สาริศาลองกดเข้าไปมั่วๆดู พบว่าในนั้นมีแต่คนที่วิพากษ์วิจารณ์ธนพัตอย่างสนุกปาก
【พระเจ้า ธนพัตไม่ได้พิการ แล้วยังจะมีทางเลือกอะไรอีกล่ะ ต้องสมบูรณ์แบบขนาดนี้เลยเหรอ ประธานธนพัตครองใจฉันตลอดไป!】
【สงสารคุณสาริศาจัง คุณธนพัตของฉันช่างทรงพลังจริงๆ อยากแต่งงานกับเขาจังเลยยยย……ชาติหน้าฉันยังจะมีโอกาสมั้ย】
ถึงขั้นมีผู้ชายมาแสดงความคิดเห็นด้วย——
【พี่ธนพัต อย่าทำแบบนี้ได้มั้ย ให้พวกเราได้มีทางลืมตาอ้าปากกันบ้างนะครับ】
เห็นการแสดงความคิดเห็นของทุกคน สาริศาก็ดีใจมาก แม้เมื่อก่อนข่าวลือพวกนั้นจะเป็นเรื่องไร้สาระ แต่พอเห็นการคาดเดา การวิพากษ์วิจารณ์ที่ไร้เหตุผลอย่างนั้นของทุกคน เกรงว่าคงจะไม่มีใครยินดี
ตอนนี้ทุกคนรู้ความจริงแล้ว อารมณ์ของสาริศาก็เปลี่ยนเป็นสบายใจขึ้นมา
“ใช่แล้ว พี่ริศา วันนี้คุณธนพัตไม่ได้จะจัดงานแถลงข่าวเหรอคะ ได้ยินว่าถ่ายทอดสดด้วย น่าจะใกล้เริ่มแล้วนะคะ”
สาริศามองดูเวลา ยังมีเวลาอีกครึ่งชั่วโมงก็จะถึงเวลาแถลงข่าว “อืม ใกล้แล้ว อีกครึ่งชั่วโมงก็จะเริ่มแล้ว”
“งั้นก็ดีเลย พวกเราอยู่ดูพร้อมกับพี่ที่นี่เลยแล้วกัน” เมย์พูดจบก็หยิบรีโมทขึ้นมา เปิดโทรทัศน์ในห้องผู้ป่วย เปลี่ยนเป็นช่องถ่ายทอดสด
“ว้าย รีบมาดูเร็ว เริ่มแล้ว” เมย์ร้องเรียกเสียงดังอย่างตื่นเต้น
“สามีคนอื่นเขา เธอจะตื่นเต้นขนาดนั้นทำไม” เมื่อทุกคนเห็นท่าทางของเมย์ ก็อดที่จะรู้สึกขำไม่ได้
“ฉันไม่ได้โชคดีแบบพี่ริศา หาผู้ชายแบบคุณธนพัตไม่ได้ ขอดูให้สบายตาสบายใจหน่อยไม่ได้เหรอ” เมย์โต้เถียงอย่างไม่ยอมแพ้
สาริศาได้ยินที่เมย์พูด ก็ได้แต่ขำพลางส่ายหน้า
หลังจากที่ทุกคนพูดคุยกันอย่างสนุกสนานแล้ว ก็เริ่มตั้งใจดูการแถลงข่าว
ในภาพ ธนพัตวันนี้สวมชุดสูทสีเทา ในที่สุดเขา“ลุกขึ้นยืน”ต่อหน้าทุกคน เขาสวมสูทสีเทาและกางเกงขายาว ซึ่งทำให้สื่อหลายคนตกตะลึง ยังทำให้ผู้คนที่อยู่หน้าทีวีตะลึง
“หล่อจังเลย พี่ริศา พี่โชคดีมากเลย!” เมย์พูดกับสาริศาด้วยท่าทีเล่นหูเล่นตา
“ใช่ ริศา จะว่าไป ปกติเวลาอยู่บ้านหล่อขนาดนี้มั้ย”
ได้ยินทุกคนแกล้งหยอกล้อ สาริศาก็หน้าแดงไปถึงใบหู เธอไม่เคยเห็นท่าทางธนพัตที่ไม่ได้นั่งรถเข็นต่อหน้าผู้คนมาก่อน ก็หล่อมาก……จริงๆ
ภายใต้แสงไฟจากสปอตไลท์ ธนพัตนั่งลงภายใต้การคุ้มครองของบอดี้การ์ด ข้างหน้าเขามีไมโครโฟนแบบตั้งโต๊ะวางอยู่ “สวัสดีทุกท่าน ที่เชิญทุกท่านมางานแถลงข่าวในวันนี้ ความจริงก็คือผมต้องการอธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับผมและภรรยาเมื่อเร็วๆนี้ ให้ทุกท่านได้รับฟัง ประการแรก ทุกคนสงสัยในประสบการณ์ชีวิตของผมมาโดยตลอด ความจริงแล้ว ผมเองก็ไม่อยากที่จะปิดบังทุกคน แต่ผมรู้สึกว่า การที่คนผู้หนึ่งประสบความสำเร็จไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับสถานะทางบ้าน ดังนั้นที่ผ่านมาจึงไม่ได้บอกทุกคน แต่ คิดไม่ถึงว่าจะนำไปสู่การคาดเดาจากผู้ไม่หวังดี ตอนนี้ ผมบอกกับทุกคนได้ว่า ผมเป็นคนตระกูลกีรติเมธานนท์จริง จัดเป็นทายาทลำดับที่สอง”
“เช่นนั้นคุณธนพัตครับ ขอสอบถามหน่อยในเมื่อคุณเป็นคุณชายรองของตระกูลกีรติเมธานนท์ ทำไมต้องแกล้งทำเป็นพิการมาหลายปีอย่างนั้นด้วยครับ” นักข่าวที่ด้านล่างเวทีถามอย่างแปลกใจ
“ใช่แล้ว คุณธนพัต สะดวกตามสาเหตุหน่อยได้มั้ยคะ ทุกคนต่างก็อยากรู้ค่ะ”
“ขอถามคุณธนพัตหน่อยครับ การที่คุณแกล้งทำเป็นพิการมีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ไฟไหม้เมื่อสิบปีก่อนมั้ยครับ”
นักข่าวที่อยู่ด้านล่างเวทีเอาแต่ถามเรื่องที่ธนพัตปกปิดเรื่องที่ตนเองไม่ได้พิการ ใช้เท้าคิดแทนยังรู้เลย ว่าเบื้องหลังต้องมีข่าวใหญ่แน่นอน
【แม่เจ้า ตอนนี้ยังมีผู้ชายแบบนี้อีกมั้ย ร้อยปีไม่เคยพบเคยเจอเลยมั้ง】
【ได้โปรดเหลือทางให้คนโสดอย่างพวกเราบ้าง!】
……
ตอนที่ธนพัตกลับมา ก็เป็นเวลาค่ำแล้ว สาริศากินอาหารเย็นที่โรงพยาบาลเสร็จ ก็เตรียมจะนอน
ธนพัตไม่ได้ไปนอนหมอบอยู่ข้างเตียงเป็นเพื่อนเธอ แต่ขึ้นไปนอนเบียดกับสาริศาบนเตียงเดียวกันนอนกอดกัน
สาริศานึกถึงคำพูดที่ธนพัตพูดในงานแถลงข่าววันนี้อย่างชัดเจน ถามอย่างติดตลกว่า “วันนี้คุณบุรินทร์น่าจะโกรธคุณมากนะคะ นี่ทุกคนคงจะสงสัยว่าเขาทำร้ายคุณ เพราะต้องการเป็นมายามผู้รับมรดก วันนี้ฉันได้ยินเพื่อนร่วมงานที่สำนักพิมพ์บอกวว่า หุ้นของบริษัทเขาร่วงหนักมาก”
“แน่นอน” ธนพัตพูดด้วยเสียงอ่อนโยน วินาทีถัดมาดวงตาก็ฉายความดุร้ายอีก “แต่ก็สมน้ำหน้าเขา”
ฟังน้ำเสียงที่โกรธแค้นของธนพัตอย่างเห็นได้ชัด สาริศาไม่เข้าใจ จึงอดไม่ได้ที่จะถามว่า “คุณเกลียดคุณบุรินทร์จริงๆเหรอคะ”
ไม่ว่าอย่างไร บุรินทร์ก็เป็นพี่ชายของเขา
“แน่นอน ไม่ใช่แค่เรื่องที่เขาทำกับคุณ เรื่องที่ทำกับผมเมื่อสิบปีก่อน ผมก็ให้อภัยเขาไม่ได้”
“หมายความว่าอะไรคะ!” ได้ยินคำพูดของธนพัต สาริศาก็ซักถามอย่างตื่นตกใจ
หรือว่าเหตุเพลิงไหม้ใหญ่เมื่อสิบปีก่อนนั้นจะเกี่ยวข้องกับบุรินทร์จริงๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หวานเย็น กรุ่นใจ
สวย แต่ โง่ดักดาน แล้วไงคุณนางเอก...
ทำไมนางเอกต้องเป็นควายตลอด...