หนูน้อยจอมอิทธิฤทธิ์ นิยาย บท 482

“ต้นฉบับของคัมภีร์วัชรปรัชญาปารมิตาเดิมทีมีห้าพันคำ นางได้ฟังเพียงรอบเดียว คาดไม่ถึงว่าขอแค่นางได้ฟังเพียงหนึ่งรอบเท่านั้น!!” มีนักเรียนคนหนึ่งร้องไห้ออกมาอย่างขมขื่นใจและฉีกหนังสือในอ้อมแขนของตัวเองออกเป็นชิ้น ๆ

“ห้าพันคำ แค่ฟังแค่หนึ่งรอบงั้นหรือ!!”

“ตัวข้าเรียนอย่างมุ่งมานะตั้งสิบปี ยังเทียบกับเด็กสองขวบไม่ติด พรสวรรค์ของนางเพียงพอที่จะเอาชนะทุกคนในที่นี้ได้”

“ขยันไปจะมีความหมายอะไร?! จะมีประโยชน์อะไรงั้นหรือ?” นักเรียนผู้นั้นร้องไห้และหัวเราะจนสติแตกไปเลย

“พวกเราทุกคนเรียนสี่ตำราห้าคัมภีร์ ยังต้องใช้เวลาท่องหลายปี? อีกทั้งยังท่องไม่ได้ทั้งหมด แต่นาง? ขอเพียงแค่ฟังเพียงรอบเดียวก็จำได้ขึ้นใจแล้ว สวรรค์ไม่ยุติธรรม สวรรค์ช่างไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย” หัวใจแตกสลายยับเยินแล้ว

นักเรียนคนนั้นถึงกับบ่อน้ำตาแตกและวิ่งร้องไห้ออกจากสำนักกั๋วจื่อเจี้ยนไปทั้งอย่างนั้น

“เขามีพรสวรรค์ธรรมดา ๆ ทั่วไป อีกทั้งตระกูลก็มาจากสามัญชนคนธรรมดา แต่เพราะเป็นคนขยันขันแข็งจึงไต่เต้าขึ้นมาอยู่ในชั้นเรียนระดับจย่าได้ แต่ด้วยคุณสมบัติที่มีจำกัดจึงเป็นเรื่องยากมากที่จะตามคนอื่นได้”

“การสอบเมื่อเดือนที่แล้วก็ตกจากชั้นเรียนจย่ามาอยู่ชั้นเรียนรองลงมา เดิมทีสภาพจิตใจก็อยู่ในภาวะใกล้สิ้นหวังเต็มทนแล้ว“ ลู่เยี่ยนซูเอ่ยอธิบายให้เจาเจาฟัง

ลู่เจาเจาเอียงหัวไปซบไหล่ของพี่ชาย “พี่ใหญ่ เหมือนว่าข้าจะทำให้พวกศิษย์พี่โกรธจนต้องร้องไห้เสียแล้ว...”

คิดไว้ไม่มีผิด ศิษย์พี่ทั้งหลายที่อยู่ในที่แห่งนี้ต่างก็ตาแดงก่ำกันเป็นแถบ

“ข้าเรียนหนังสือตั้งแต่อายุสามขวบ ตะเกียบยังถือได้ไม่มั่นคงดีก็เริ่มจับพู่กันแล้ว คิดเสมอว่าตัวเองสามารถอาศัยความขยันหมั่นเพียรที่มีมาลดช่องว่างกับคนที่มีพรสวรรค์ได้ สุดท้ายแล้วก็เป็นข้าที่คิดมากเกินไป”

ทุกคนถึงกลับวิญญาณหลุดออกจากร่าง ลู่เจาเจาเพียงคนเดียวก็สามารถทำลายล้างทุกคนได้

หัวหน้าราชบัณฑิตหยวนเลิกคิ้วขึ้น “ที่ข้ารับเจาเจาเป็นศิษย์ในสำนักโดยไม่บอกให้พวกเจ้ารู้ ไม่ใช่ทำไปเพื่อจะปกป้องนางแต่ก็เพื่อปกป้องความภาคภูมิใจอันน้อยนิดที่น่าสงสารของพวกเจ้าต่างหากล่ะ”

เหล่านักเรียนพากันก้มหน้าลง สีหน้าทุกคนเลื่อนลอยราวกับว่าความเย่อหยิ่งของพวกเขาได้ถูกลู่เจาเจาบดขยี้จนเละไม่มีเหลือ

“เหนือคนยังมีคนที่เหนือกว่า เหนือฟ้ายังมีฟ้า จำไว้ว่าอย่าได้ดูถูกคู่ต่อสู้ของเจ้าเป็นอันขาด! ต่อให้อีกฝ่ายดูบริสุทธิ์ไม่มีพิษมีภัยก็ตาม ไม่แน่ว่าอาจทำลายพวกเจ้าให้แตกเป็นเสี่ยง ๆ ได้” หัวหน้าราชบัณฑิตหยวนเอ่ยเสียงค่อนข้างหนักแน่น

“แพ้ให้กับเจาเจา ก็แค่ขายขี้หน้าเพียงเท่านั้น”

“แต่การเดินออกจากสำนักกั๋วจื่อเจี้ยนไปเพราะแพ้ให้กับคู่ต่อสู้ของเจ้า นั่นคือหายนะในหายนะ” หัวหน้าราชบัณฑิตหยวนพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังอย่างมาก

“ความหมายก็คือ ไก่กับหมาดมกลิ่นกันไปมา ใช่หรือไม่!” ลู่เจาเจาทำสีหน้าตื่นเต้น

ฝีเท้าของลู่เยี่ยนซูที่ก้าวเดินถึงกับชะงักไปเล็กน้อย

“ช่างเถอะ เจ้าควรตั้งใจเรียนต่อไปอย่าทำให้พรสวรรค์ของตัวเองต้องเสียเปล่าเลยนะ” สุดท้ายก็เพราะว่าอายุยังน้อยจึงเข้าใจเพียงความหมายตามอักษรเท่านั้น

ลู่เจาเจาเสียใจอย่างมาก

รถม้ายังไม่ทันถึงประตูบ้านก็มีเด็กรับใช้เข้ามาหยุดกะทันหัน

“เร็วเข้า ๆ ๆขอรับ ไปที่ตระกูลสวี่ก่อนเถอะ นายหญิงใหญ่ตระกูลสวี่ป่วยหนักกะทันหัน ไม่แน่ว่าอาจจะไม่ไหวแล้ว”

“เร็วเข้า รีบตามข้ากลับไปที่ตระกูลสวี่ ท่านยายป่วยหนัก อยู่ ๆ ก็ลุกจากเตียงไม่ได้” สวี่ซื่อร่างกายอ่อนปวกเปียกยังดีมีเติงจือช่วยประคองนางเดินออกมา

ตอนนี้สวี่ซื่อดวงตาแดงก่ำและน้ำเสียงของนางก็สั่นเทา นางเดินพลางกับผูกเสื้อคลุมไปพลาง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หนูน้อยจอมอิทธิฤทธิ์