หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้ นิยาย บท 114

เมื่อออกมาจากห้องน้ำ ใจฉันก็เย็นลงมากแล้ว ฉันบอกกับตัวเองว่าจะไม่ให้ลู่จือสิงดึงความสนใจไปได้อีก

มองจากที่ไกลๆ ก็พบว่าลู่จือสิงผลักรถเข็นของเป้ยเปยไปยืนตรงนั้นแล้ว เขาก้มศีรษะลงไปหยอกเป้ยเปยเล่น รอยยิ้มบนใบหน้าไม่สัมพันธ์กับใบหน้าข่มขู่ก่อนหน้านี้เลยแม้แต่ครึ่งส่วน

“ใจเย็นลงแล้วหรือครับ?”

พอฉันเดินไป ลู่จือสิงก็มองมาที่ฉัน

ฉันกัดฟัน นึกถึงคำเตือนของตัวเองที่ได้พูดเอาในห้องน้ำ จากนั้นก็เบนสายตาไปทำเป็นไม่ได้ยิน

โชคดี ไม่รู้ว่าเป็นเพราะลู่จือสิงมีจิตเมตตาหรือไม่ แต่ในที่สุดเขาก็ไม่บีบบังคับฉันอีก

ระหว่างนั้นเป้ยเปยร้องไห้ขึ้นมา ฉันจับๆ ดูตรงผ้าอ้อมก็พบว่าเป้ยเปยฉี่แล้ว จึงจับเป้ยเปยเปลี่ยนผ้าอ้อม

“ผมช่วยคุณถือนะครับ”

ฉันกำลังคุกเข่าลงไป คิดจะถือกระเป๋าสะพายหลัง ลู่จือสิงก็ยื่นมือมาหยิบกระเป๋าสะพายหลังไป

กระเป๋าสะพายหลังหนักอยู่ทีเดียว ฉันสะพายจนเมื่อยแล้ว อีกอย่างฉันก็ไม่สะดวกถือ เพราะตอนนี้กำลังคุกเข่าช่วยเป้ยเปยเปลี่ยนผ้าอ้อมอยู่ด้วย

คิดได้อย่างนี้ ฉันก็เลยไม่ใส่ใจ

เขาอยากถือก็ถือไปแล้วกัน

ฉันเปลี่ยนผ้าอ้อมให้เป้ยเปยเสร็จแล้วก็หมุนตัวจะเอาไปทิ้งในห้องน้ำ ผลคือ พอฉันหมุนตัวไปก็เห็นลู่จือสิงกำลังมองฉันด้วยสีหน้าซับซ้อนอยู่

“ซูยุ่น”

เขาเรียกฉัน ฉันจึงมองเขา จากนั้นก็เม้มริมฝีปากทำทีไม่สนใจเขา: “ฉันจะเอาเจ้านี่ไปทิ้งในห้องน้ำค่ะ”

“ลำบากคุณแล้ว”

คำพูดของเขาที่ดังมาจากด้านหลังฉัน จู่ๆ ก็ทำให้ฉันอยากร้องไห้ขึ้นมา

ถึงในตอนแรกฉันจะเป็นคนคลอดเป้ยเปยออกมาด้วยตัวคนเดียว ฉันก็ไม่เคยร้องไห้ แต่ตอนนี้ฉันกลับอยากจะร้องไห้

เขามีคุณสมบัติอะไรถึงพูดประโยคนี้ออกมา?

เขาคิดว่าตัวเองเป็นใครหรือ?

หลังจากนั้นลู่จือสิงก็ไม่ทำให้ฉันลำบากใจอีก เมื่อรอได้หนึ่งชั่วโมงกว่าก็ถึงคิวของ

เป้ยเปยแล้ว

พอฉีดยาปุ๊บเป้ยเปยก็ร้องไห้ ร้องทียาวเกือบชั่วโมง ฉันชินเสียแล้ว

ผลก็คือว่า พอลู่จือสิงเห็นเป้ยเปยร้องไห้ตลอดเวลา ก็นิ่งไปซักพักจากนั้นจึงยื่นมือออกมา: “คุณส่งเป้ยเปยมาให้ผมมา”

ฉันมองเขาด้วยสีหน้าหวาดระแวง: “คุณอุ้มเป็นหรือเปล่าคะ?”

ไม่ใช่ว่าฉันดูถูกลู่จือสิงนะ เรื่องอื่นฉันไม่สงสัยว่าเขาจะทำได้หรือไม่ แต่เรื่องการอุ้มเด็กนี่ซิ ฉันกลัวว่าอีกซักพักเป้ยเปยจะร้องไห้หนักกว่าเดิม

ผลคือ คิ้วของเขากระดิกหน่อยๆ ราวกับไม่สนใจในคำพูดของฉันแม้แต่น้อย: “คุณไม่ให้ผมอุ้ม แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าผมอุ้มไม่เป็นครับ?”

เรื่องสำบัดสำนวนเล่นลิ้นแต่ไหนแต่ไรมาฉันก็สู้เขาไม่ได้อยู่แล้ว สุดท้ายฉันก็จนใจส่งเป้ยเปยให้เขา ฉันกลัวเขาอุ้มไม่เป็นจึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากพูด: “คุณต้องจับเป้ยเปยอย่างนี้นะคะ ไม่อย่างนั้น——”

ฉันไม่คิดเลยจริงๆ ว่าผู้ชายร่างใหญ่อย่างลู่จือสิงจะอุ้มเด็กเป็นจริงๆ ด้วย

“ซูยุ่น สายตาอะไรของคุณเนี่ย?”

ฉันใจลอยไปจนลู่จือสิงต้องเรียกฉันกลับมา

พอรู้ตัวว่าใจลอยไปแล้ว ฉันก็รีบถอนหายตากลับมา จากนั้นก็มองลู่จือสิงด้วยสายตายิ้มเยาะ: “เป้ยเปยร้องไห้ใหญ่แล้ว คุณกอดให้แน่นขึ้นอีกซิค่ะ”

“ผม——”

เขายังจะพูดอะไรอีก ฉันก้มศีรษะไปดึงๆ จับๆ เสื้อผ้าบนตัวเป้ยเปย ไม่ให้โอกาสเขาได้พูด

สีหน้าของลู่จือสิงเย็นชาขึ้นมาในพริบตา: “ซูยุ่น คุณอย่าได้ยั่วโมโหผมนะครับ คุณน่าจะรู้ดีว่าการยั่วให้ผมโมโหไม่เกิดผลดีอะไรกับคุณเลย”

ฉันคิดจะเปิดปากพูดตอกกลับไป แต่พอมาคิดถึงเรื่องในสมัยก่อน ฉันจึงปิดปากเอาไว้อย่างเชื่อฟัง

ลู่จือสิงพูดถูก ยั่วโมโหเขาไม่เกิดผลดีกับตัวฉันเลย

เกิดเขาคิดบ้าๆ เอาเป้ยเปยไป ฉันจะทำอะไรได้?

ฉันเม้มริมฝีปากไม่พูดอะไรอีก ประตูลิฟต์เปิดออกแล้ว ฉันจึงรีบเดินเข้าไป เขาก็เดินตามเข้าไปเช่นกัน จากนั้นเขาก็หันข้างไปกดปุ่มชั้นที่เป็นบ้านของฉันอย่างหน้าด้านๆ

ฉันมองแว๊บหนึ่งจากนั้นก็เบนสายตาออกไป ไม่พูดไม่จา

ในลิฟต์มีเพียงฉันกับเขา ส่วนเป้ยเปยหลับไปตั้งแต่อยู่ในรถ จนตอนนี้ก็ยังหลับอยู่

ฉันก้มลงไปมองเป้ยเปย พยายามบังคับตัวเองไม่ให้ไปสนใจลู่จือสิงที่อยู่ข้างๆ

“ติ้ง” ประตูลิฟต์เปิดออก ฉันรีบเดินออกไป

แต่ลู่จือสิงก็เดินตามหลังฉันมาติดๆ ก่อนจะถึงประตูบ้านฉันจึงหันไปแย่งกระเป๋าสะพายหลังออกมาจากมือเขา: “ฉันถึงบ้านแล้ว ไม่รบกวนคุณแล้วค่ะ”

พูดเสร็จฉันก็หยิบกุญแจขึ้นมาเปิดประตู เดินเข้าไปแล้วก็หันไปปิดประตู ผลคือ ลู่จือจิงพยายามเบียดตัวเองเข้ามาให้ได้

ฉันถูกเขาบีบบังคับจนจะบ้าตายอยู่แล้ว แต่เห็นเป้ยเปยหลับอยู่จึงไม่กล้าเสียงดัง ได้แต่ข่มอารมณ์โมโหของตัวเองเข้าไว้: “ลู่จือสิง คุณอย่าให้มันมากเกินไปนะคะ!”

เขาก้มลงมามองฉันด้วยสีหน้ายิ้มเยาะ: “ผมมากเกินไปตรงไหนครับ ตอนนี้เป็นเวลาอาหารกลางวันแล้ว ผมอยู่เป็นเพื่อนคุณตลอดทั้งเช้า แล้วจะอยู่ทานอาหารกลางวันที่บ้านคุณไม่ได้หรือครับ?”

ฉันหัวเราะเยาะ: “ก็ไม่อะไรหรอกค่ะ แค่ฉันไม่ต้อนรับคุณเข้าบ้านมาทานอาหารกลางวันก็เท่านั้น!” พูดจบฉันก็ก้มศีรษะไปหยิบแบงค์ร้อยหยวนออกจากในกระเป๋าแล้วยัดใส่มือเขา: “จะทานข้าวใช่มั้ยคะ หนึ่งร้อยหยวน คุณหาทานนอกบ้านเอาเองแล้วกันค่ะ อยากทานอะไรก็แล้วแต่คุณ ไปดีไม่ส่งนะคะ ประธานลู่!”

เขาหนีบแบงค์ร้อยขึ้นมาด้วยสีหน้าหยิ่งยโส: “ซูยุ่น คุณทำเหมือนกับว่าผมไม่ได้พูดใช่มั้ย?”

เขาก้มศีรษะลงมามองฉันด้วยดวงตาสีดำที่ดูราวกับดวงตาของสัตว์ป่ายามออกล่าเหยื่อในความมืด

ฉันถูกเขามองจนตื่นตระหนก ตัวสั่นไปหมดทั้งตัว: “ลู่จือสิง คุณจะบีบบังคับฉันไปถึงไหนกันคะ!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้