ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน นิยาย บท 498

เนื่องจากมีประตูบานเล็ก ๆ ที่อยู่ข้างเรือนต้อนรับส่วนหน้าบานหนึ่ง ซึ่งสามารถทะลุออกไปนอกบ้านได้โดยตรง ดังนั้นในเวลานี้ จึงดูเหมือนว่าลู่ม่านกับเฉินจื่ออานเพิ่งจะกลับมาจากข้างนอก

เมื่อเห็นทั้งสองคน หรูอวี่ก็รีบพุ่งเข้าไปหาด้วยความดีใจ "ฮูหยิน นายท่าน ที่แท้พวกท่านยังไม่ตาย ช่างดีเหลือเกินเจ้าค่ะ!"

ไม่พูดไม่ได้ว่า การแสดงของแม่สาวน้อยคนนี้ไม่เลวเลยจริง ๆ ถ้าไม่เพราะตรงนี้ยังมีคนอยู่กันมากมายขนาดนี้ล่ะก็ ลู่ม่านก็คงจะยกนิ้วโป้งชื่นชมนางไปแล้ว

แต่อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ไม่ใช่เวลามายกนิ้วชื่นชมใคร

ลู่ม่านรีบประจบประแจงฮ่องเต้อย่างรู้งานทันที “ด้วยบารมีอันมากมายมหาศาลของฝ่าบาท มีพรอันประเสริฐของพระองค์คุ้มครองกาย พวกหม่อมฉันจะเกิดเรื่องร้ายได้อย่างไรกันเพคะ?”

ฮ่องเต้ไม่สนใจคำพูดของลู่ม่าน แต่ทอดพระเนตรมองลู่ม่านอย่างตื่นเต้นยินดี “เมื่อครู่นี้เจ้าพูดว่าอะไรนะ? ควบคุมทางน้ำได้สำเร็จแล้วรึ?”

เมื่อได้ยินดังนั้น ลู่ม่านกับเฉินจื่ออานก็พร้อมใจกันพูดว่า “ขอแสดงความยินดีกับฝ่าบาท ด้วยมหากรุณาธิคุณของพระองค์ เส้นทางน้ำของทิศใต้จึงสามารถขุดได้สำเร็จเรียบร้อย ตอนนี้น้ำทั้งหมดในเขื่อนสามารถไหลผ่านภูเขาเหลี่ยงวั่งไปลงยังทะเลแดงได้แล้ว นับจากนี้เป็นต้นไป จะไม่มีภัยน้ำท่วมเกิดขึ้นอีกแล้ว!”

“ดี!” ฮ่องเต้ทรงเกษมสำราญอย่างยิ่ง

อ๋องหนิงที่อยู่ข้างหลังขมวดคิ้วมุ่น ขยิบตาส่งสัญญาณไปให้ขันทีเฉินที่อยู่ข้างกายฝ่าบาทโดยไม่รู้ตัว ขันทีเฉินรีบพูดขึ้นว่า “ฝ่าบาท ถ้าหากทางน้ำที่ว่าแก้ไขได้แล้วจริง ๆ เหตุใดจนป่านนี้จึงยังไม่มีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมาทูลรายงานเลยล่ะพ่ะย่ะค่ะ? ฝ่าบาทอย่าได้ทรงถูกหลอกลวงง่าย ๆ!”

เพิ่งจะสิ้นเสียง ด้านนอกก็มีข้ารับใช้ฝ่ายในพร้อมกับเจ้าหน้าที่ทหารมาประกาศข่าวดีว่า “ทูลฝ่าบาท ช่างน่ายินดีอย่างยิ่ง ช่างน่ายินดีอย่างยิ่งพ่ะย่ะค่ะ! ผู้ว่าราชการทหารระดับภูมิภาคได้ส่งข้อความด่วนมาแจ้งว่า ภัยน้ำท่วมทางภาคใต้สามารถแก้ไขได้สำเร็จลุล่วงแล้ว ขอแสดงความยินดีกับฝ่าบาทด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้เบิกพระเนตรจนกว้าง รีบเอื้อมพระหัตถ์ออกไปรับจดหมายด่วนมาอ่านตั้งแต่ต้นจนจบ พระโอษฐ์ก็กล่าวชมว่าดีถึงสามครั้งติด!

ขันทีเฉินกับอ๋องหนิงประสานสายตากันแวบหนึ่ง ขันทีเฉินพูดขึ้นอีกครั้งว่า “ฝ่าบาท แม้ว่าซูเหรินกับใต้เท้าซือหนงจะสามารถจัดการกับภัยน้ำท่วมได้ แต่เพราะพวกเขาฝ่าฝืนกฎ ส่งผลร้ายจนทำให้คนในท้องถิ่นต้องล้มตาย รางวัลและการลงโทษของฝ่าบาทล้วนแบ่งแยกชัดเจน เรื่องนี้ไม่ควรปล่อยให้เลยตามเลยพ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้พลันขมวดคิ้วมุ่น ความปิติยินดีบนพระพักตร์จางหายลงไปเล็กน้อย

“พวกเจ้าสองคนมีอะไรจะอธิบายเกี่ยวกับคำพูดเหล่านี้บ้างหรือไม่?”

“ฝ่าบาท!” เฉินจื่ออานเอ่ยขึ้นว่า “ระหว่างกระบวนการควบคุมทางน้ำ กระหม่อมได้เผชิญกับการต่อต้านจริงพ่ะย่ะค่ะ แต่เรื่องที่ว่าทำให้ประชาชนล้มตายนี่? กระหม่อมเกรงว่าจะไม่รู้แล้ว ว่าเป็นเรื่องอะไรกันแน่พ่ะย่ะค่ะ?”

“เจ้าว่ามาซิ!” ฮ่องเต้หันกลับไปหาอ๋องหนิงอีกครั้ง “เจ้าร่วมเดินทางไปกับพวกเฉินซือหนง ไม่มีใครรู้เรื่องนี้ดีไปกว่าเจ้าแล้ว!”

อ๋องหนิงคิดไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ทูลฝ่าบาท บรรดาลูกน้องของกระหม่อมต่างได้เห็นกับตาว่าเขื่อนพังถล่มลงมา ประชาชนทุกคนต่างต้องประสบกับภัยมหันต์….”

ลู่ม่านได้ยินดังนั้น ก็ยกยิ้มอย่างเย็นชา “เช่นนั้นก็น่าเสียดายแทนท่านอ๋องแล้วจริง ๆ ถ้าตอนนั้นท่านสามารถเรียกให้ลูกน้องของท่านไปช่วยพวกเขาอย่างสุดกำลังได้ล่ะก็ บางทีท่านก็อาจจะไม่พลาดข่าวดีที่ว่า ทุกคนสามารถรอดพ้นจากอันตรายนั้นไปได้แล้วล่ะ!”

อ๋องหนิงคาดไม่ถึงว่าลู่ม่านจะถึงกับกล้าพูดแบบนี้ต่อหน้าเขา จึงตกตะลึงไปครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายขิงที่ยิ่งแก่ก็ยิ่งเผ็ดอย่างเขา เงียบไปได้ครู่เดียวก็พูดขึ้นว่า “ลู่ซูเหรินพูดได้ถูกต้องแล้ว ล้วนเป็นความผิดของข้าทั้งหมด”

ผู้ติดตามข้างกายอ๋องหนิงรีบเสนอหน้าเข้ามาอธิบายทันทีว่า “ทูลฝ่าบาท ขอท่านทรงอย่าได้ตำหนิท่านอ๋องของเราเลยพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋องโหมทำงานหนักทุ่มเททั้งกายใจ จนกระทั่งร่างกายอ่อนแอ ถึงได้ถูกลูกน้องอย่างพวกเราขอร้องให้พาตัวกลับมารักษา!”

ชิ! ตอแหลได้โล่เลยจริง ๆ

ลู่ม่านนิ่งเงียบไม่พูดอะไรขึ้นมาอีก ฮ่องเต้เห็นดังนั้นก็ตรัสขึ้นว่า

“ในเมื่อเรื่องพวกนี้ล้วนเป็นความเข้าใจผิด เช่นนั้นก็แล้วกันไปเถอะ แต่ว่าครั้งนี้ ลู่ซูเหรินกับเฉินซือหนงต่างมีความดีความชอบในการควบคุมทางน้ำได้สำเร็จ ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีจริง ๆ ข้าขอประกาศให้เฉินซือหนงได้รับการเลื่อนตำแหน่งขึ้นหนึ่งขั้น รับหน้าที่ดูแลหกกรม ลู่ซูเหรินเฉลียวฉลาดมีความสามารถโดดเด่น เก่งกาจรอบด้าน ให้เลื่อนตำแหน่งขึ้นเป็นฮูหยินตราตั้งขั้นหนึ่ง”

“ขอบพระทัยในพระมหากรุณาธิคุณเพคะ/พ่ะย่ะค่ะ!” ลู่ม่านกับเฉินจื่ออานกล่าวขอบคุณ

ลู่ม่านกอดนางกลับ หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ ๆ เมื่อเห็นว่าสภาพจิตใจนางเริ่มมั่นคงขึ้นแล้ว ก็ตบ ๆ ที่ไหล่นางเบา ๆ “นี่ข้าก็สบายดีไม่ใช่หรือเจ้าคะ? ข้าประคองท่านเข้าไปนั่งข้างในดีกว่า”

“ดี!” ฮูหยินกั๋วกงจับมือลู่ม่านอย่างอาลัยอาวรณ์ ทั้งสองคนเดินตรงไปที่ห้องโถงใหญ่

ด้วยที่ในใจรู้สึกผิด ลู่ม่านจึงพูดว่า "เมื่อวันก่อนข้าได้ใบชาชั้นดีมาจำนวนหนึ่ง ข้าจะไปชงชามา..."

“เจ้าอย่าไป!” ฮูหยินกั๋วกงจับมือนางไว้แน่น “เจ้าไม่ต้องไปหรอก อยู่คุยเป็นเพื่อนข้าก่อน”

".....ได้เจ้าค่ะ!" ลู่ม่านตอบรับเสร็จ ก็หันไปทางหรูอวี่ "เจ้าไปแล้วกัน ไปชงชาชั้นดีที่ข้าได้มาเมื่อวันก่อนมาให้ฮูหยินกั๋วกงหน่อยนะ"

หรูอวี่ได้รับคำสั่งก็รีบออกไปทำทันที ลู่ม่านค่อยหันกลับมาจับมือฮูหยินกั๋วกง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “นี่ข้าก็ไม่เป็นไรแล้วไม่ใช่หรือเจ้าคะ? ท่านไม่ต้องเป็นห่วงหรอก”

“เสี่ยงเหลือเกินแล้ว!” ฮูหยินกั๋วกงพูด “ถ้าหากว่าข้ารู้เรื่องนี้แต่แรก สามีของข้าก็คงจะไปขอพระราชโองการแทน ไม่ปล่อยให้เจ้าต้องไปเองแบบนี้แน่!”

“ข้ามีความโชคดีจากความโชคร้ายนะ!” ลู่ม่านพูดด้วยรอยยิ้ม “ข้าไปครั้งนี้ ไม่ใช่แค่เพื่อตัวเองเท่านั้น แต่เพื่อประโยชน์ของประชาชนอีกด้านหนึ่งด้วย ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้ข้าได้รับแต่งตั้งยศเป็นถึงฮูหยินขั้นหนึ่งแล้วด้วย ท่านดีใจกับข้าหรือไม่เจ้าคะ?”

"ดีใจสิ" ฮูหยินกั๋วกงยิ้มทั้งน้ำตา “ข้าดีใจมากเลย แต่ว่าพวกตำแหน่งอะไรเหล่านั้นน่ะ หากว่าเจ้าต้องการ มันก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ เจ้าก็รู้สินะ ข้า..…”

ฮูหยินกั๋วกงอ้าปาก ทำท่าเหมือนว่าอยากจะพูดอะไรบางอย่าง ลู่ม่านเห็นก็ตระหนักขึ้นมาได้ทันที จึงรีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาอย่างรวดเร็ว

“พูดแบบนี้ไม่ได้นะเจ้าคะ อาศัยความสามารถตัวเองจนได้มา ถึงจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดไม่ใช่หรือเจ้าคะ? ไม่ต้องพูดถึงว่าข้าไม่ได้มีภูมิหลังที่ดี ต่อให้ข้ามี ข้าก็ยังหวังว่าจะพึ่งความสามารถของตัวเองจนได้มาอยู่ดี”

เมื่อได้ยินดังนั้น ฮูหยินกั๋วกงก็ทำได้แค่ต้องเก็บคำพูดที่ยังไม่ทันได้เอ่ยออกจากปากกลับไป แล้วถอนหายใจอย่างหมองเศร้า

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน