“ช้าก่อน ข้าขออีกสักชามสิ!” เซี่ยอวี้โจวไม่ชอบกินกุยหลิงเกา แต่มีบรรพชนตระกูลซูอยู่ในหม้อ ใครบ้างจะไม่ชอบมัน
มีใครบ้างที่ไม่อยากลองอะไรใหม่ๆ
ทุกคนต่างกินจนอิ่มและกินอาหารมื้อเย็นกันไม่ลง
เมื่อถึงเวลากลางดึก ลู่เจาเจาและทุกคนจึงพากันเข้านอน
ในขณะที่โหลวจิ่นถังสวมชุดคลุม คว้ากิ่งไม้และโบยบินไปใต้แสงจันทร์ ไม่มีใครสังเกตเห็นว่ามีแสงประกายจางๆ บนปลายกิ่งไม้นั้น
โบยบินไปพร้อมกับสายลมจนใบไม้สั่นสะเทือน
“ถังเอ๋อร์” เสียงโกรธเกรี้ยวของผู้อาวุโสดังขึ้นนอกลานบ้าน
โหลวจิ่นถังเก็บกิ่งไม้กลับมา นางมองกิ่งไม้นั้นอย่างเงียบๆ ตนเองฝึกซ้อมจนลืมเลือนและคิดไปว่าสิ่งที่อยู่ในมือคือกระบี่วิเศษ
ทั้งๆ ที่เป็นเพียงกิ่งไม้หนากิ่งหนึ่งเท่านั้น
เพลานี้ทั้งสาวรับใช้และทาสต่างเข้านอนกันหมด โหลวจิ่นถังจึงเปิดประตูเข้าไปในลานบ้านด้วยตนเอง
“ท่านปู่ ท่านยังไม่พักผ่อนอีกหรือ” โหลวจิ่นถังขมวดคิ้วถามดวงตาเป็นประกาย
“เจ้ากำลังฝึกซ้อมกระบี่?” แม่ทัพโหลวถามขึ้น
เด็กหญิงตัวเล็กจึงหัวเราะคิกคัก “เจาเจาสอนวิชากระบี่ให้กับจิ่งถัง จิ่นถังแค่ฝึกซ้อมเพื่อความสนุกสนาน มันก็น่าสนใจทีเดียว...”
“องค์หญิงเจาหยางอายุเพียงสามขวบครึ่ง นางจะรู้จักวิชากระบี่ได้อย่างไร เจ้าอย่าฝึกฝนสุ่มสี่สุ่มห้าเช่นนี้เลย”
“อันที่จริงจะมีการแข่งขันในตระกูลโหลวอีกสามวันข้างหน้า เจ้าอยากสมัครด้วยหรือไม่” แม่ทัพโหลวมองนางด้วยรอยยิ้ม
“ถังเอ๋อร์เข้าร่วมได้หรือเจ้าคะ ถังเอ๋อร์ไม่เคยเรียนวิชากระบี่ด้วยซ้ำ!” ดวงตาของโหลวจิ่นถังสว่างขึ้นราวกับดวงดาวพร่างพราวที่สุดในท้องฟ้า
บุตรของตระกูลโหลวนั้นฝึกฝนวรยุทธ์ตั้งแต่อายุ 7 ปี ปีนี้นางอายุ 7 ปีพอดีจึงไม่ได้เรียนวิชากระบี่อย่างเป็นทางการ
ตระกูลโหลวเคารพวิชาวรยุทธ์มาโดยตลอด ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมตระกูลโหลวจึงได้รับชัยชนะอยู่เสมอ
เพราะมีการจัดแข่งขันเล็กๆ ทุกเดือน และการแข่งขันใหญ่ทุกๆ สามสิบปี
หลังจากการแข่งขันใหญ่สามสิบปี ผู้ชนะจะถูกเลือกให้เป็นหัวหน้าตระกูลคนใหม่ โดยไม่สนใจว่าจะเป็นบุตรของภรรยาเอกหรืออนุก็ตาม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หนูน้อยจอมอิทธิฤทธิ์
บท 613 ไม่ลงแล้วหรือค่ะ...
ไม่ลงต่อแล้วเหรอคะ...
อ่านบทที่ 613 กันที่ไหนคะ...
รอค่ะ แต่ช้าจัง สนุก รอค่ะ...
รอตอนต่อไปค่าา...
สนุกมากค่ะ รอตอนต่อไปอยู่ค่ะ...
อ้าว ลงไม่จบอีกแล้ว...
สนุกมากค่ะ...
โอ๊ยสนุกค่ะ อัพเยอะๆเลยนะคะเรื่องนี้...
ขอบคุณสนุกมากค่ะ...