ยังคงเป็นใบหน้าในความทรงจำ แต่เมื่อเปรียบเทียบกับใบหน้าที่อ่อนเยาว์และละเอียดอ่อนในสมัยเรียน เหลี่ยมมุมนั้นชัดเจนกว่า และเพิมเติมคือความสุขุมในหว่างคิ้ว
เพียงแต่บนใบหน้านั้นไม่มีความอบอุ่นที่เธอคิดถึงอีก เหลือเพียงความเฉยเมย
และสายตาของเขาที่ไม่เคยคาดคิดว่าจะมองเธอที่อยู่ด้านข้าง เพียงแค่เดินเข้าไปในห้องทำงานของหัวหน้าบรรณาธิการที่รายล้อมไปด้วยผู้คน
ใบหน้าของสาริศาซีดลง
ธีภพเขากลับมาได้ยังไง แล้วทำไมถึงกลับมา...
ตอนนั้นเขาเดินจากไปอย่างเด็ดเดี่ยวจนไม่แม้แต่บอกลา แล้วทำไมเขาถึงกลับมาตอนนี้?
สองปีเต็ม ๆ เธอปล่อยวางได้ไม่มากก็น้อย แต่เธอไมคิดว่าเขาจะปรากฏตัว มันเหมือนกับกระแสน้ำที่โหมกระหน่ำที่จะกระแทกเธอทั้งหมดในคราวเดียว
เมื่อครู่ที่ผ่านไป เธอไม่มั่นใจว่าเขาจะเป็นเหมือนกับตนเองที่จำอีกฝ่ายได้ในทันที
เมื่อคิดถึงตรงนี้ จู่ ๆ สาริศาก็ยิ้มออกมาอย่างประชดประชัน
จำได้แล้วยังไง ไม่มีใครจำได้แล้วยังไง?
เขากับเธอ มันไม่สามารถย้อนกลับไปได้แล้ว...
ทั้งวันที่เหลือ สาริศาอยู่ไม่สุข เธอกลัวมากว่าธีภพจะจำตนเองได้
แต่ข้อเท็จจริงพิสูจน์ได้ว่าเธอดูมีจะคิดมากไปเอง
เมื่อธีภพเข้ารับตำแหน่ง เขาได้จัดการประชุมเกี่ยวกับตำแหน่งของบุคลากรของสำนักพิมพ์ในทันทีหลายครั้ง และทำการปรับเปลี่ยนบางอย่าง
ในการประชุม เขาจดจ่ออยู่กับการฟังสิ่งที่บรรณาธิการหลักแต่ละคนรายงาน และบางครั้งก็ให้คำแนะนำ ตั้งแต่ต้นจนจบ ดูเหมือนเขาจะไม่ได้สังเกตเห็นสาริศาที่ปลายโต๊ะประชุม
ดูแล้วเขาคงจะลืมเธอไปแล้ว
คิด ๆ ดูแล้วก็ใช่ ถ้าหากเธอมีค่าให้เขาจดจำ สองปีก่อนเขาคงไม่จากไปโดยไม่ร่ำลาและไม่มีข่าวคราวใด ๆ
ไม่ง่ายเลยกว่าจะลากไปจนถึงเวลาเลิกงาน สาริศาไม่อยากจะเสียเวลาอยู่ในออฟฟิศแม้แต่วินาทีเดียว เธอรีบหยิบกระเป๋าแล้วออกไปทันที
แต่คิดไม่ถึงว่า ตอนนั้นเองที่บรรณาธิการหลักเรียกเธอไว้
“เดี๋ยวก่อน สาริศา คุณช่วยเอารายงานฉบับนี้ไปให้ประทานธนพัตทีและรายงานคร่าว ๆ”
ร่างกายของสาริศาหยุดนิ่งและหันกลับมาอย่างลำบากใจ “บรรณาธิการคะ วันนี้ฉันมีธุระด่วน จะ...”
วันนี้บรรณาธิการลิลลี่อารมณ์ไม่ดีเพราะการpresentของตังเองนั้นในที่ประชุมไม่ดีเท่าหัวหน้าบรรณาธิการของอีกกลุ่มนึง เมื่อเธอได้ยินการปฏิเสธของสาริศาและใบหน้าของเธอก็บึ้งทันที “สาริศา แค่เธอได้ทำสัมภาษณ์ที่เป็นประเด็นร้อน ก็รู้สึกว่าตัวเองปีกกล้าขาแข็งงั้นเหรอ?”
ลิลลี่เป็นคนพูดตรงมาแต่ไหนแต่ไร สาริศาหน้าซีดและไม่กล้าจะพูดอะไรอีกได้แต่พูด: “บรรณาธิการอย่าพูดเล่นสิคะ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้เลยค่ะ”
เธอหยิบเอกสารไปที่ห้องทำงานของธีภพ สาริศาสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะยกมือขึ้นในที่สุด
ก๊อก ๆ ๆ
ถึงจะเป็นแค่การเคาะประตูแต่ก็ดูเหมือนจะเป็นการใช้พลังงานทั้งหมดที่เธอมีแล้ว
คิดอะไรอยู่ มีความรังเกียจอย่างเห็นได้ชัดในสายตาของเขา: “แต่มันก็ใช่ ผู้หญิงที่ยอมเอาตัวของตัวเองเข้าแลกเพื่อเงิน เกรงว่าผู้ชายใช้เงินแค่นิดเดียวก็คงหลอกได้แล้ว”
ใบหน้าของสาริศาซีดราวกับถูกฟ้าผ่า ริมฝีปากของเธอก็สั่น และเธอพยายามพูดออกมา “คุณ...คุณรู้เรื่องเมื่อสองปีก่อน?”
“อา” เมื่อเห็นสาริศาไม่ได้ปฏิเสธ ธีภพรู้สึกเจ็บปวดในใจโดยไม่มีเหตุผล
มือของเขาที่จับข้อมือของสาริศาแรงขึ้น และเสียงของเขาก็เย็นลง “ใช่ ผมรู้ ยิ่งกว่านั้นผมรู้ตั้งแต่เมื่อสองปีก่อนแล้ว สาริศา ผมควรจะต้องขอบคุณคุณนะ ก็เพราะรู้ได้รู้ว่าผู้หญิงที่ผมรักและเอ็นดูมาสามปี เป็นผู้หญิงสกปรก จนในที่สุดผมก็ตัดสินใจไปเรียนต่อที่อเมริกาได้”
รอยเลือดสุดท้ายบนใบหน้าของสาริศาจางลง
สองปีเต็ม ๆ...เธออดคิดไม่ได้เลย เมื่อสองปีก่อนช่วงเวลาที่เธออ่อนแอที่สุดและต้องการธีภพ ทำไมเขาถึงได้ไปเรียนต่อต่างประเทศกะทันหัน
และในตอนนี้ ในที่สุดเธอก็ได้รู้แล้ว
คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเพราะเรื่องนั้น
แต่เธอก็คิดว่ามันแปลกมาก สองปีก่อน เห็นชัด ๆ ว่าธีภพเดินทางไปก่อนที่เรื่องนั้นจะดังขึ้น หรือจะบอกว่า เขารู้เรื่องก่อนที่เรื่องจะดัง?
แต่มันจะเป็นไปได้ยังไง...
แต่ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่เวลาที่จะไล่ตามสิ่งเหล่านี้ ใบหน้าของสาริศาซีดจาง แต่เธอก็ยังดิ้นรน “ธีภพเรื่องเมื่อสองปีก่อนเป็นเรื่องเข้าใจผิด ที่จริงฉัน——”
คำพูดของสาริศาทำให้ธีภพโกรธเคือง และน้ำเสียงของเขาก็เพิ่มขึ้นทันใด บีบกรามของเธอ!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หวานเย็น กรุ่นใจ
สวย แต่ โง่ดักดาน แล้วไงคุณนางเอก...
ทำไมนางเอกต้องเป็นควายตลอด...