ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน นิยาย บท 251

ปกติเวลาจะซื้อผักหญ้าอาหารสด ไม่จำเป็นต้องไปตลาดขายผักขนาดใหญ่ที่อยู่ใจกลางเมืองก็ได้

บริเวณนี้มีตลาดผักขนาดกลางอยู่แห่งหนึ่ง เมื่อเช้าตอนที่ลู่ม่านมาที่นี่ ก็ได้ผ่านมันมารอบหนึ่งแล้ว

ทั้งสองซื้อเนื้อกับผักสดจำนวนหนึ่ง ตอนที่กำลังจะกลับ ลู่หม่านก็เห็นเนื้อวัวเข้าพอดี

ถึงกับมีเนื้อวัวด้วย! ลู่ม่านหันไปมองเฉินจื่ออานอย่างตื่นเต้น “เจ้าไม่ได้บอกว่าพวกเราในยุคก่อนราชวงศ์ถังไม่ได้รับอนุญาตให้ฆ่าวัวหรอกรึ? ทำไมที่นี่ถึงยังมีเนื้อวัวขายด้วยล่ะ?”

อีกทั้งเมื่อดูจากขนาดพื้นที่แล้ว แผงขายเนื้อแผงนี้ นี้น่าจะขายเนื้อวัวโดยเฉพาะเสียด้วย

เฉินจื่ออานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็พูดว่า "ข้าได้ยินจากอาจารย์โจวว่า ที่เมืองหย่งอานมีโรงฆ่าสัตว์ที่ได้รับการรับรองคุณภาพเป็นพิเศษอยู่ วัวทุกตัวในนั้นถูกเลี้ยงมาเพื่อขายเนื้อโดยเฉพาะ"

ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง! ไม่สนอะไรแล้ว ลู่ม่านไม่ได้กินเนื้อวัวมาเป็นเวลานานมากแล้วจริง ๆ จึงรีบเดินเข้าไปซื้อทันที

“คืนนี้ พวกเรามากินซี่โครงวัวกันเถอะ!” ลู่ม่านพูดพลางหัวเราะดีใจ

“ซี่โครง?” เฉินจื่ออานขมวดคิ้วมุ่น “เสี่ยวม่าน ซื้อเนื้อวัวเพิ่มอีกสักหน่อยก็ได้ ซี่โครงล้วนแล้วแต่เป็นกระดูก..…”

ลู่ม่าน ".....ไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิดหรอก ซี่โครงวัวหรือสเต๊กที่ข้าพูดถึงก็เป็นเนื้อวัวนี่ล่ะ ช่างเถอะ รอจนข้าทำเสร็จแล้วเจ้าก็จะรู้เอง"

พูดจบลู่ม่านก็พุ่งทะยานเข้าไป แล้วเลือกซื้อเนื้อชิ้นที่ดีที่สุดสี่ห้าชิ้นกลับมา

หลังจากนั้น ลู่ม่านก็ถึงกับเจอผงพริกไทยในตลาดด้วย นี่มันสุดยอดไปเลย ที่แท้ไม่ใช่เพราะทรัพยากรของยุคก่อนราชวงศ์ถังขาดแคลนอะไรหรอก แต่เพราะตำบลชางผิงของพวกเขาล้าหลังเกินไปต่างหาก

เป็นอีกครั้งที่เกิดความรู้สึกว่า เมืองใหญ่ระดับมหานครนี่มันดีกว่าจริง ๆ

"จื่ออาน ที่นี่เรามีเนยอยู่หรือไม่?" จู่ ๆ ลู่ม่านก็ถามขึ้นมา

เฉินจื่ออานถึงกับผงะไปครู่หนึ่ง “เนยคืออะไรรึ?”

“ก็คือ...” สมองของลู่ม่านครุ่นคิดเกี่ยวกับคำอธิบายของเนยในหัว “ก็คือสิ่งที่ทำจากนมวัวที่ผ่านกระบวนการทำให้พื้นผิวหน้าแข็งตัว..…”

เฉินจื่ออานไม่รู้แล้วจริง ๆ เขาเป็นคนทางใต้ พวกเขาทางนั้นไม่ค่อยกินนมวัวกันนัก แต่ลู่ม่านเชื่อมั่นว่าที่นี่ต้องมีเนยแน่ ๆ เพราะจากความทรงจำที่ตัวเองจำได้ คนกลุ่มแรก ๆ ที่เริ่มกินเนย ก็คือชนกลุ่มน้อยของยุคจีนโบราณ

ต่อให้ตอนนี้เป็นราชวงศ์ที่ฉีกแนวจากเดิมไปแล้ว แต่ลักษณะนิสัยการกินดั้งเดิมก็ยังต้องมีอยู่บ้าง

“แถว ๆ นี้มีที่ที่ชาวต่างชาติไปจับจ่ายซื้อของกันบ้างไหมนะ?” ลู่ม่านพูดพึมพำกับตัวเอง

จู่ ๆ เฉินจื่ออานก็ชี้ไปที่แผงลอยข้างหน้าแผงหนึ่ง แล้วพูดว่า "เสี่ยวม่าน นั่นใช่ของที่เจ้าพูดถึงหรือไม่?"

ลู่ม่านหันไปมองตามสัญญาณมือที่ชี้ไปของเฉินจื่ออาน พบว่ามีของที่มีสีเหลืองนวลและเนียนละเอียดเหมือนเกล็ดหิมะมากมาย วางเรียงอยู่จนเต็มชั้นแสดงของ เจ้าสิ่งนั้นจะเป็นอะไรอื่นได้อีกถ้าไม่ใช่เนย?

“จื่ออาน เจ้าช่างร้ายกาจจริง ๆ !” ลู่ม่านพูดจบ ก็รีบพุ่งเข้าไปซื้อมาสองชิ้น เหมือนว่าเพิ่งทำออกมาใหม่พอดี ดูสดมาก ๆ

ตระเตรียมของทุกอย่างพร้อมแล้ว ทั้งสองคนพากันกลับบ้านไปอย่างรวดเร็ว

เพิ่งจะเดินกันไปได้ไม่กี่ก้าว ก็เห็นสาวใช้คนที่ทะเลาะกับพวกเขาเมื่อตอนบ่ายคนนั้น กำลังเดินหิ้วตะกร้าออกมาจากตลาดผัก ในตะกร้ามีผักหญ้าอาหารสดที่ซื้อมาแล้วจำนวนหนึ่ง เมื่อเห็นพวกลู่ม่านก็จงใจยื่นตะกร้าผักออกมาเพื่อโอ้อวด

"ถึงบอกแล้วไหมล่ะ ว่าพวกจน ๆ ก็คงจะซื้ออะไรได้ไม่เท่าไหร่.... "

ลู่ม่านไม่พูดอะไร แต่จงใจยื่นตะกร้าในมือไปให้เฉินจื่ออาน แน่นอนว่านางจงใจยื้อตะกร้าไว้ตรงหน้าสาวใช้คนนั้นครู่หนึ่ง

ให้สาวใช้คนนั้นได้ดูชัด ๆ ว่ามีพวกเนื้อต่าง ๆ มากมายในตะกร้า

จากนั้น ใบหน้าของสาวใช้ก็พลันเปลี่ยนเป็นดำคล้ำทะมึนไปทั้งหน้า หัวใจของลู่ม่านเกิดความรู้สึกสดชื่นรื่นรมย์อย่างอธิบายไม่ถูก ดึงเฉินจื่ออานจากไปอย่างสบายอารมณ์

กับคนบางคน ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมากมายไร้สาระ แค่ตีแสกหน้านางด้วยการกระทำไปเลยตรง ๆ แค่นั้นก็พอแล้ว

หลังจากกลับไปแล้ว ลู่ม่านแทบอดรนทนไม่ไหวที่จะเอาเนื้อวัวออกมา ล้างเล็กน้อยให้สะอาด แล้ววางไว้เพื่อรอให้สะเด็ดน้ำ จากนั้นก็หยิบเอาวัตถุดิบทั้งหมดที่ซื้อมาวันนี้ขึ้นมาจัดเตรียมให้พร้อม

ทันทีที่ประตูเปิด จวงลี่จ้งก็ยืนอยู่ด้านนอก ข้างหลังเขามีเด็กรับใช้ตามมาด้วยอีกคน ในมือกำลังถือสิ่งของบางอย่างอยู่

“คุณชายจวง?” เฉินจื่ออานร้องทักด้วยความประหลาดใจ

“อื้ม เมื่อตอนเย็นเด็กรับใช้ของข้าไปหาพวกเจ้าที่โรงเตี๊ยมอีกครั้ง เถ้าแก่ที่โรงเตี๊ยมบอกว่าพวกเจ้าซื้อบ้านใหม่ ข้าเองก็นับได้ว่าเป็นเพื่อนของพวกเจ้าแล้ว จึงพาคนมาร่วมแสดงความยินดี”

นับว่าเป็นน้ำใจไมตรีที่ดีไม่น้อย ติดแค่ว่าค่ำมืดขนาดนี้แล้ว มันจะดีจริง ๆ น่ะรึ?

ทันทีที่เดินเข้าประตูมา สายตาของเขาก็ไปตกลงบนโต๊ะยาวที่วางอยู่ในสนาม สเต๊กสองจานที่ตกแต่งอย่างดี รวมถึงกลิ่นหอมประหลาดที่ลอยมาเตะจมูก

“ขออภัย นี่ข้ามารบกวนเวลากินข้าวของพวกเจ้าใช่หรือไม่?”

“ไม่หรอก ๆ!” ที่ผ่านมา เฉินจื่ออานรู้สึกขอบคุณจวงลี่จ้งมาโดยตลอด อีกทั้งคนเขาอุตส่าห์มาแสดงความยินดีด้วยทั้งที พวกเขาจะไม่ต้อนรับได้อย่างไรล่ะ?

“นี่เป็นสเต๊กที่ลู่ม่านเพิ่งทำเสร็จ ไม่สู้คุณชายจวงอยู่กินข้าวด้วยกันก่อน ดีหรือไม่?”

เฉินจื่ออานพูดตามมารยาท แต่นั่นก็เป็นคำพูดที่มาจากใจจริง แต่ถ้าว่ากันตามวงจรสั่งการในสมองของคนอื่น เวลานี้ไม่ใช่ว่าต้องพูดออกมาตรง ๆ ว่าขอตัวกลับก่อนหรอกรึ? แต่จวงลี่จ้งกลับพยักหน้าตอบรับคำเชิญตรง ๆ ไม่มีท่าทีลังเลเลยแม้แต่น้อย

“ถ้าอย่างนั้น เห็นทีว่าคงต้องทำตามที่เจ้าต้องการแล้ว!”

ลู่ม่าน "....."

“ถ้าอย่างนั้น น้องชายคนนี้ก็คงยังไม่ได้กินเหมือนกันสินะ?” เฉินจื่ออานมองไปที่เด็กรับใช้ที่อยู่ข้างหลังจวงลี่จ้งอีกคน เด็กรับใช้รีบวางของลงแล้วพูดว่า “คุณชาย ข้าขอกลับก่อนแล้วนะขอรับ อีกสักครู่ข้าจะกลับมารับท่าน”

“อื้ม!” จวงลี่จ้งพยักหน้า เด็กรับใช้จึงหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยในทันที

ไม่มีทางเลือกแล้ว ลู่ม่านทำได้แค่ต้องไปทอดสเต๊กอีกชิ้นให้ตัวเอง ก่อนจะกลับไปที่โต๊ะ

สเต๊กมื้อค่ำของสามคน ทำไมมันถึงได้รู้สึกแปลกประหลาดแบบนี้นะ?

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน