ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน นิยาย บท 497

ผลเป็นไปตามคาด อ๋องหนิงกลับมาก็เพื่อจะใส่ร้ายป้ายสีพวกเขานั่นเอง!

ลู่ม่านพยักหน้า "เอาเถอะ ไม่ต้องร้องแล้ว ข้าหิวจนแทบจะตายให้ได้แล้ว เจ้ารีบไปทำของอร่อย ๆ มาให้ข้ากินหน่อยเถอะ"

“ข้าจะไปเดี๋ยวนี้เลยเจ้าค่ะ!” หรูอวี่พูดอย่างมีความสุข หลังจากเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ก็พูดกับเถียนโหย่วเต๋อด้วยท่าทางที่เหมือนกับนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ "นายท่านกับฮูหยินต่างก็ไม่เป็นไร เจ้ารีบไปเก็บผ้าไว้ทุกข์ที่หน้าประตูลงมาเถอะ!"

“ไม่ต้องรีบหรอก!” ลู่ม่านพูด “แขวนไว้ก่อนเถอะ ค่อยว่ากันทีหลัง”

เถียนโหย่วเต๋อซื่อสัตย์ต่อเจ้านายมาโดยตลอด ได้ยินลู่ม่านพูดแบบนี้ จึงถอยออกไปทำงานของตัวเองต่อ

พวกลู่ม่านก็เหนื่อยมากแล้ว พอกินข้าวเสร็จก็แยกย้ายกันไปพักผ่อนทันที

เมื่อตื่นเช้ามา ลู่ม่านก็เรียกเหอเฉวียนมาพบ “งานของเจ้าวันนี้คือออกไปหาคนคุย ให้บอกใครต่อใครว่าพบศพของข้ากับนายท่านแล้ว แต่ตระกูลเฉินไม่อยากให้ฝ่าบาททรงทราบเรื่อง ดังนั้นจึงอยากลอบเอาไปฝังแบบลับ ๆ ในวันพรุ่งนี้.....”

เหอเฉวียนตกตะลึงจนตาค้าง “ฮูหยิน นี่มันจะไม่อัปมงคลเกินไปหน่อยรึ!”

“ไม่ต้องไปเชื่อเรื่องโชคลางนักหรอก!” ลู่ม่านพูด "ข้ายังนึกว่าครอบครัวของเราเชื่อในวิทยาศาสตร์เสียอีก!"

เหอเฉวียนยิ่งสับสนหนักกว่าเดิมแล้ว “วิทยาศาสตร์คืออะไรรึ?”

ลู่ม่าน ".....ไม่ใช่อะไรหรอก อย่างไรเจ้าก็แค่ออกไปกระจายข่าวลือนี้โดยตรงก็พอ นี่เป็นครั้งแรกที่ข้ามอบหมายเรื่องสำคัญขนาดนี้ให้เจ้าทำเชียวนะ เจ้าจะต้องทำให้ดี ๆ ล่ะ!"

ท่าทางที่ลู่ม่านพูดนั้นดูจริงจังกับเรื่องนี้มาก ๆ ในที่สุดก็ดึงดูดความสนใจของเหอเฉวียนได้

"ได้ ฮูหยิน! ข้าจะต้องทำภารกิจให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี!"

หลังจากเหอเฉวียนออกไปแล้ว ลู่ม่านก็ลุกขึ้นบิดขี้เกียจ เร่งเดินทางเหน็ดเหนื่อยมาตลอดทาง แม้จะได้นอนหลับไปตื่นหนึ่งแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกปวดเมื่อยไปทั้งเนื้อทั้งตัวไม่หาย หลังจากเดินเล่นรอบสนามไปหนึ่งรอบ ลู่ม่านก็นึกอยากงีบหลับอย่างไม่รู้สาเหตุ จึงกลับไปนอนอีกครั้ง

การนอนงีบนี้กินเวลายาวนานไปจนถึงช่วงเย็น ๆ ลู่ม่านสะดุ้งตื่นลุกขึ้นมาจากเตียง ก็เห็นว่าดวงอาทิตย์เริ่มคล้อยไปทางทิศตะวันตกแล้ว อดไม่ได้ที่จะถามว่า “ตอนนี้ยามอะไรแล้ว?”

หรูอวี่เดินเข้ามาจากด้านนอกแล้วพูดว่า “ฮูหยิน ท่านตื่นแล้วหรือเจ้าคะ? นายท่านบอกว่าท่านกำลังหลับสบาย ไม่ให้พวกเราเสียงดังจนไปปลุกท่านตื่นเจ้าค่ะ ท่านอยากกินอะไรหรือไม่?”

ลู่ม่านส่ายหน้า “จื่ออานล่ะ?”

“อยู่ที่ห้องหนังสือเจ้าค่ะ เมื่อครู่นี้เหอเฉวียนกลับมาแล้ว!”

ทันทีที่ได้ยินว่าเหอเฉวียนกลับมาแล้ว ลู่ม่านก็สดชื่นกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันที ลุกขึ้นแล้วตรงไปห้องหนังสือ เพิ่งจะเดินเข้าไป ก็ได้ยินเสียงเหอเฉวียนพูดว่า "ข้าทำเรื่องที่ฮูหยินสั่งมาเรียบร้อยแล้วขอรับ ตอนนี้บรรดาคนขับรถม้าของใต้เท้าทั้งหลายต่างก็รู้เรื่องนี้กันหมดแล้ว เชื่อได้ว่าไม่เกินพลบค่ำวันนี้ คนเกือบครึ่งหนึ่งของเมืองหลวงจะต้องรู้เรื่องนี้อย่างแน่นอน"

“ดี!” ลู่ม่านเดินเข้าไป พูดยืนยันหนักแน่น

“เจ้าออกไปเถอะ!” เฉินจื่ออานสั่งเหอเฉวียน เหอเฉวียนจึงกล่าวลาแล้วออกไปตามคำสั่ง จากนั้นเฉินจื่ออานก็เดินเข้ามากอดเอวของลู่ม่าน"ตื่นแล้วรึ? มีตรงไหนที่รู้สึกไม่สบายหรือไม่?"

“ไม่มี!” ลู่ม่านส่ายหน้า “ข้าแค่นั่งรถนานจนเหนื่อยเกินไปเฉย ๆ แล้วข้าก็ไม่ใช่ตุ๊กตากระเบื้องเคลือบที่ต้องทะนุถนอมอะไรขนาดนั้น!”

“เจ้าไม่ใช่ตุ๊กตากระเบื้องเคลือบหรอก เจ้าเป็นตุ๊กตาหนามต่างหาก!” เฉินจื่ออานจงใจล้อเลียนนาง ลู่ม่านยื่นมือออกไปหยิกเนื้อของเฉินจื่ออานอย่างนึกหมั่นไส้ “ข้าจะใช้หนามของข้าแทงเจ้าให้ตายเลย! จะแทงให้ตายเลย!”

ทั้งสองหยอกเย้ากันอยู่ครู่ใหญ่ ๆ หรูอวี่ก็พูดจากด้านนอกเข้ามาว่า "ฮูหยิน นายท่าน อาหารเย็นพร้อมแล้วเจ้าค่ะ"

เฉินจื่ออานรีบคว้ามือของลู่ม่านไว้ทันที "ไปเถอะ กินข้าวกัน พรุ่งนี้ยังมีการต่อสู้ที่ยากลำบากอีกสนามหนึ่งรออยู่นะ!"

……...

"นี่กำลังทำอะไรน่ะ?"

เสียงที่สง่างามและทรงพลังเสียงหนึ่ง ได้ทำลายความวุ่นวายโกลาหลในบ้านลงทันที จากนั้นก็มีเสียงประกาศแหลมสูง อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของขันทีรับใช้ฝ่ายในดังขึ้นว่า “ฮ่องเต้เสด็จ!”

ถูกต้อง ฮ่องเต้มาถึงแล้ว

เมื่อตอนเช้าตรู่ ลู่ม่านก็สั่งให้เหอเฉวียนถือป้ายอาญาสิทธิ์ที่ลู่ม่านได้มาจากจวนอ๋องหนิงเมื่อครั้งก่อน เข้าไปในวังเพื่อทูลขอเข้าเฝ้าฝ่าบาทแล้ว

“อ๋องหนิง นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” ทันทีที่ฮ่องเต้เสด็จเข้ามา ก็ทอดพระเนตรเห็นว่าอ๋องหนิงนำกลุ่มคนหน้าตาดุร้ายกลุ่มหนึ่งเข้ามารังแกคนรับใช้ของตระกูลเฉิน ถึงขั้นที่ว่า กระทั่งเด็กตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งก็ยังไม่ละเว้น

สิ่งนี้ไม่สอดคล้องกับภาพลักษณ์ก่อนหน้านี้ของอ๋องหนิง ที่ว่ารักใคร่ประชาชนประดุจลูกหลาน จึงกระตุ้นให้เกิดความไม่พอพระทัยของฮ่องเต้อย่างยิ่ง

“ฝ่าบาท!” อ๋องหนิงคิดไม่ถึงว่าฝ่าบาทจะเสด็จมา ชั่วขณะที่ยังคิดไม่ออกว่าจะเฉไฉออกไปยังไงดี ผู้ติดตามที่อยู่ข้าง ๆ เห็นแบบนั้น ก็รีบชิงพูดออกไปว่า “ทูลฝ่าบาท เมื่อคืนนี้ท่านอ๋องได้รับรายงานว่า ศพของสองสามีภรรยาตระกูลเฉินถูกนำกลับมาแล้ว แต่ตระกูลเฉินกลับมีจิตคิดคด ไม่ยอมรายงานเรื่องนี้ขึ้นไป อ๋องหนิงเกรงว่าฝ่าบาทจะถูกหลอกลวง จึงเร่งมาตรวจสอบให้ชัดเจนตั้งแต่เช้าตรู่เช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้สีพระพักตร์ไร้อารมณ์โดยสิ้นเชิง "แล้วตอนนี้ตรวจสอบชัดเจนดีแล้วหรือไม่?"

“ยังเลยพ่ะย่ะค่ะ!” อ๋องหนิงตอบในสภาพเหงื่อเย็นเยียบไหลอาบไปทั่วร่าง “พวกเขาไม่ยอมให้เปิดโลงศพพ่ะย่ะค่ะ!”

“ฝ่าบาท การตายของเจ้านายพวกเราช่างไม่เป็นธรรมเหลือเกินแล้วเพคะ!” หรูอวี่คลานเข้าไปหยุดตรงหน้าฝ่าบาท ร้องไห้จนน้ำมูกน้ำตาไหลอาบหน้าไปหมด “พวกข้าน้อยไม่เชื่อเด็ดขาดว่าเจ้านายของข้าน้อยจะทำเรื่องอะไรที่มันทำร้ายประชาชนแบบนั้น ก่อนหน้านี้ตอนที่ยังอยู่ในหมู่บ้านไป่ฮัว เจ้านายของข้าน้อยก็คิดอ่านเพื่อประชาชนมาโดยตลอด แล้วจะทำเรื่องที่ส่งผลร้ายต่อประชาชนได้อย่างไรกันเพคะ? จะต้องมีความเข้าใจผิดอะไรบางอย่างระหว่างนั้นแน่ ๆ ขอฝ่าบาทได้โปรดให้ความเป็นธรรมกับเจ้านายของข้าน้อยด้วยเถิดเพคะ!"

อ๋องหนิงได้ยินดังนั้น ก็จ้องหรูอวี่ด้วยสายตาเย็นชาแวบหนึ่งแล้วพูดว่า “ฝ่าบาท เรื่องความล้มเหลวในการควบคุมทางน้ำครั้งนี้เป็นความจริง เรื่องที่สองสามีภรรยาตระกูลเฉินฆ่าตัวตายเพื่อหนีความผิดก็เป็นความจริง กระหม่อมแค่รายงานความจริงที่กระหม่อมเห็นออกไปเท่านั้น ส่วนที่ว่าจะมีเรื่องเข้าใจผิดอะไรหรือไม่ กระหม่อมก็ไม่ทราบแล้ว”

การพลิกดำให้เป็นขาวพรรค์นี้ ทำเอาลู่ม่านโกรธจนแทบจะหลุดหัวเราะออกมาให้ได้แล้ว

“ท่านอ๋อง พูดแบบนี้ออกจะไม่ดีนะ เห็นกันอยู่ชัด ๆ ว่าการควบคุมทางน้ำครั้งนี้สำเร็จแล้ว!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน