หลังจากที่ฮูหยินกั๋วกงกลับไป ครอบครัวของเฉินจื่อฉายก็มากันทั้งบ้าน กระทั่งแม่ทัพจ้าวสามีภรรยาก็มาเยี่ยมเยียนลู่ม่านด้วย
ยุ่งวุ่นวายกันอยู่ราว ๆ สองวัน ถึงค่อยต้อนรับขับสู้บรรดาคนที่มาเยี่ยมเยือนถึงบ้านได้จนครบ ลู่ม่านรู้สึกเหนื่อยยิ่งกว่าต้องไปทำนาปลูกข้าวเสียอีก
หลังจากส่งแขกทุกคนกลับไปหมดแล้ว ลู่ม่านกำลังเตรียมจะกลับไปพักผ่อนที่ห้อง หรูเฟิงก็เดินเข้ามาจากด้านนอกด้วยสีหน้าจริงจัง “ฮูหยิน เป๋าจ่างคนนั้นมาถึงเมืองหลวงแล้วเจ้าค่ะ!”
“มาถึงแล้วจริง ๆ หรือ?” ลู่ม่านพยักหน้า “เจ้าพาเขาไปไว้ที่ไหนล่ะ?”
“เขา.... กลับมาพร้อมกับคุณชายจวงเจ้าค่ะ!” เพิ่งจะสิ้นเสียง จวงลี่จ้งก็เดินเข้ามาจากประตูหน้าบ้านแล้ว ชายหนุ่มที่เดิมทีเปี่ยมไปด้วยความสูงส่งงามสง่าดั่งต้นไม้หยก เป็นเพราะเจอฝุ่นผงระหว่างทางเข้าไป จึงเปลี่ยนไปมีสภาพมอมแมมไร้สง่าราศีอย่างถึงที่สุด
เห็นได้ชัดว่า ทันทีที่เขากลับมาเมืองหลวงก็ตรงดิ่งมาที่นี่ทันที กระทั่งบ้านช่องก็ยังไม่ได้กลับ ท่าทางของเขาดูผิดปกติมาก ทันทีที่เข้ามาก็จ้องมองลู่ม่านตาเขม็ง
ลู่ม่านขมวดคิ้วมุ่น “หรูเฟิง เจ้าออกไปก่อน”
หรูเฟิงออกไปอย่างรวดเร็ว ลู่ม่านค่อยมองไปที่จวงลี่จ้งแล้วถามว่า “เจ้าเป็นอะไรไป? ข้าได้ยินมาว่าเจ้าลงไปทางใต้ คิดว่าเจ้าคงจะรู้เรื่องที่ภัยน้ำท่วมถูกแก้ไขได้เรียบร้อยแล้ว.....”
"เจ้าไม่เป็นอะไร ช่างดีเหลือเกิน"
จู่ ๆ จวงลี่จ้งก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
ลู่ม่านถึงกับตะลึงงัน "คุณชายจวง เจ้าพูดว่าอะไรนะ?"
ตอนนี้เองที่จวงลี่จ้งค่อยกลับมามีสติรู้สึกตัว จึงส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ข้าไม่ได้ว่าอะไร แต่ระหว่างทางได้พาคนกลับมาด้วยคนหนึ่ง เขาบอกว่าอยากพบเจ้า ข้าก็เลยให้เขาไปอยู่ที่บ้านสวนตระกูลจวงไปก่อน”
หัวใจของลู่ม่านพลันหนาวเยือก "เจ้ารู้สถานะของเขาแล้วหรือ?"
จวงลี่จ้งเป็นคนของอ๋องหนิง ถ้าเขารู้สถานะแท้จริงของเป๋าจ่างคนนั้น เขาจะบอกอ๋องหนิงหรือไม่? หากเป็นอย่างนั้นจริง ทุกสิ่งทุกอย่างที่นางทำมาก่อนหน้านี้ ก็จะเท่ากับเสียเปล่าไปโดยสิ้นเชิง
“รู้แล้วล่ะ!” จวงลี่จ้งพูดออกมาตรง ๆ แบบไม่มีอ้อมค้อม
“แล้วเจ้า….” จู่ ๆ คำพูดที่เหลืออีกสี่ห้าคำข้างหลัง ลู่ม่านกลับไม่สามารถพูดออกจากมาจากปากได้ ที่ผ่านมา ในใจนางมักจะเว้นระยะห่างจากจวงลี่จ้งไว้ระดับหนึ่งเสมอ เพราะจวงลี่จ้งเป็นคนที่คิดอ่านลึกล้ำยากจะคาดเดาเกินไป นางจึงมักเกิดความรู้สึกว่าการเข้าใกล้เขามากเกินไปนั้น ไม่น่าจะดี
แต่หลังจากผ่านเหตุการณ์ที่ได้รับความช่วยเหลือเอาไว้หลายครั้ง ถ้านางจะพูดง่าย ๆ ว่าพวกเขาไม่ใช่เพื่อนกัน มันก็ดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่
"ลำบากเจ้าแล้ว" ในที่สุด ลู่ม่านก็เปลี่ยนคำที่อยากจะถามเป็นสี่คำนี้แทน
เมื่อจวงลี่จ้งได้ยินดังนั้น ก็ยกยิ้มอย่างขมขื่น “เจ้าอยากจะถามสินะว่า ข้าจะบอกอ๋องหนิงหรือไม่?”
ลู่ม่าน "...."
จวงลี่จ้งส่ายหน้า "ข้าจะไม่บอกหรอก อย่าถามข้าว่าเพราะอะไร" พูดจบ เขาก็หันหลังกลับเตรียมจะออกไป
หลังจากเดินไปได้สองก้าว เขาก็หันหน้ากลับมาใหม่แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า "ลืมแสดงความยินดีกับเจ้าเลย ยินดีด้วยที่เจ้าได้เป็นฮูหยินขั้นหนึ่งแล้ว"
“ขอบคุณมาก” ลู่ม่านกล่าว
รอจนจวงลี่จ้งไปแล้ว หรูเฟิงค่อยเดินเข้ามาจากด้านนอก “ฮูหยิน คุณชายจวงออกไปแล้วเจ้าค่ะ ดูจากทิศทางที่เขาไป ดูเหมือนว่าเขาน่าจะกลับบ้านไปแล้ว”
“อื้ม!” ลู่ม่านตอบรับอย่างเฉยเมย
“ท่านไม่กังวลหรือเจ้าคะ ว่าเขาจะไปบอกความลับนี้กับอ๋องหนิง ?” หรูเฟิงถาม
“เขาไม่บอกหรอก!” ลู่ม่านพูดโพล่งออกมา
“แต่คุณชายจวงเป็นคนของอ๋องหนิงนะเจ้าคะ ทำไมท่านถึงได้มั่นใจขนาดนี้?”
ทำไมถึงมั่นใจขนาดนี้น่ะรึ? ลู่ม่านเองก็ไม่รู้ เมื่อครู่นี้นางก็แค่พลั้งปากพูดออกไป หลังจากมาลองคิดให้ละเอียดอีกที นางเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน
“ไม่มีอะไรแล้วล่ะ เจ้าออกไปเถอะ!”
รอจนหรูเฟิงออกไป ลู่ม่านค่อยนั่งลงตรงนั้น ไม่รู้เนื้อตัวรู้ตัวอยู่เป็นนานสองนาน นางคิดย้อนไปถึงเรื่องเมื่อครู่ ตอนที่จวงลี่จ้งพุ่งเข้ามาจากข้างนอกในสภาพเลอะฝุ่นมอมแมม คำพูดประโยคแรกของเขาก็คือ เจ้าไม่เป็นอะไร ช่างดีเหลือเกิน
เช้าวันรุ่งขึ้น ลู่ม่านก็พาหรูอวี่ไปที่ชานเมือง
ลู่ม่านมาเช้ามาก ทางโรงงานเพิ่งจะเริ่มทำงาน รอบด้านล้วนเงียบสงบ ผู้ดูแลได้รับข่าวเมื่อวานนี้แล้ว ดังนั้นเขาจึงเตรียมตัวจนพร้อมตั้งแต่เช้า เพื่อรอการมาถึงของลู่ม่าน
หลังจากเชิญลู่ม่านเข้าไปแล้ว ผู้ดูแลก็ยื่นบัญชีทั้งหมดไปให้นาง “ฮูหยิน เชิญท่านตรวจดูเถิดขอรับ บัญชีเหล่านี้คุณชายของเราได้สั่งให้ข้าทำอย่างละเอียดชัดเจนมาก หลังจากที่ท่านดูแล้วรับประกันได้ว่าท่านจะเข้าใจได้ทันทีที่กวาดตามองเลยทีเดียว”
ลู่ม่านแค่กวาดสายตามองผ่าน ๆ ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ข้าเชื่อในความสามารถของคุณชายเจ้า ดังนั้นของพวกนี้ก็ไม่จำเป็นต้องอ่านเพิ่มแล้วล่ะ ที่ข้ามาวันนี้ แท้จริงแล้วยังมีเรื่องอื่นที่จะทำอีก”
ผู้ดูแลตกตะลึงไปครู่หนึ่ง รีบพูดขึ้นว่า “ท่านมาที่นี่เพื่อรับเงินหรือขอรับ? ข้าเตรียมไว้พร้อมแล้ว ข้าจะรีบไปนำมาให้ท่านเดี๋ยวนี้”
“ไม่ใช่!” ลู่ม่านรีบค้าน "ที่ข้ามาเพราะอยากจะดูว่าการดำเนินงานจริงภายในโรงงานเป็นไปตามแนวทางที่วางไว้หรือเปล่า...."
“เรื่องนี้น่ะหรือ!” จู่ ๆ ผู้ดูแลก็แสดงท่าทางอิ่มอกอิ่มใจขึ้นมาทันที “ขอบอกท่านตามตรง เวลานี้ทั่วทั้งดินแดนของยุคก่อนราชวงศ์ถังแห่งนี้ ไม่มีทางหาเจ้าหน้าที่ระดับมืออาชีพที่เทียบเท่ากับคนของโรงงานเราได้เด็ดขาด อาจารย์ของเราที่นี่ล้วนเป็นคนที่มีความสามารถสูงทั้งสิ้น ต่อให้พวกเขาไปที่อื่น ก็สามารถเป็นผู้เชี่ยวชาญในระดับที่ตัดสินใจเองได้ทั้งหมด ข้าจะพาท่านไปดูนะขอรับ"
พูดพลาง ผู้ดูแลก็พาลู่ม่านออกไป
ทั้งสองเดินวนรอบโรงงานไปรอบหนึ่ง ผลคือได้เห็นความมีชีวิตชีวาที่เฟื่องฟูขจรขจายอยู่ทุกหนทุกแห่งในโรงงาน ลูกศิษย์ที่ก่อนหน้านี้นางเคยสอนงานให้ด้วยตัวเองเหล่านั้น มาตอนนี้ได้กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับอาจารย์กันหมดแล้ว
แม้แต่ลูกมือก็ยังมีคนมากมายที่มาร่ำเรียนด้วย
ลู่ม่านพยักหน้า "ไม่เลวเลยจริง ๆ"
ผู้ดูแลยกยิ้มอย่างภาคภูมิใจ “นั่นมันแน่นอนอยู่แล้วขอรับ ความสามารถของคุณชายพวกเราถือเป็นหนึ่งไม่มีสองในใต้หล้า”
ลู่ม่านไม่พูดอะไรอีก หลังจากเงียบไปชั่วอึดใจ ก็เอ่ยปากขึ้นว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนั้น โรงงานนี้มอบหมายไว้ในมือของคุณชายจวง ข้าเองก็วางใจได้แล้วล่ะ”
ผู้ดูแลตกใจจนผงะ “ท่านหมายความว่าอย่างไรกันขอรับ?”
“ความหมายของข้าก็คือ ข้าเตรียมที่จะถอนการลงทุนแล้วน่ะสิ” ลู่ม่านตอบ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน
เป็นพอ.ที่กลับกรอก เป็นที่พึ่งไม่ได้เลย ยอกจะออกจากครอบครัวเลวๆนี่ไม่จริงอีก ภาระของนางเอก ถ่วงแข้งถ่วงขาจริงๆ...
เด็กไม่ตายเพราะแม่คลอดยากจะตายเพราะคนรับใช้ป้อนโจ๊กข้าวจนอิ่มตื้อ รอดได้คือดวงแข็งเว่อ...
อ่านไป งงไป ตัดสินประหาร หรืออภัยโทษ?...
หม่อมข้า? ใช้ MS Word ไม่ระวังเลย...
ตั้งแต่ต้นจนถึงตอน 337 แล้ว โดยภาพรวมพระเอกไม่ค่อยมีเสน่ห์ ไม่เฉียบแหลมเลย...
อะไรจะมีปมขนาดนั้น วุ่นวายตอกย้ำเหลือเกินเกี่ยวกับระบบศักดินา ทั้งที่มันเป็นคนละยุคสมัยกัน...
ตอน285-287 หายทำไงดี...
ตอนหายค่ะ 284แล้วกระโดดไป288เลยค่ะ...
บท 285-287 หายค่ะ 284แล้ว288เลย รบกวนด้วยค่ะ...
281-311 รบกวนด้วยค่ะ...