ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน นิยาย บท 489

ลู่ม่านได้เห็นก็รู้สึกขมขื่นในใจไปครู่หนึ่ง ในที่สุดก็ทนไม่ไหวพุ่งขึ้นไปบนแท่นบูชา “พี่ป้าน้าอาทุกท่าน พอจะฟังข้าพูดสักประโยคได้ไหม?”

เป๋าจ่างเงยหน้าขึ้นมาเห็นลู่ม่านยืนอยู่บนแท่นบูชา สีหน้าก็เปลี่ยนไปโดยพลัน “เจ้าลงมาเดี๋ยวนี้นะ ทำไมเจ้าถึงได้ลบหลู่ดูหมิ่นท่านเทพเช่นนี้?”

“ท่านเทพ?” ลู่ม่านพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ถ้าเทพเทวดามีอยู่จริง คงถูกเจ้าทำให้โกรธจนตายไปอีกรอบแล้วล่ะ! พวกเจ้ามันก็รู้จักแต่สวดมนต์อ้อนวอนให้เทพเทวดาช่วย ทำไมไม่รู้จักยอมรับความเปลี่ยนแปลงเสียบ้าง? เทพบนสวรรค์ไม่มีทางอำนวยพรให้พวกคนโง่หรอก!”

ลู่ม่านด่าแบบไม่ไว้หน้าเลยสักนิด เป๋าจ่างโกรธจนแทบลมจับเกือบสลบกลางพิธีอยู่แล้ว บรรดาผู้หญิงที่เหลืออยู่ต่างก็มองลู่ม่านอย่างเป็นกังวล “คำพูดคำจาน่ะ จะพูดออกไปแบบเรื่อยเปื่อยไม่ได้หรอกนะ ถ้าเจ้าทำให้ท่านเทพขุ่นเคือง ตำบลของเราคงต้องจบสิ้นแน่แล้ว”

“ตอนนี้พวกเจ้าก็ไม่ได้ทำให้เทพขุ่นเคืองอะไร ตำบลนี้ที่พวกเจ้าอยู่ก็กำลังจะจบสิ้นเหมือนกันไม่ใช่หรือ? ตอนนี้ข้ามีวิธีแก้ปัญหาของพวกเจ้า เป็นวิธีที่ยอมลำบากครั้งเดียวแต่สบายไปทั้งชาติ ข้าแค่จะถามคำเดียว ว่าพวกเจ้าจะยอมหรือไม่ยอม!”

เพิ่งจะสิ้นเสียงของลู่ม่าน เป๋าจ่างก็รีบชิงพูดขึ้นก่อนเป็นคนแรก “ข้าไม่เห็นด้วย อย่างไรก็ไม่เห็นด้วยเด็ดขาด!”

อ๋องหนิงหัวเราะเยาะเบา ๆ พลางกวาดตามองผู้คนที่อยู่รอบ ๆ

เขาอยากจะเห็นเหมือนกัน ว่าหลังจากที่ลู่ม่านพูดออกไปแล้วจะมีจุดจบเยี่ยงไร? ยึดตามความโง่เขลาดักดานของชาวบ้านที่นี่ แทบจะมั่นใจได้เลยว่าประมาณแปดเก้าส่วนของคนที่อยู่ตรงนี้ อาจบุกเข้ามาทุบตีลู่ม่านกับเฉินจื่ออานจนตายได้เลยทีเดียว

แบบนี้ก็ไม่เลว ช่วยประหยัดเวลาไม่ต้องให้เขาลงมือเอง

“คือว่าอย่างนี้!” ลู่ม่านพูดขึ้นทันที “หลายวันมานี้ข้าได้ไปสำรวจภูมิประเทศของที่นี่แล้ว ทุกคนต่างก็ได้เห็นการพังทลายของเขื่อนซ้ำแล้วซ้ำเล่ากับตาตัวเองแล้ว ถ้ายังไม่ยอมระบายน้ำท่วมออกไปอีกล่ะก็ เมื่อไหร่ที่เขื่อนถูกน้ำเซาะจนแตก จุดจบของตำบลนี้จะเป็นอย่างไร ข้าเชื่อว่าทุกคนต่างก็รู้แก่ใจกันดีแล้ว"

“ระบายน้ำท่วม?” ทันทีที่ลู่ม่านพูดออกมา ด้านล่างก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังอื้ออึง

"ระบายน้ำท่วมไม่ได้หรอกนะ ด้านล่างไม่มีทางน้ำ พอระบายออกไปแล้วน้ำจะไหลไปทางไหน?"

“เปิดเส้นทางบนภูเขาเหลี่ยงวั่ง!” ลู่ม่านพูดอย่างเด็ดขาดชัดถ้อยชัดคำ “ ขอแค่เปิดเส้นทางบนภูเขาเหลี่ยงวั่งได้ น้ำท่วมทั้งหมดก็จะไหลไปลงทะเลแดง.…”

ลู่ม่านยังพูดไม่ทันจบ ก็มีอิฐก้อนหนึ่งถูกขว้างลอยละลิ่วตรงเข้ามาหาแล้ว “ภูเขาเหลี่ยงวั่งเป็นภูเขาแห่งสิริมงคลของพวกเรา เจ้าจะมาลบหลู่ดูหมิ่นแบบนี้ไม่ได้!”

"ตีนางเลย!"

ฝูงชนถูกปลุกเร้าจนกระเหี้ยนกระหือรือเต็มที่ ทยอยโจมตีใส่พวกลู่ม่านอย่างไม่พอใจ

เฉินจื่ออานตาดีมือไว คว้าตัวลู่ม่านมาซ่อนไว้ใต้ร่างตัวเอง อิฐก้อนนั้นกระแทกเข้าใส่กลางแผ่นหลังของเฉินจื่ออานอย่างแรง

"จื่ออาน เจ้าไม่เป็นไรนะ?" ลู่ม่านร้องตะโกน

“ไม่เป็นไร!” เฉินจื่ออานหันกลับมามองฝูงชนที่กำลังเดือดดาลเต็มที่ “ทุกคนใจเย็น ๆ หน่อย สิ่งที่เสี่ยวม่านพูด ไม่ได้มีเจตนาที่จะดูหมิ่นพวกเจ้า นางแค่ต้องการจะช่วยพวกเจ้า....”

“พวกเราไม่เชื่อ!” เป๋าจ่างรีบออกหน้าต่อต้าน "พวกเจ้าไสหัวออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้!"

บรรดาผู้หญิงคนอื่น ๆ ต่างก็ถูกล้างสมอง เริ่มต่อต้านด้วยเช่นกัน

ลู่ม่านกวาดตามองไปที่เหล่าฝูงชนที่โง่เขลา ในใจรู้สึกหนาวเยือก นางรู้ดีว่าการจะทำอะไรสักอย่าง มันไม่มีทางหลีกเลี่ยงเรื่องที่จะทำให้คนเข้าใจผิดได้ เพราะมันเป็นไปไม่ได้ที่ทุกคนจะเข้าใจตรงกันหมด แต่พอมันมาเกิดกับตัวเองจริง ๆ ถึงค่อยรับรู้ได้ถึงความไร้กำลังของตนอย่างลึกล้ำ

ทุกคนไม่มีใครยอมฟังคำอธิบายของนางแล้ว ลู่ม่านไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหยิบก้อนอิฐจากพื้นขึ้นมาก้อนหนึ่ง แล้วโยนโครมเข้าไปกลางฝูงชนตรง ๆ

เนื่องจากการโจมตีอย่างกะทันหันของลู่ม่าน ทำให้ทุกคนเงียบสนิทไปครู่หนึ่ง จากนั้นค่อยมองลู่ม่านด้วยสีหน้าสยดสยอง

จากนั้นลู่ม่านก็เรียกท่านป้าคนนั้นที่เอาแต่ยืนเหม่อลอยอยู่ท่ามกลางฝูงชน “ท่านป้า ท่านก็คิดว่าข้าผิดด้วยอย่างนั้นรึ? เมื่อวานท่านยังบอกข้าอยู่เลยว่า ถ้าจัดการปัญหาน้ำท่วมครั้งนี้ได้แล้ว ตำบลนี้ก็จะฟื้นคืนสภาพเดิม แต่ตอนนี้ข้ามีวิธีแก้แล้ว ทำไมพวกท่านถึงไม่เห็นด้วยล่ะ?”

ท่านป้าคนนั้นอ้าปากพะงาบ ๆ ขณะที่กำลังจะเอ่ยปากพูด ที่ด้านนอกก็มีเสียงฝีเท้าอันร้อนรนดังกระชั้นเข้ามาอีกครั้ง “เป๋าจ่าง แย่แล้ว พวกผู้ชายทั้งหลายที่ช่วยไปอุดเขื่อนเมื่อครู่ มีหลายคนถูกกระแสน้ำพัดหายไปอีกแล้ว!”

สิ้นเสียงรายงาน ฝูงชนที่ยังตื่นเต้นเดือดดาลเมื่อครู่พลันเงียบเสียงลงทันที จากนั้นก็มีเสียงร้องไห้โหยหวนดังตามมาจนระงม

"สามีข้า!"

“หรือว่านี่ยังไม่ชัดเจนพอ?” ลู่ม่านถามกลับ

“แต่ข้ากลับไม่เห็นด้วย เจ้าไม่ได้ขอความเห็นชอบจากข้า ก็ตัดสินใจทำทุกอย่างด้วยตัวเอง คนที่ข้านำมาด้วยจะไม่มีใครที่ยื่นมือเข้าช่วยแม้แต่คนเดียว”

นางไม่มีคนช่วยแม้แต่คนเดียว อยากจะเห็นนักว่านางจะเปิดเส้นทางบนภูเขาอย่างไร

“เรื่องที่ข้าพูดเมื่อครั้งก่อนยังมีผลอยู่ หากเจ้าตัดสินใจใหม่ตั้งแต่ตอนนี้ ก็ยังไม่สายเกินไปนะ”

จนเวลานี้แล้ว อ๋องหนิงก็ยังไม่ลืมข่มขู่คนอื่นเพื่อให้ตัวเองบรรลุเป้าหมาย

ลู่ม่านขมวดคิ้วมุ่น “ก็แล้วแต่ท่านอ๋องเถอะ!”

เมื่อได้ยินดังนั้น อ๋องหนิงก็ถึงกับตะลึงไปเลย ส่วนลู่ม่านกลับพาคนทั้งหมดออกไปแล้วเรียบร้อย

ในวัดอันใหญ่โตมโหฬาร เพียงไม่นานก็เหลือแค่อ๋องหนิงกับเป๋าจ่างแค่สองคนแล้ว บรรดาผู้หญิงและเด็กที่ไม่มีแม้แต่แรงจะหักคอไก่ ถึงกับรีบไปช่วยกันเปิดเส้นทางบนภูเขากันหมด

เป๋าจ่างรีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อขอคำแนะนำ "ท่านอ๋อง เรื่องนี้เราทำอย่างไรกันดี? ถ้าพวกนางเปิดเส้นทางบนภูเขาได้จริง ๆ แล้วเงินที่ส่งมาเป็นทุนบรรเทาภัยพิบัติประจำปีของพวกเราจะไม่...."

อ๋องหนิงไม่รอให้เป๋าจ่างพูดจบ ก็หันไปถมึงตาจ้องมองใส่เป๋าจ่างอย่างดุร้าย

“ข้ากลับอยากจะเห็นนัก ว่านางจะเปิดเส้นทางบนภูเขาอย่างไร ภูเขาลูกใหญ่ขนาดนั้น นางที่เป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่งบอกว่าจะเปิด มันก็จะเปิดได้ง่าย ๆ อย่างนั้นเลยรึ?”

เป๋าจ่างพยักหน้า “ท่านอ๋องพูดได้ถูกต้องแล้ว ก็แค่ผู้หญิงคนหนึ่ง ถึงกับพยายามจะเปิดเส้นทางบนภูเขาเหลี่ยงวั่ง พูดจาไร้สาระพอ ๆ กับความเพ้อฝันของคนปัญญาอ่อนก็ไม่ปาน ถ้ามันเปิดได้ง่าย ๆ เมื่อก่อนคนตั้งมากมายขนาดนั้นก็เปิดไปแล้วสิ”

อ๋องหนิงไม่สนใจคำพูดของเป๋าจ่างคนนั้นอีก สีหน้าดำคล้ำทะมึน เฝ้าครุ่นคิดอะไรบางอย่างเงียบ ๆ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน