เซี่ยเชียนฮวันเองก็ไม่รู้ว่าตลอดทางนั้นนางผ่านมาได้อย่างไร
นางนั่งโอนเอนไปมาบนหลังม้า หากไม่ทันระวังก็จะถูกเข้ากับแผลที่หลัง ทำให้นางเจ็บปวดยิ่งนัก
ส่วนเซียวเย่หลันชายผู้นี้หาได้ถนอมนาง เอาแต่ขี่ม้าของตนไป ต่อให้นางร้องขอชะลอความเร็ว เขาก็คิดว่านางเพียงออดอ้อน
เซี่ยเชียนฮวันรู้สึกว่าตนคงซวยมา 8 ภพ 8 ชาติ จึงได้มาเจอกับเซียวเย่หลันที่ดื้อรั้นเยือกเย็นคนนี้
กว่าจะกลับถึงจวนอ๋องได้ไม่ใช่ง่ายเลย
นางรู้สึกถึงความเหนื่อยล้าอ่อนเพลียถึงที่สุด ยังไม่ทันได้มองป้ายหน้าจวนอ๋อง ศีรษะของนางก็โอนเอนหมดสติไป
เซียวเย่หลันก้มหน้าลงมองไปยังหญิงสาวที่พิงอยู่ในอ้อมกอดของเขาแล้วขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย
“ตื่นได้แล้ว”
เขายื่นมือออกไปอยากจะผลักนาง แต่คิดไม่ถึงว่าเมื่อเขาสัมผัสไปที่หลัง มือของเขาก็ชุ่มไปด้วยเลือด
หรือว่า......แผลที่หลังนางฉีก?
เซียวเย่หลันชะงักลงเล็กน้อยแล้วพึมพำว่า “ก็แค่ถูกโบยไว้เดียว เหตุใดบาดเจ็บได้ถึงเพียงนี้”
ปกติแล้วเขาไม่ค่อยได้ใกล้ชิดกับสตรี จึงไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วสตรีช่างอ่อนแอบอบบาง
ด้วยความที่ไม่รู้จะทำเช่นไร เซียวเย่หลันจึงจำต้องอุ้มเซี่ยเชียนฮวันลงมาจากหลังม้าแล้วก้าวเข้าไปในจวน
ฉากนี้ทำให้คนในจวนอ๋องที่พบเห็นอ้าปากค้าง
“ข้าไม่ได้มองผิดไปใช่หรือไม่ สตรีที่ท่านอ๋องอุ้มเข้ามานั้นคือพระชายาอ๋อง??”
“จริงเสียด้วย! ข้ารับใช้อยู่ที่จวนอ๋องมาห้าหกปีแล้ว ไม่เคยเห็นท่านอ๋องใกล้ชิดกับสตรีเช่นนี้มาก่อน พรุ่งนี้ตะวันจะขึ้นจากทิศตะวันตกหรือไม่”
นั่นสิ ต่อให้เป็นแม่นางซู ท่านอ๋องก็ไม่เคยอุ้มนางต่อหน้าผู้อื่นมาก่อน”
ทุกคนต่างมองไปด้วยความประหลาดใจ พบว่าเซียวเย่หลันอุ้มเซี่ยเชียนฮวันเข้าไปด้านในหอหลันเซียง
เสี่ยวตงรีบวิ่งเข้ามาด้วยความตกใจ “ท่านอ๋องเพคะ เหนียงเหนียงเป็นอะไรไป?”
เสี่ยวตงเข้ามารับใช้เซี่ยเชียนฮวันให้ล้างหน้าล้างตา จากนั้นยิ้มแล้วกล่าวว่า “เมื่อคืนท่านอ๋องอุ้มท่านกลับมาด้วยตนเอง ทำเอาเสียทุกคนตกอกตกใจหมด โดยเฉพาะพวกคนจากเรือนจิ่นซิ่ว ท่านไม่เห็นหรอกว่าพวกเขาสีหน้าไม่น่ามองยิ่งกว่ามูลเสียอีก! เหนียงเหนียง นี่นับว่ามีความโชคดีในโชคร้ายหรือไม่?”
เซี่ยเชียนฮวันหัวเราะออกมาอย่างขมขื่น “ช่างเถิด โชคดีที่เฉินกงกงเดินทางมาได้ทันเวลา ไม่เช่นนั้นข้าคงไม่อาจรักษาชีวิตตนไว้ได้ ความโชคเช่นนี้ใครเล่าจะรับไหว”
“พระชายาจะกล่าวเช่นนี้ก็ไม่ได้นะเพคะ”
เสี่ยวตงก้มลงไปเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าไม่มีใคร นางจึงกระซิบว่า “ได้ยินมาว่านายแห่งเรือนจิ่นซิ่วเห็นท่านอ๋องอุ้มท่านเข้าจวนด้วยตนเอง ก็โมโหเสียจนโรคหัวใจกำเริบเป็นลมล้มพับ บัดนี้ยังนอนอยู่บนเตียงเลยเพคะ”
“ซูอวี้เออร์โรคหัวใจกำเริบ?”
เซี่ยเชียนฮวันครุ่นคิด
เหอะ ๆ นางตั้งใจจะไปคิดบัญชีด้วยอยู่แล้วเชียว แม่นางดอกบัวขาวนั่นกลับเริ่มการแสดงขึ้นมาเสียก่อน
“เสี่ยวตง เราไปกันเถอะ ไปเดินเล่นที่เรือนจิ่นซิ่วสักสองรอบ”
เซี่ยเชียนฮวันเอื้อมมือไปหยิบปิ่นทองมีพู่ระย้าอันหนึ่งขึ้นมาจากโต๊ะเครื่องแป้งแล้วเผยอยิ้มขึ้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หลังหย่า ราชาสงครามอ้อนขอข้าคืนดี
มาอัพเพิ่มไวๆๆนะคะ...
มาอัพต่อเร็วๆนะคะ...
นางออกควายไงคะ ไม่รู้อะไรซักอย่างตั้งท้อง อยู่ไปวันๆ...
นางเอกหน้าโง่ วันๆไม่ทำเห้ ไร รักษาแต่คน ไม่เคยคิดจะสู้กลับ ไร้น้ำยา...
ทำไมหายอีกแล้ว มาอัพต่อค่ะ...
ดีใจกลับมาอัพต่อแล้ว ขอบคุณแอดมินค่ะ...
รออ่านอย่าใจจดจ่อ อัพต่อพลีสสส...
กลับมาต่อ รออ่านอยู่ค่ะ...
ตามคะ ขอบคุณค่ะ...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอค่ะ กำลังสนุกเลย...