ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน นิยาย บท 240

ทุกคนมอลงไป แล้วรู้สึกขยะแขยงและหันหลังกลับ “อาหารที่หญิงสาวชาวบ้านก็สามารถทำออกมาได้ ข้าขอไม่ลองชิมดีกว่า”

ผู้ดูแลร้านช่ายเหลือบมองไปที่ลู่ม่านด้วยสายตาเป็นประกาย ดวงตาของเธอยังคงแน่วแน่ ทำให้อารมณ์ของเขามีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง

“ลองชิมดูเถอะ อย่างไรนี่ก็เป็นผลงานของผู้เข้าแข่งขัน!” พูดจบผู้ดูแลร้านช่ายก็หยิบตะเกียบคีบเข้าปากไปหนึ่งคำ

ภาพตรงหน้าเหมือนผัดกะหล่ำปลีธรรมดา แต่พอได้ลิ้มลอง ก็จะรู้ว่าบนกะหล่ำปลียังเปื้อนน้ำมันสีเหลืองสดใสอยู่

น้ำมันสีแปลกที่คล้ายสีน้ำผึ้ง และเริ่มไหลไปตามแรงเคลื่อนไหว

ผู้ดูแลร้านช่ายปากคีบใส่ปากด้วยความแปลกใจ รสชาติที่เป็นเอกลักษณ์เติมเต็มต่อมรับรสของเขาในทันที

กะหล่ำปลีที่เขาเคยกิน ถ้าไม่ใช่ผัดในหม้อธรรมดา ก็คือต้มในน้ำซุปชั้นดี แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ได้กินกะหล่ำปลีที่มีรสซอสเคลือบไว้แบบนี้

แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยากที่จะเอาชนะสองเมนูของพ่อครัวอู๋ได้

เพื่อที่จะลองดู เขาจึงมองไปทางต้าซือหนงที่อยู่ข้างๆ แล้วพูดว่า “ท่านลองชิมดู?”

ต้าซือหนงให้ความร่วมมือเป็นอย่างมาก เขาก้มลงไปจับตะเกียบคีบเข้าปากทันที

เขาต้องตกตะลึงทุนทีที่ตะเกียบเข้าปาก “นี่คือ……”

“นี่คือซีอิ๊วใต้เท้า!” ลู่ม่านกล่าว “เพราะว่าซีอิ๊วสามารถเพิ่มรสชาติให้กับกะหล่ำปลีได้ แน่นอนว่าซีอิ๊วนี้ไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุดในการผัดกะหล่ำปลี แต่ควรใช้ในการผัดเนื้อหรือทำอย่างอื่นดีกว่า แต่ว่า ด้วยเหตุสุดวิสัยบางอย่าง วันนี้ข้าเลยต้องเปลี่ยนมาทำเมนูนี้แทน

หลี่หรงก็เริ่มอยากรู้อยากเห็นแล้วเหมือนกัน ตอนที่เขาเห็นสีหน้าของผู้ดูแลร้านช่ายและต้าซือหนงซื่อที่ดูไม่เหมือนกำลังแสดงละครอยู่ จึงยิ่งรู้สึกแปลกใจ

เขายื่นตะเกียบออกมาแล้วหยิบชิ้นหนึ่งเข้าปากขจ จากนั้นก็ตะลึงไปทันที เห็นท่าทางอย่างนี้ ซวนเหวินลี่ก็หยิบตะเกียบคีบอาหารใส่ปากเช่นกัน

“รสชาติพิเศษมาก แต่ผู้ชนะในการแข่งขันของวันนี้ก็คือพ่อครัวอู๋!”

ซวนเหวินลี่ให้คำตอบออกมา และทุกคนก็รู้สึกว่าเขาสมควรได้รับ แต่พ่อครัวอู๋เห็นอย่างนี้ เขาก็ก้าวไปข้างหน้า และเหลือบมองไปทางลู่ม่านและถามด้วยเสียงทุ้มต่ำ

“ข้าขอลองชิมอาหารของเจ้าได้ไหม”

ลู่ม่านพยักหน้า “แน่นอน!” พ่อครัวอู๋เป็นคนยุติธรรมและเป็นเพื่อนที่ควรต่อการนับถือ

พ่อครัวอู๋หยิบตะเกียบคีบผักะหล่ำปลีชิ้นหนึ่งเข้าปาก วินาทีต่อมา เขาก็มองไปที่ลู่ม่าน “ซีอิ๊วที่เจ้าพูดคือสิ่งใดกันแน่?”

เมื่อเห็นอย่างนี้ หลี่หรงก็มองไปที่พ่อครัวอู๋ด้วยความไม่พอใจ “ท่านชนะแล้วจะไปยุ่งเรื่องของคนอื่นทำไม”

แต่พ่อครัวอู๋ไม่สนใจเขา และมองดูลู่ม่านอยู่อย่างนั้น

หลี่หรงมองด้วยความโกรธ เขารู้ว่าการเชิญตาแก่คนนี้มาเป็นเรื่องยุ่งยาก แต่พวกเขาทั้งหมดบอกว่าตาแก่คนนี้ทำอาหารเก่งและสามารถเอาชนะภัตตาคารเฟิ่งหลายได้อย่างแน่นอน

แต่ตอนนี้บด พวกเขากำลังสร้างชื่อเสียงให้กับผู้อื่นอยู่อย่างนั้นหรือ?

เหอเย่วมีไหวพริบรีบหยิบขวดซีอิ๊วที่ถูกซ่อนไว้ออกมาทันที “ดูสิท่านพ่อครัว!”

พ่อครัวอู๋เปิดจุกขวดออก ก่อนจะมีกลิ่นแปลก ๆ โชยออกมา “ความแตกต่างของสิ่งนี้...กับซอสเนื้อคืออะไร?”

“แน่นอนว่ามีความแตกต่างกัน!” ลู่ม่านกล่าว “ซีอิ๊วนี้มีราคาถูกและมีรสชาติที่สดใหม่กว่า แม้แต่ชาวบ้านทั่วไปก็สามารถหาซื้อได้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความอยากอาหารของประชาชนได้”

พอพ่อครัวอู๋ได้ยินอย่างนั้น เขาก็พยักหน้าด้วยความชื่นชม “ความรู้ของแม่นางข้าไม่มีความสามารถจะเทียบเท่าได้ ขอซีอิ๊วนี้ให้บ้างบ้างจะได้ไหม”

พอเขาลุกขึ้นยืนและพูดว่า “ภัตตาคารหลี่หรงของเรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้เชิญพ่อครัวอู๋มาทำอาหารที่ร้านได้ สองวันข้างหน้าทางร้านจะจัดกิจกรรม ถึงเวลานั้นทุกท่านที่ไปร้าน จ่ายแค่สามสิบเหวินก็สามารถกินทุกอย่างที่ต้องการได้เลย!”

ในร้านอาหารแบบนี้ มากินข้าวอย่างน้อยต้องเตรียมเงินไว้เลยหนึ่งร้อยเหวิน จ่ายเงินสามสิบเหวินก็สามารถกินอะไรก็ได้ที่ต้องการ กิจกรรมนี้คุ้มค่าจริงๆ

บรรดาผู้คนที่อยากจะลองชิมชื่นชมทักษะการทำอาหารของพ่อครัวอู๋ต่างก็รีบจองโต๊ะอย่างรวดเร็ว ผู้ดูแลร้านช่ายก็เปลี่ยนเป็นบูดบึ้งไปทันที ครั้งนี้ถือว่าตนเองดวงซวยสร้างชื่อเสียงให้อีกฝ่ายไปก็แล้วกัน

หลังจากที่ทุกคนแยกย้ายกันไปหมดแล้ว ผู้ดูแลร้านช่ายก็เริ่มเก็บของแล้ว ลู่ม่านมองที่ผู้ดูแลร้านช่ายอย่างสงสัย “นี่ท่าน...”

ผู้ดูแลร้านช่ายยิ้มเศร้า “ข้าเกรงว่าจะรักษาตำแหน่งผู้ดูแลร้านไว้ไม่ได้แล้ว ถ้าคุณชายกลับมา แล้วรู้เรื่องนี้เข้า ข้าคงต้องเก็บของออกไปจากที่นี่แล้ว แทนที่จะอยู่จนถึงตอนนั้นต้องขายหน้า ข้าจากไปตอนนี้เลยดีกว่า”

“ผู้ดูแลร้านช่าย…” ลู่ม่านถอนหายใจอย่างจนใจ “มันไม่ร้ายแรงอย่างที่ท่านคิดหรอก”

“ไม่ มันร้ายแรงมาก!” ผู้ดูแลร้านช่ายกล่าว “ไม่มีทางแก้ไขได้แล้ว”

“ข้าไม่คิดอย่างนั้นนะ!” ลู่ม่านหัวเราะ “ทำไมผู้ดูแลร้านช่ายไม่รอข้าอีกสามวันแล้วเห็นผลลัพธ์ค่อยจากไปก็ไม่สาย”

ผู้ดูแลร้านช่ายผงะ “มีวิธีแก้ไขจริงๆ หรือ?”

ลู่ม่านยกยิ้มอย่างมีเลศนัย “ข้าไม่รบกวนผู้ดูแลร้านช่ายแล้ว ถ้าข้าเป็นท่านนะ ข้าจะให้พ่อครัวที่ร้านทุกคนฝึกทำเมนูที่ก่อนหน้านี้ข้าให้ไปให้คุ้นชิม ตอนที่ลูกค้ามาทานอาหารที่ร้านจะได้ลิ้มลองรสชาติอาหารที่ดีกว่า”

หลังจากพูดจบ นางก็พาเหอเย่วเดินจากไป

ผู้ดูแลร้านช่ายยืนงงอยู่ที่เดิมสักพัก แล้วางของในมือลง ก่อนจะเดินไปที่ห้องครัวด้านหลังทันที แล้วสั่งให้คนไปซื้อของมา

ระหว่างทางกลับ เหอเย่วเอ่ยถามด้วยความสงสัย “นายหญิง ที่ท่านบอกว่าสถานการณ์จะพลิกผันคืออะไรหรือ?”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน