม่เดือดร้อนไปถึงท่านแน่นอน!”

ผู้ดูแลร้านช่ายเพิ่งจะตระหนักได้ว่าเขาหยาบคายเกินไป จึงรีบอธิบาย “แม่นางลู่ ข้าไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น...”

“ข้ารู้ ข้าแค่หวังว่าท่านจะไม่ต้องกังวลอะไร ผู้ดูแลร้านช่าย ไม่ว่ายังไง สิ่งที่เราทำได้ก็แค่ทำให้ดีที่สุดเท่านั้นเอง”

บางทีอาจเป็นเพราะความนิ่งสงบของลู่ม่าน ถึงทำให้อารมณ์ของผู้ดูแลร้านช่าย สงบลง เขาพยักหน้ารับ “ตกลง!”

หลังจากกลับมา ลู่ม่านได้ขอให้ผู้ดูแลโรงงานทำบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปช่วยไปตรวจสอบข้อมูลของพ่อครัวผู้มีความสามารถคนนั้น สมแล้วที่เป็นถึงคนสนิทของจวงลี่จ้ง เขาตอบกลับอย่างรวดเร็ว

ปรากฏว่าเชฟกลายเป็นเชฟที่มีชื่อเสียง พ่อครัวอู๋ ซึ่งเป็นที่รู้จักในนาม เซียนแห่งการทำอาหาร!

แล้วจู่ๆ เขาก็หายตัวไปโดยไม่ทราบสาเหตุ ไม่รู้ว่าหลี่หรงใช้วิธีไหนในการเชิญเขาออกมาได้

จุดเด่นที่สุดของพ่อครัวอู๋ คือเขาสามารถทำอาหารให้อาหารธรรมดา ๆ กลายเป็นอาหารชั้นสูงได้ ว่ากันว่าไม่ว่าเขาจะกินอะไร เขาก็จะลิ้มรสมันอย่างช้าๆ ให้แน่ใจว่าได้ลิ้มรสสิ่งที่แตกต่างจากอย่างอื่น

ไม่นานก็ถึงรอบชิงชนะเลิศ

ลู่ม่านคิดไว้แล้ว การทำอาหารอร่อยๆ จากอาหารปกติทั่วไปจะดีที่สุด ในรอบชิงชนะเลิศได้รับการตัดสินไว้แล้ว และผู้แข่งขันแต่ละคนต้องปรุงอาหารออกมาสองจาน ซึ่งยังคงให้เวลาเพียงหนึ่งก้านธูป แต่สามารถพาลูกมือเข้าไปได้หนึ่งคน

ลู่ม่านพาเหอเย่วเข้ามา เด็กคนนี้มักจะช่วยนางทำอาหารที่บ้าน และนางก็รู้นิสัยของลู่ม่าน อย่างดีแล้ว ดังนั้นจึงใช้งานง่ายมาก

อาหารสองจานที่ลู่หม่านเตรียมยังคงเป็นหมูตุ๋น แต่อีกจานนางตัดสินใจทำหัวปลานึ่งราดพริกสับดอง

หัวปลานึ่งราดพริกสับดองก็ต้องใช้ซีอิ๊วเช่นกัน และพอเทียบกัน มันดูดีกว่าหมูตุ๋นมาก ทั้งสองเหมาะกับแบบนี้มากกว่า และสามารถแสดงถึงความอร่อยซีอิ๊วของนางอย่างแน่นอน

ลู่ม่านเป็นคนนำพริกสับดองและซีอิ๊วมาเอง แน่นอนว่า ในการแข่งขันครั้งนี้ ทุกคนสามารถนำของสามสิ่งเข้ามาด้วยได้ และลู่ม่านนำสองอย่างนี้มา

ลู่ม่านเหลือบมองไปทางพ่อครัวอู๋ เขาไม่ได้นำอะไรมาเลย เขาแค่ใช้วัตถุดิบจากที่ในงาน มาก่อกวนจริงๆ ด้วย! ลู่ม่านขมวดคิ้ว

มาดูผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆ กันบ้าง มาจากทั่วแคว้น เทียบกับรอบคัดเลือกแล้ว รอบนี้ดูดีกว่าเยอะ พวกเขาทั้งหมดล้วนเป็นมืออาชีพ และไม่มีพวกที่กล้าเสียงดังอาละวาดด้วย

พอเริ่มการแข่งขัน ลู่ม่านพบว่าซวนเหวินลี่ก็อยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน

ขุนนางคนนี้ไม่เพียงแค่มาที่นี่ แต่ต้าซือหนงก็อยู่ที่นี่ด้วย รวมถึงหลี่หรงและผู้ดูแลร้านช่ายทั้งสี่คนนี้เป็นคณะกรรมการตัดสินในวันนี้

สองคนเป็นฝ่ายของนาง อีกสองคนเป็นคนฝ่ายตรงข้าม สำหรับลู่ม่านแล้ว ไม่ถือว่าเป็นเรื่องดี และไม่ถือว่าเป็นเรื่องไม่ดีด้วยเช่นกัน

แต่ว่า ครั้งที่แล้วซวนเหวินลี่ไม่ได้รับเครื่องแยกเมล็ดข้าวไป ดังนั้นเขาคงจะโกรธมากแน่ๆ ไม่รู้ว่าคราวนี้เขาจะทำอะไรอีก

ในเวลานี้เอง ผู้ดูแลร้านช่ายก็ลุกขึ้นยืน และประกาศเริ่มการแข่งขันได้

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน