ชัชวาลพิงอยู่ที่รถแลนด์โรเวอร์ของเขา เงยหน้าขึ้นมาพูดกับสาริศาว่า “ขึ้นรถสิ ผมไปส่งคุณ”
เธอไม่ควรจะใกล้ชิดกับศัตรูของธนพัตมากนัก แต่ไม่รู้ทำไม สาริศากลับไม่ได้รู้สึกเกลียดชังชัชวาลเลย ทั้งยังมีความรู้สึกสนิทสนมบางอย่างที่ยากจะพูดออกมาได้ ดังนั้นเธอจึงตกลง
ในใจก็มีความสงสัยใคร่รู้เกี่ยวกับชัชวาลอยู่มาก เธออยากรู้เรื่องบางอย่าง บางทีชัชวาลอาจจะตอบเธอได้
คิดมาถึงตรงนี้ เธอพยักหน้า ชัชวาลเปิดประตูรถอย่างรวดเร็ว ให้สาริศาเข้าไปนั่งในรถอย่างเป็นสุภาพบุรุษ
หลังจากนั่งลงแล้ว ชัชวาลก็สตาร์ทเครื่องยนต์อย่างรวดเร็ว
ระหว่างทาง ชัชวาลพูดว่า “สาริศา คิดไม่ถึงเลยว่า คุณจะเป็นลูกสาวของน้ากันยา”
สาริศาพยักหน้า พูดว่า “ใช่ค่ะ ฉันก็นึกไม่ถึงว่าแม่ฉันจะรู้จักคุณ”
“ดูท่า พวกเราจะมีวาสนาต่อกันมากนะครับ”
ชัชวาลเหลือบมองสาริศาอย่างลึกซึ้ง เขาพบว่า ใบหน้าด้านข้างของสาริศาสวยกว่าหน้าตรงมาก
ชัชวาลหันหน้าไปมองถนนข้างหน้า ไฟแดง รถหยุดลง
จู่ๆชัชวาลก็ถามว่า “ตอนเด็กๆ น้ากันยาดีกับผมมาก รักผมมาก น่าเสียดาย……ไม่มีวาสนาต่อกัน คิดไม่ถึงว่า วันนี้จะได้พบกับเธออีกครั้ง”
“ฉันได้ยินแม่เล่าให้ฟังแล้วค่ะ ยังเล่าเรื่องในวัยเด็กของคุณหลายเรื่อง”
“ซนมากเลยใช่มั้ยครับ”
สาริศาตอบว่า “เปล่าค่ะ แม่ฉันมีแต่ชื่นชมคุณว่าคุณรู้กาลเทศะ ฉลาด แม่ชอบคุณมากเลย แล้วก็……คุณเพชรด้วย”
สาริศาคิดว่าชัชวาลจะพูดถึงเรื่องของพชิราในอดีต แต่เขากลับไม่พูด
ชัชวาลดูเหมือนจะยิ่งสนใจในตัวสาริศา ถามว่า “ตอนที่น้ากันยาเป็นแม่บ้านที่บ้านพวกเรา ตอนนั้นคุณอยู่ที่ไหนเหรอครับ ทำไมผมไม่เคยเจอคุณเลยสักครั้ง”
“อยู่ที่คฤหาสน์ตระกูลธราภักดิ์ค่ะ” สาริศาอธิบายว่า “แม่บอกว่าคนที่บ้านนี้ไม่ชอบให้คนนอกเข้ามาอยู่ในบ้าน ก็เลยไม่รู้จะทำยังไง จึงต้องเอาฉันไปไว้ที่คฤหาสน์ตระกูลธราภักดิ์”
“ขอโทษครับ”
“ขอโทษทำไมคะ”
ชัชวาลพูดกับเธอ“ถ้าไม่ใช่พวกเรา บางทีคุณก็อาจจะไม่ต้องไปอยู่ที่คฤหาสน์ตระกูลธราภักดิ์ ผมพอจะรู้เรื่องของตระกูลนั้นอยู่บ้าง คิดว่าพวกเขาคงไม่ได้กับคุณมากนักหรอกนะ”
“ตอนนั้นคุณก็ยังเด็กอยู่ไม่ใช่เหรอคะ ช่างเถอะค่ะ มันผ่านไปแล้ว” สาริศาเริ่มปล่อยวางกับเรื่องในอดีตแล้ว “ในเมื่อสิ่งที่แม่เลี้ยงฉันได้ทำเอาไว้ ธนพัตได้ให้บทเรียนกับพวกเขาไปแล้ว ดังนั้น ฉันไม่ได้โกรธแค้นพวกเขาแล้ว”
ไม่เอ่ยถึงธนพัตก็ดีอยู่แล้ว พอเอ่ยถึงธนพัตขึ้นมา อารมณ์ของชัชวาลก็เดือดขึ้นมาทันที
ชัชวาลพูดอย่างแข็งกระด้างว่า “ธนพัตทำเพื่อคุณหรือเพื่ออย่างอื่น ข้อนี้ใครจะไปรู้ คุณอย่าไร้เดียงสาขนาดนั้น คิดว่าเขาเป็นคนสมบูรณ์แบบ เขามันเสแสร้งหลอกลวง!”
สาริศาไม่ชอบให้ใครมาพูดว่าร้ายธนพัตต่อหน้าเธอ ประโยคเดียวก็ไม่ได้
สาริศาขมวดคิ้ว “คุณชัชวาล พอเอ่ยถึงธนพัตคุณอย่าใจร้อนขนาดนี้ ได้มั้ยคะ คุณรู้เรื่องทั้งหมดในตอนนั้นจริงๆเหรอคะ มันอาจจะ ไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิด”
“คุณคอยปกป้องธนพัตทุกครั้ง คุณช่างโง่จริงๆ” ชัชวาลพูดอย่างไม่ไว้หน้า “ผมไม่เคยเห็นผู้หญิงที่ไหนสมองกลวงเหมือนคุณมาก่อนเลย โง่ โง่มากเลย!”
สาริศาคิดว่าถ้าคุยกันต่อไป ก็มีแต่จะเจ็บกันทั้งสองฝ่าย ไม่มีอะไรดีขึ้น
เธอจึงได้แต่พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “คุณชัชวาลคะ ให้ฉันลงรถเถอะค่ะ ฉันอยากจะเดินกลับเอง”
ชัชวาลได้กลิ่นไม่ค่อยดีภายในรถ สาริศาคงเข้าใจตัวเองผิดแน่ ความจริง เขาไม่ได้จะเล่นงานเธอ
ชัชวาลพูดว่า “คุณอย่าเข้าใจผิด ผมไม่ได้เกลียดคุณ คนที่ผมเกลียด มีแค่ธนพัต”
“เรื่องนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการที่บริษัทถูกควบรวมและซื้อกิจการ” พี่จ๊าจ๋าพูดว่า “แต่ว่า พชิราก็หายสาบสูญถูกจับตัวไปเรียกค่าไถ่ในช่วงเวลาที่สำคัญนี้พอดี เธอคิดว่า ตระกูลนิธิธราสกุลไม่ใช่ผีซ้ำด้ำพลอย แล้วะเป็นอะไรได้อีก!”
ที่แท้เบื้องหลังคดีลักพาตัวในตอนนั้น ก็ยังมีปัจจัยเหล่านี้ที่มีผลกระทบด้วย สาริศาคิด
พี่จ๊าจ๋าพูดว่า “เพราะตอนนั้นพชิรากับธนพัต……”
เธอลังเลอยู่ชั่วครู่ ไม่รู้ว่าควรจะเล่าเรื่องคดีลักพาตัวตอนนั้นหรือไม่จึงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ
สาริศาพูดว่า “พี่จ๊าจ๋า ไม่เป็นไรค่ะ พี่พูดเถอะ คดีลักพาตัวฉันเคยได้ยินธนพัตเล่าให้ฟัง”
พี่จ๊าจ๋าจึงวางใจลง พดต่อไปว่า “โชคดีที่ตอนนั้นตระกูลกีรติเมธานนท์ยื่นมือเข้าช่วย แม้ว่าพชิราจะเสียชีวิตจากเพลิงไหม้ครั้งนั้น แต่SK Groupของตระกูลนิธิธราสกุลกลับได้รับการช่วยเหลืออย่างมากจากตระกูลกีรติเมธานนท์ เพราะคดีลักพาตัวครั้งนี้ จึงผ่านวิกฤตินี้มาได้ ไม่เช่นนั้นตระกูลนิธิธราสกุลในตอนนี้ก็คงต้องเงียบเหงาแล้วจริงๆ”
ใช่สิ ตระกูลนิธิธราสกุลตอนนี้ไม่ได้เป็นที่สนใจจากโลกภายนอกแล้ว ทุกคนคิดว่าเป็นดอกไม้ที่ร่วงโรยไม่มีค่าที่จะชื่นชมแล้ว
แต่ว่า สาริศามีลางสังหรณ์ว่า ขอแค่ชัชวาลบริหารจัดการได้ดีพอ วันที่ตระกูลนิธิธราสกุลจะกลับมาเฟื่องฟูอีกครั้งก็อยู่ใกล้แค่เอื้อม
สาริศาพูดว่า “ตอนนั้น ต้องเป็นท่านประเสริฐที่ช่วยเอาไว้แน่เลยใช่มั้ยคะ”
เธอคิดว่าตอนนั้นคุณปู่ต้องเป็นบุคคลผู้มีอิทธิพลในแวดวงธุรกิจท่านหนึ่งแน่นอน
แต่ว่า พี่จ๊าจ๋ากลับส่ายหน้า ปฏิเสธความคิดของสาริศา
พี่จ๊าจ๋า “เธอเดาผิดแล้ว สาริศา ไม่ใช่ท่านประเสริฐที่เป็นคนยื่นมือช่วย ตอนนั้นธนพัตถูกจับตัวไปเรียกค่าไถ่ ท่านประเสริฐก็ร้อนใจจนล้มป่วย จะไปมีเรี่ยวแรงอะไรไปช่วย”
“อย่างนั้น……”
พี่จ๊าจ๋าพูดว่า “คือบุรินทร์ พี่ชายของธนพัต”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หวานเย็น กรุ่นใจ
สวย แต่ โง่ดักดาน แล้วไงคุณนางเอก...
ทำไมนางเอกต้องเป็นควายตลอด...