เป๋าจ่างชะงักค้างไปครู่หนึ่ง รีบถามขึ้นว่า “แล้วท่านหมายความว่าอย่างไรล่ะ? ไม่ได้ระบายน้ำท่วมโดยตรง แล้วจะระบายน้ำท่วมอย่างไรได้?”
ลู่ม่านไม่สนใจเขา แต่หันไปเรียกเฉินจื่ออานตรง ๆ "พวกเรากลับกันเถอะ!"
หลังจากกลับไป ลู่ม่านก็ขังตัวเองอยู่แต่ในห้อง ส่วนเฉินจื่ออานกับเป๋าจ่างไปพบอ๋องหนิง เพื่อแจ้งรายงานสถานการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่
รอจนเฉินจื่ออานกลับมา ก็เห็นว่าลู่ม่านวาดทุกอย่างที่เพิ่งเห็นเมื่อครู่นี้ลงบนกระดาษจนหมดแล้ว
หรูเฟิงยกอาหารเข้ามาพอดี แล้วพูดว่า "ฮูหยิน หลายวันมานี้พวกเราต่างก็ไม่ได้กินอะไรดี ๆ เลย เมื่อครู่นี้ข้าเห็นปลาในครัว จึงทำปลาตุ๋นน้ำแดง ท่านลองชิมสักหน่อยดีหรือไม่เจ้าคะ?"
“อื้ม วางไว้ก่อนเถอะ” ลู่ม่านพูดโดยไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้น
หรูเฟิงถอนหายใจเฮือก ยังอยากจะพูดอะไรต่ออีกสักหน่อย เฉินจื่ออานก็เดินเข้าประตูมา แล้วคว้าตัวลู่ม่านไว้
“ต่อให้งานยุ่งอีกสักแค่ไหน ก็ต้องกินข้าวถึงจะมีแรงทำงานนะ ถ้าเจ้าก็ล้มป่วยไปด้วย แล้วใครจะช่วยชาวบ้านล่ะ?”
ลู่ม่านส่ายหน้า “ข้าไม่หิว พวกเจ้ากินไปก่อนเลย”
“ถ้าอย่างนั้นก็ช่างเถอะ ข้าก็ไม่กินแล้วดีกว่า เจ้ากำลังดูอะไรอยู่ ลองพูดออกมาให้พวกเราฟัง จะได้ช่วยกันศึกษาวิจัย”
พอเฉินจื่ออานพูดแบบนี้ขึ้นมา ในที่สุดลู่ม่านก็ยอมประนีประนอมให้ "ได้ ๆ ไปกินข้าวเถอะ กินอิ่มแล้วค่อยคุยกัน"
หรูเฟิงรีบจัดสำรับกับข้าวกับปลาให้พร้อม ทั้งสามคนจึงเริ่มกินข้าว
เฉินจื่ออานลองชิมไปคำหนึ่ง แล้วคีบปลาขึ้นมาชิ้นหนึ่งใส่ลงไปในชามของลู่ม่าน "ปลาของที่นี่รสชาติไม่เลวเลย เจ้าลองชิมดูสิ"
ลู่ม่านกินข้าวแบบไม่รู้รสชาติอะไรทั้งสิ้น จากนั้นก็พูดว่า “จื่ออาน เจ้าว่า ถ้าหากข้าคิดหาวิธีการเปิดเส้นทางตรงกลางภูเขาเหลี่ยงวั่งได้ ก็สามารถระบายน้ำท่วมออกไปได้แล้วไม่ใช่หรือ?”
ปลาในมือของเฉินจื่ออานแทบจะร่วงลงไปอยู่แล้ว "เสี่ยวม่าน ตรงกลางของภูเขาเหลี่ยงวั่งล้วนมีแต่ก้อนหินใหญ่ยักษ์ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติคั่นอยู่นะ พวกเราจะทะลุผ่านมันไปได้อย่างไรล่ะ?"
หรูเฟิงก็รู้สึกประหลาดใจมาก “เมื่อก่อนข้าเคยได้ยินเรื่องของกระบี่วิเศษ ที่สามารถฟันเหล็กได้ง่ายดายเหมือนฟันโคลนเหลว ๆ เลยทีเดียว แต่น่าเสียดายที่กระทั่งจะหากระบี่มาให้ได้สักเล่มก็นับว่ายากแล้ว ภูเขาลูกใหญ่ขนาดนั้น เกรงว่าต่อให้มีอีกหลายร้อยเล่มก็ไม่มีประโยชน์หรอก! "
ลู่ม่าน "...."
ลู่ม่านวางตะเกียบในมือลง พูดขึ้นอีกครั้งว่า “ข้าขอออกไปเดินดูสักหน่อยดีกว่า”
เฉินจื่ออานก็รีบตามไปทันที "ให้ข้าไปกับเจ้าเถอะ!"
ข้างนอกฝนก็ยังคงตกอยู่ เฉินจื่ออานหาร่มคันหนึ่งมาได้จากห้องต้อนรับที่หน้าประตูใหญ่ ถือเดินกางไปข้างหน้าพร้อมกับลู่ม่าน
แม้ว่า ในตัวตำบลจะไม่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติเป็นการชั่วคราว แต่เนื่องจากมีชาวบ้านจำนวนมากที่ต้องระหกระเหเร่ร่อนไปจากที่นี่ ในตัวตำบลจึงเปลี่ยนไปมีสภาพเปลี่ยวร้างวังเวงมาก
คนในพื้นที่จำนวนมาก เมื่อได้เห็นพวกเขาทั้งสองคนออกมา ก็รีบเข้ามาทักทายพวกเขาอย่างกระตือรือร้น "พวกเจ้ามาที่นี่เพื่อช่วยควบคุมภัยน้ำท่วมใช่หรือไม่?"
ลู่ม่านพยักหน้า คนเหล่านั้นรีบพูดขึ้นว่า “ถ้าอย่างนั้นพวกเจ้ารอเดี๋ยวนะ ข้าจะกลับบ้านไปเอาของอร่อย ๆ มาให้”
ลู่ม่านรีบปฏิเสธ “ไม่ต้องหรอก พวกเราทางนั้นก็มีอยู่”
“ไม่เป็นไร ๆ!” ชาวบ้านคนนั้นโบกมืออย่างรวดเร็ว “พวกเจ้าเดินทางมาไกล ลำบากแทบแย่แล้ว พวกเราแค่ให้อาหารนิด ๆ หน่อย ๆ ไม่นับเป็นอะไรได้”
ระหว่างทางที่มา ได้เห็นกลุ่มคนที่ก่อจลาจลตั้งมากมายขนาดนั้น ลู่ม่านก็แทบจะลืมไปแล้วว่าแท้จริงแล้วในโลกใบนี้ ยังมีคนจำนวนมากที่มีจิตใจเมตตาอารี อีกทั้งกลุ่มผู้ก่อจลาจลเหล่านั้นก็แค่อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไป ถ้าลองมองจากมุมของพวกเขา ว่ากันตามจริงพวกเขาก็ไม่ผิด
“ขอบใจเจ้ามาก!” ลู่ม่านตอบรับ
“ไม่ต้องเกรงใจ!” ท่านป้าคนนั้นพูดพลาง ก็เดินเข้าไปหยิบมันฝรั่งออกมาสองลูก “ที่บ้านตอนนี้ไม่มีข้าวแล้ว ยังดีที่มีมันฝรั่งใช้แทนคำขอบคุณได้ ข้าเอามันไปเผา หวังว่าเจ้าจะไม่รังเกียจ”
“ไม่รังเกียจ ๆ !” ลู่ม่านพูด ก็ปอกเปลือกมันลูกหนึ่งให้เฉินจื่ออาน จากนั้นก็ปอกอีกลูกหนึ่งแล้วเอาใส่ปากตัวเองทันที
ไม่ได้กินมันฝรั่งแบบนี้มานานมากแล้ว นับว่าหอมอร่อยมากทีเดียว ลู่ม่านกินไปพลาง ขาก็ก้าวเดินไปข้างหน้าเรื่อย ๆ
“ข้าเกรงว่านี่คงเป็นก้อนหินที่อยู่ในเตาของชาวบ้าน หลังจากถูกไฟเผาไปนาน ๆ เข้ามันก็เลยกลายสภาพเป็นแบบนี้ เมื่อครู่ตอนที่ชาวบ้านเอาของมาให้เจ้า ก็คงไม่ทันสังเกตคิดว่าคงเป็นมันฝรั่ง ก็เลยเอามาให้เจ้า!”
เฉินจื่ออานพูด
“ไฟ?” ลู่ม่านพูดพึมพำกับตัวเอง จู่ ๆ ดวงตาก็สว่างวาบขึ้นมาทันใด “จื่ออาน ข้าคิดออกแล้ว”
“อะไรรึ?” เฉินจื่ออานไม่เข้าใจ
"พวกเราสามารถใช้ไฟ เท่านี้ก็สามารถทำให้หินก้อนใหญ่ยักษ์นั่นเคลื่อนตัวออกไปได้แล้ว"
ดวงตาของเฉินจื่ออานเบิกกว้าง "คิดตามที่เจ้าว่ามา มันจะเป็นกระบวนการในงานก่อสร้างที่มีขนาดใหญ่มาก ๆ เลยเชียวนะ!"
“การควบคุมเส้นทางน้ำก็ไม่ใช่งานเล็ก ๆ เหมือนกันนั่นแหล่ะ!” จู่ ๆ ลู่ม่านก็เต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ นางลืมไปได้อย่างไรกัน? ตอนที่ยังอยู่ในยุคปัจจุบันก็เคยดูสารคดี ตอนนั้นยังมีบันทึกคำอธิบายในสารคดีด้วยว่า
หลังจากที่หินถูกเผาด้วยไฟแล้ว ถ้าถูกราดด้วยน้ำเย็น หินก็จะแตกเป็นเสี่ยง ๆ ทันที
ถ้าพวกเขาสามารถหาวิธีจุดไฟบนก้อนหินที่อยู่ตรงกลางของภูเขาเหลี่ยงวั่งได้ พวกเขาก็จะสามารถทำลายก้อนหินใหญ่ยักษ์นั่นได้สำเร็จ เมื่อถึงเวลานั้น น้ำท่วมที่ระบายออกไปจากเขตประสบภัย ก็จะสามารถไหลไปตามช่องว่างเหล่านั้น แล้วไหลลงสู่ทะเลแดงที่ปลายน้ำได้
ดังนั้น ไม่เพียงแค่ในตัวตำบลเท่านั้นที่จะได้รับความช่วยเหลือ กระทั่งชาวบ้านที่อยู่ตามแนวชายฝั่งก็ไม่ต้องแบกรับความเสี่ยงจากน้ำท่วมที่จะเกิดในทุก ๆ ปีอีกต่อไป
พอบอกว่าจะทำก็ลงมือทันที ลู่ม่านรีบเข้าไปหยิบปากกากับกระดาษออกมา แล้วก้มหน้าก้มตาจดบันทึกความคิดทั้งหมดลงไป
เฉินจื่ออานก็รู้สึกว่าเรื่องนี้น่าจะเป็นไปได้ จึงรีบช่วยลู่ม่านจัดเตรียมความพร้อมด้วยกัน
หลังจากที่ทั้งสองคนเตรียมตัวพร้อมแล้ว ลู่ม่านก็ให้คนไปเชิญผู้ดูแลประจำท้องถิ่นคนนั้นมา แล้วไปยืนต่อหน้าเป๋าจ่าง ก่อนจะแสดงความคิดเห็นของตัวเองอย่างเป็นทางการออกมา
เมื่อเป๋าจ่างได้ยินเรื่องนี้ ก็ตกใจจนตาค้าง “ เจ้าบอกว่าเจ้าจะเผาภูเขาเหลี่ยงวั่งของพวกเรารึ? นี่เป็นไปไม่ได้”
“ทำไมถึงจะเป็นไปไม่ได้ล่ะ?” ลู่ม่านถามกลับ “ขอแค่เผาภูเขาเหลี่ยงวั่งเปิดทาง ก็สามารถระบายน้ำท่วมออกไปได้แล้ว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน
เป็นพอ.ที่กลับกรอก เป็นที่พึ่งไม่ได้เลย ยอกจะออกจากครอบครัวเลวๆนี่ไม่จริงอีก ภาระของนางเอก ถ่วงแข้งถ่วงขาจริงๆ...
เด็กไม่ตายเพราะแม่คลอดยากจะตายเพราะคนรับใช้ป้อนโจ๊กข้าวจนอิ่มตื้อ รอดได้คือดวงแข็งเว่อ...
อ่านไป งงไป ตัดสินประหาร หรืออภัยโทษ?...
หม่อมข้า? ใช้ MS Word ไม่ระวังเลย...
ตั้งแต่ต้นจนถึงตอน 337 แล้ว โดยภาพรวมพระเอกไม่ค่อยมีเสน่ห์ ไม่เฉียบแหลมเลย...
อะไรจะมีปมขนาดนั้น วุ่นวายตอกย้ำเหลือเกินเกี่ยวกับระบบศักดินา ทั้งที่มันเป็นคนละยุคสมัยกัน...
ตอน285-287 หายทำไงดี...
ตอนหายค่ะ 284แล้วกระโดดไป288เลยค่ะ...
บท 285-287 หายค่ะ 284แล้ว288เลย รบกวนด้วยค่ะ...
281-311 รบกวนด้วยค่ะ...