“ร่างกายคุณเป็นอย่างไรบ้าง” ธีภพก้มหน้ามองเธอ แล้วกล่าวถาม
“ดีขึ้นมากแล้วค่ะ” สาริศาถอยหลังสองสามก้าว กลิ่นบุหรี่ถึงได้จางลง
ธีภพสังเกตเห็นถึงการเคลื่อนไหวของเธอ จึงยิ้มเศร้า “ทำไม คุณยังเกลียดกลิ่นบุหรี่อยู่เหรอ”
เมื่อกล่าวจบ ไม่รอให้สาริศาได้ตอบกลับ เขาก็กล่าวเสริมขึ้นอีกหนึ่งประโยค “แต่ธนพัตก็ดูดนิ ดูเหมือนว่าคุณจะไม่เกลียดนะ”
สาริศาไม่อยากจะคุยเรื่องของธนพัตกับธีภพอีก เธอดูออกว่าธีภพนั้นเมาแล้ว เถียงต่อไปก็ไม่มีประโยชน์ ดังนั้นจึงไม่ทำการตอบกลับ แล้วก็เดินอ้อมธีภพเข้าห้องน้ำผู้หญิงไป
ครั้งนี้ ธีภพไม่ได้ตามเข้ามา ก่อนที่สาริศาจะเข้าห้องน้ำไป เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมองแวบหนึ่ง เห็นเขากำลังพิงอยู่ที่กำแพงอย่างหมดสภาพ แล้วก็จุดบุหรี่เพิ่มอีกหนึ่งมวน จากนั้นดูดอย่างเมามัน
หัวใจของสาริศาเหมือนถูกทิ่มแทงเบา ๆ หนึ่งที
เมื่อเห็นธีภพเป็นแบบนี้ เป็นไปไม่ได้ที่หัวใจของเธอจะไม่รู้สึกรู้สา แต่เธอก็รู้ดีว่า เธอในวันนี้ไม่มีสิทธิ์ที่จะไปถามอะไรที่เกี่ยวกับเขาอีกต่อไป
เธอเดินไปที่อ่างล้างหน้าอย่างเหม่อลอย ขณะกำลังคิดอยากจะใช้น้ำเย็นล้างหน้า คิดไม่ถึงว่าเวลานี้ ห้องที่อยู่ด้านหลังเธอจะถูกคนเปิดออกเสียงดังปัง
สาริศาขมวดคิ้ว เงยหน้าขึ้น แล้วมองในกระจก ก็เห็นไรยายืนอยู่ด้านหลัง กำลังมองเธอด้วยสีหน้าที่ดำทะมึน
ในใจเธอจึงแอบรู้สึกถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ค่อยดี
แค่มาเข้าห้องน้ำทำไมต้องมาเจอกับคนมากมายเช่นนี้
เธอก็ไม่อยากจะพูดอะไร จึงรีบล้างมือแล้วก็เตรียมตัวที่จะออกจากห้องน้ำไป
แต่ไรยากลับคว้าข้อมือของเธอไว้แล้วตะคอกใส่เธอ:“สาริศา เธอหยุดก่อนเลยนะ!”
สาริศาขมวดคิ้ว
ไรยาคนนี้เป็นบ้าอะไรอีก
“เธอจะทำอะไร” เธอมองไรยาด้วยสายตาเย็นชา
“ควรจะเป็นฉันถามเธอต่างหากว่าทำคิดจะทำอะไร!” เห็นได้ชัดว่าไรยาก็มีอาการมึนเมา ยังหันมาตะโกนใส่สาริศา “เธอคุยอะไรกับธีภพที่ด้านนอก! เธอต้องการเข้าหาเขาอีกแล้วไหม!”
สาริศาขมวดคิ้ว
เห็นทีไรยาที่อยู่ในห้องน้ำเมื่อสักครู่ คงจะเห็นและได้ยินในสิ่งที่เธอคุยกับธีภพตรงด้านนอกแล้ว
ถึงแม้เธอจะรู้ว่า ไรยาคือคู่หมั้นของธีภพ แต่ท่าทางของธีภพที่ไม่ชัดเจนเช่นนี้ ไม่ค่อยยุติธรรมกับไรยาสักเท่าไหร่นัก
แต่เธอไม่สามารถที่จะเห็นอกเห็นใจไรยาได้ ดังนั้นจึงสะบัดมือของเธอทิ้งย่างเย็นชา ใบหน้าไร้ความรู้สึก :“ไรยา เธอไม่มีปัญญาดูแลผู้ชายของตัวเอง แล้วจะมาโทษฉันอย่างนั้นเหรอ”
หลังจากที่พูดประโยคนี้เสร็จ เธอก็ไม่อยากที่จะเห็นหน้าไรยาอีก และก็ไม่อยากเข้าห้องน้ำด้วย จึงได้เดินตรงออกไป
ไรยาถูกสาริศาสะบัดมือออก เธอที่สวมรองเท้าส้นสูง จึงได้เซไปสองสามก้าว และมือก็ไปพยุง
ค้ำอยู่ที่อ่างล้างหน้า มองดูแผ่นหลังของสาริศา ในแววตาแทบจะพ่นเปลวเพลิงแห่งความริษยาออกมา!
สาริศา!
สาริศาเธอถือดีอย่างไรมาเย่อหยิ่งอวดดี!
ฉันจะต้องทำลายเธอให้ได้!
จะต้องทำลายเธอ!
เมื่อคิดได้ดังนี้ จู่ ๆ เธอก็นึกบางอย่างขึ้นได้ จึงรีบล้วงเข้าไปในกระเป๋าหยิบขวดเล็ก ๆ ออกมา แววตาเย็นชาสุดขีด
ถึงอย่างไรยาก็ได้เตรียมไว้เยอะพอสมควร หรือจะแบ่งให้สาริศาสักหน่อย?
แม้ว่าจะเป็นผู้หญิงที่เสื่อมเสียเกียรติยศไปตั้งนานแล้ว แต่อย่างไรก็คือผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว ถ้าหากถูกคนย่ำยีอีกครั้ง ต่อให้ธนพัตกับธีภพจิตใจจะกว้างแค่ไหน เกรงว่าก็สุดที่จะทนรับได้
เมื่อคิดได้อย่างนี้ ริมฝีปากที่แดงระเรื่อของไรยาได้ยกขึ้นเป็นเส้นโค้ง ไม่เศร้าหรือทุกข์ใจอีกต่อไป และได้เงยหน้าขึ้น จากนั้นเดินออกจากห้องน้ำไปด้วยท่าทางกระหยิ่มยิ้มย่องราวกับนกยูงสยายปีก
อีกด้านหนึ่ง สาริศาเปลี่ยนไปเข้าห้องน้ำอีกฝั่งหนึ่ง เมื่อเข้าห้องน้ำเสร็จแล้ว ก็กลับไปยังห้องคาราโอเกะ
วันนี้หลายคนต่างเมามายจากการดื่มเหล้า จนวุ่นวายกันไปหมด
เมื่อนึกถึงน้ำผลไม้ที่ดื่มหมดไปเมื่อสักครู่นี้ ร่างกายของสาริศาก็สั่นสะท้านขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้
เธออยากจะรีบไปจากที่นี่ แต่กลับพบว่าขาของเธอนั้นอ่อนแรงจนแทบจะเดินไม่ไหว
เธอกลัวมาก จึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วโทรหาหมายเลขหนึ่งโดยไม่ต้องคิดไตร่ตรอง
เสียงดังตู๊ดสองสามครั้ง จากนั้นก็รับสายขึ้น
“ฮัลโหล”
เสียงทุ้มต่ำสุดเซ็กซี่ของธนพัตดังขึ้นจากโทรศัพท์ สาริศารีบพูดขึ้นทันทีประหนึ่งว่าเป็นการคว้าฟางเส้นสุดท้ายที่สามารถช่วยชีวิตได้:“ธนพัต ช่วยฉันด้วย!”
ท่ามกลางความไม่รู้ตัว สาริศาเองก็ไม่ได้ตระหนักว่า การพึ่งพาธนพัตของตัวเองนั้นมาถึงจุดนี้แล้ว
เมื่อประสบอันตราย คนแรกที่นึกถึงก็คือการโทรศัพท์ไปหาเขา จนลืมความเกรงใจ โดยหวังให้เขานั้นมาช่วยเหลือตัวเอง!
ด้านฝั่งธนพัต เดินทีอารมณ์ดีเมื่อเห็นสายโทรศัพท์ของสาริศา แต่คิดไม่ถึงว่าเมื่อรับสายโทรศัพท์แล้ว จะได้ยินคำพูดของสาริศาเช่นนี้
ฉับพลัน สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป ไม่ได้ถามว่าเกิดอะไรขึ้น เพียงถามอย่างรวดเร็วว่า :“คุณอยู่ที่ไหน”
“ร้านคาราโอเกะ บล็อก Q!”
ตอนที่สาริศาพูดประโยคนี้ออกมานั้น ร่างกายของเธออ่อนจนไม่มีแรง
ให้ตายเหอะ ยาแรงชะมัด
เธอรู้สึกแต่เพียงว่าร่างกายของตัวเองนั้นร้อนจนแทบจะระเบิด แม้แต่โทรศัพท์ก็แทบจะไม่มีแรงถือ จึงได้ร่วงหล่นลงไปสู่พื้น
การร่วงครั้งนี้ ทำให้โทรศัพท์ถูกตัดสายโดยอัตโนมัติทันที เธอพยายามจะนั่งยองลงไป แต่เมื่อนั่งยองลงไป ก็รู้สึกมึนศีรษะ ทำให้ลุกยืนขึ้นไม่ได้แล้ว
เธอจึงทุกข์ทรมานอยู่ที่เดิมเป็นเวลานาน จนรู้สึกดีขึ้น และเตรียมที่จะไปเก็บโทรศัพท์ แต่คิดไม่ถึงว่าเวลานี้ มีเท้าข้างหนึ่งที่สวมรองเท้าหนังฉูดฉาด เหยียบลงบนโทรศัพท์ของเธอ
ยังไม่ทันที่เธอจะได้ครุ่นคิด ก็ได้ยินเสียงเลี่ยน ๆ ดังอยู่เหนือศีรษะของเธอ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หวานเย็น กรุ่นใจ
สวย แต่ โง่ดักดาน แล้วไงคุณนางเอก...
ทำไมนางเอกต้องเป็นควายตลอด...