ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน นิยาย บท 490

หลังจากดินถล่มเมื่อครู่ จู่ ๆ อากาศก็เปลี่ยนเป็นแจ่มใสขึ้นมา

รอจนทั้งคณะออกจากหมู่บ้านแล้ว ลู่ม่านค่อยพูดว่า “ชาวบ้านที่สมาชิกในครอบครัวประสบเหตุวันนี้ให้แยกตัวออกมานอกแถว ถ้าต้องการจะไปตามหาญาติ ก็ไปตามหาได้ นอกจากนี้ให้ส่งชายหนุ่มวัยฉกรรจ์อีกกลุ่มหนึ่งไปช่วยกันตามหา”

"ให้พวกเขาไปตามหาเถอะ พวกเราจะตามไปเปิดทางบนภูเขากับเจ้า"

พวกผู้หญิงต่างแย่งกันพูดคนละประโยคสองประโยคว่า "ถ้าพวกเราเปิดทางบนภูเขาไม่ได้ ต่อให้ผู้ชายของพวกเรากลับมา อย่างไรก็ต้องตายเท่ากัน พวกเราจะไปเปิดทางบนภูเขา!"

ต่างคนต่างแย่งกันพูดจนเสียงดังเอะอะอึกทึกไปหมด ทำให้หัวใจลู่ม่านถึงกับสั่นไหว

คนเหล่านี้ก็คือบรรดาผู้หญิงที่เวลาปกติมักจะโดนคนรังเกียจว่าอ่อนแอ แต่ลู่ม่านรู้ดีว่า ผู้หญิงอาจจะดูภายนอกแล้วอ่อนแอ แต่ภายในกลับมีจิตใจที่เข้มแข็งมาก

“ได้ ถ้าอย่างนั้นเรามาจัดแบ่งงานกันตอนนี้เลย ในบ้านใครที่มีเครื่องมือซึ่งใช้กับงานนี้ได้ ขอให้กลับไปเอามา ตอนนี้เราไม่มีการสนับสนุนจากทางราชสำนักแล้ว จึงทำได้แค่ต้องพึ่งพากำลังของตัวเองเท่านั้น นอกจากนี้คนที่เหลือ ให้ไปซื้อน้ำมันตุงมา"ถ้าคิดจะเผาก้อนหิน น้ำมันตุงถือเป็นวัสดุที่ติดไฟง่าย มีคุณสมบัติเหมาะสมที่สุด

หลังจากสั่งงานเรียบร้อยแล้ว ทุกคนก็กลับบ้านไปเอาเครื่องมือมา มีทั้งจอบ ค้อนใหญ่

ค้อนเล็ก เสียม พูดง่าย ๆ คืออะไรที่มันใช้ได้ ทุกคนก็ล้วนเอามาหมด

ลู่ม่านนำฝูงชนตรงไปยังภูเขาด้วยท่วงท่าอันยิ่งใหญ่เกรียงไกร อึกทึกครึกโครมอย่างมาก

สายรุ้งเส้นหนึ่งพาดผ่านแนวยอดเขาเหลี่ยงวั่งทั้งสองแห่ง มีคนตะโกนขึ้นว่า "นี่คงเป็นสัญลักษณ์ที่ทวยเทพทรงบอกพวกเราว่า สิ่งที่พวกเราเลือกมันถูกต้องแล้วแน่ ๆ เลย!"

ลู่ม่านพยักหน้า "ใช่ แน่นอนว่าสิ่งที่พวกเราเลือกมันถูกต้องแล้ว"

เมื่อไปถึงที่หมาย ลู่ม่านก็มอบหมายให้ทุกคนเริ่มไปเปิดหิน ขั้นแรกคือการย้ายก้อนหินขนาดเล็กที่ตีนเขาเพื่อกรุยทางก่อน ค่อย ๆ ย้ายออกไป เนื่องจากภูเขาสูงมาก งานที่เริ่มทำจากจุดเล็ก ๆ แบบนี้จึงจำเป็นต้องใช้เวลานานมากทีเดียว

ถ้าเปลี่ยนเป็นยุคปัจจุบันล่ะก็ ใช้แค่รถไถปราบหน้าดินกับรถขุดดินขนาดใหญ่สักสองสามคัน ก็สามารถแก้ไขปัญหาพวกนี้ได้ภายในไม่กี่วันแล้ว แต่ที่นี่น่ากลัวว่าอาจต้องใช้เวลามากกว่าสิบวัน

ลู่ม่านก็หยิบเครื่องมือขึ้นมา แล้วตามทุกคนไปทำงานด้วยอีกแรง

ในวันแรก พวกนางก้าวหน้าไปได้เพียงเล็กน้อย เล็กน้อยเสียจนแทบจะไม่มีค่าพอให้พูดถึง แต่ทุกคนก็ดีใจมาก ต่างก็รู้สึกว่าได้เข้าใกล้ความสำเร็จไปอีกก้าวหนึ่งแล้ว

ทุกคนทำงานตัวเป็นเกลียวจนมืดค่ำถึงค่อยยอมกลับไป ลู่ม่านก็ดีใจมากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ระหว่างทางกลับ ยังคุยถึงแผนความคิดในขั้นต่อไปกับเฉินจื่ออานด้วย

เฉินจื่ออานยิ้มอย่างเอ็นดู "ข้าล้วนฟังเจ้า! วันนี้เจ้าเหนื่อยมากแล้ว กลับไปกินข้าวกินปลาแล้วรีบพักผ่อนเถอะนะ"

“อื้ม!” ลู่ม่านพยักหน้า

ขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกัน ก็เดินมาถึงหน้าประตูโรงเตี๊ยม หรูเฟิงมายืนรอพวกเขาอยู่ด้านนอกอย่างเป็นประวัติการณ์ บนใบหน้าที่เย็นชาแฝงแววโกรธกรุ่นอย่างปิดไม่มิด

“ฮูหยิน นายท่าน ในที่สุดพวกท่านก็กลับมาเสียที”

“เป็นอะไรไปรึ?” ลู่ม่านถามอย่างสงสัย

“อ๋องหนิงบอกว่าพวกเราไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง เลยตัดทั้งเสบียงอาหารกับที่พักของเราไปหมดเลย”

ตอนนี้เองลู่ม่านถึงสังเกตเห็นว่า ที่ด้านหลังของหรูเฟิงยังมีสัมภาระวางอยู่อีกสองห่อ อีกทั้งมือของ หรูเฟิงก็มีเลือดไหลออกมาแล้ว!

“เจ้าบาดเจ็บแล้ว?” ลู่ม่านรีบเข้าไปคว้ามือของหรูเฟิงขึ้นมาดู “เจ้าสู้กับพวกเขาอย่างนั้นรึ?”

หรูเฟิงเป็นคนอารมณ์ร้อน เวลาเจอเรื่องแบบนี้ นางต้องลงมือตอบโต้แน่ ๆ

เป็นไปตามคาด ทันทีที่สิ้นเสียงของลู่ม่าน หรูเฟิงก็พูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า “เป็นเพราะพวกนั้นมันรังแกกันเกินไปต่างหาก เห็นอยู่ชัด ๆ อยู่ว่าฮูหยินทำตามรับสั่งของฝ่าบาท พวกเขาทำแบบนี้ได้อย่างไรกัน!”

ลู่ม่านกลับหัวเราะ "หรูเฟิง หาได้ยากนักที่จะเจ้าพูดมากขนาดนี้นะเนี่ย"

หรูเฟิง ".....ฮูหยิน จนเวลานี้แล้ว ท่านยังจะล้อเลียนข้าอีก"

“เอาน่า ข้ายังไม่โกรธเลย เจ้าจะโกรธทำไมล่ะ? ไปกันเถอะ ฟ้ามืดขนาดนี้แล้ว พวกเรารีบไปหาโรงเตี๊ยมอื่นพักกันก่อน จะได้พันแผลให้เจ้าด้วยเลย”

“ช่างเถอะ!” ลู่ม่านเรียกหรูเฟิงจากด้านหลัง “เขาก็แค่เชื่อฟังเลยทำตามคำสั่ง ต่อให้เจ้าฆ่าเขาตายก็ไม่มีประโยชน์”

“ฮูหยินพูดได้ถูกต้องแล้ว!” เด็กดูแลยาคนนั้นพยักหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า

“แต่ว่า ฮูหยิน... ท่านไม่ได้ยินที่เขาพูดหรือ? ไม่เพียงแต่โรงหมอ ยังมีร้านอาหารกับโรงเตี๊ยมที่ไม่ต้อนรับพวกเราด้วย แล้วพวกเราจะทำอย่างไรล่ะเจ้าคะ?”

ลู่ม่านขมวดคิ้ว ถ้าจะบอกว่าเรื่องนี้เป็นฝีมือของเป๋าจ่างทำคนเดียว ลู่ม่านเองก็ไม่มีทางเชื่อเด็ดขาด

น่าจะเป็นความต้องการของอ๋องหนิงมากกว่า ไม่อย่างนั้น ต่อให้เป๋าจ่างนั่นจะความกล้างแค่ไหน ก็ไม่มีวันกล้าหาญชาญชัยทำเรื่องแบบนี้กับนางที่เป็นผู้บุกเบิกซึ่งฝ่าบาทแต่งตั้งแล้วส่งมาด้วยองค์เองแบบนี้แน่

"กลับไปรวมตัวกับจื่ออานก่อนค่อยว่ากันเถอะ!" ลู่ม่านสรุป ยังดีที่ตอนนี้ยังเป็นฤดูร้อน ต่อให้มีฝนตกชุกหลายวัน แต่อากาศก็ไม่หนาวมาก

ถ้าไม่อย่างนั้น คงจะกลายเป็นเรื่องที่ผ่านไปได้ยากแล้วจริงๆ

ทั้งสองกลับไปที่หน้าประตูโรงเตี๊ยม ผลคือเฉินจื่ออานยืนอยู่ตรงนั้นในสภาพคิดหาทางแก้ไขไม่ได้ตามคาด เมื่อเห็นว่าพวกนางกลับมาแล้ว เฉินจื่ออานก็รีบก้าวขึ้นมาข้างหน้า แล้วมองสำรวจลู่ม่านขึ้น ๆ ลง ๆ “เสี่ยวม่าน เจ้าไม่เป็นไรนะ? ไปทะเลาะกับใครเข้าหรือเปล่า?”

“ไม่ได้ทะเลาะ!” ลู่ม่านตอบ

หลังจากนั้น ทั้งสามก็เงียบสนิท

เพราะสถานการณ์ต่อจากนี้ไป ทั้งสามคนต่างก็รู้ดี แต่กลับไม่รู้ว่าควรจะพูดออกมาอย่างไร

เป็นลู่ม่านที่ทำลายความเงียบขึ้นมาก่อน นางพูดว่า “ข้าจำได้ว่ายังมีชุดผ้าฝ้ายชุดหนึ่งที่ยังไม่ได้ใส่ ไปเอามันออกมาฉีกเป็นชิ้นเล็ก ๆ ทำเป็นผ้าพันแผลให้หรูเฟิงเถอะ”

“ไม่ต้องหรอกเจ้าค่ะ ฮูหยิน” หรูเฟิงรีบห้ามไว้ทันที

“ไม่ได้ เจ้าได้รับบาดเจ็บจะไม่พันแผลได้อย่างไรกัน?” นอกจากนี้ ลู่ม่านก็เห็นอยู่ว่าปากแผลของหรูเฟิงไม่ใช่เล็ก ๆ ลองถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่นคงได้แหกปากร้องตะโกนลั่นไปนานแล้ว โชคดีที่หรูเฟิงเป็นผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่ง ปกติก็มักแสดงท่าทีเย็นชาจนเป็นนิสัย

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน