ทันทีที่เธอมาถึงมาถึงหน้าประตู สาริศาก็ได้ยินเสียงหัวเราะของกันยาดังออกมาจากประตู
ดูเหมือนว่าแม่ของเธอจะมีความสุขมาก สาริศาอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ เธอไม่ได้ยินแม่ของเธอหัวเราะอย่างมีความสุขแบบนี้มานานมากแล้ว ไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไรดีๆ เกิดขึ้นกันแน่
พอกดกริ่งที่ประตู กันยาก็เดินออกมาเปิดประตูให้สาริศาด้วยรอยยิ้ม
“แม่คะ มีเรื่องอะไรถึงทำให้แม่มีความสุขมากขนาดนี้” สาริศาเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม
“ริศาเองเหรอลูก” พอเห็นสาริศา สีหน้าของกันยาก็มีอาการผิดปกติ รอยยิ้มของเธอก็หุบลง “เข้ามาเร็วเข้าลูก”
หลังจากนั้น กันยาก็หลีกทางให้สาริศาเข้าไปในบ้าน
“ทำไมคะ!? แม่ไม่ต้อนรับหนูเหรอ” สาริศาไม่เข้าใจอาการเปลี่ยนแปลงของกันยาและถามติดตลก
“เด็กคนนี้นี่ พูดอะไรกัน?” กันยามองหน้าสาริศาด้วยความไม่พอใจ
“ฮ่าฮ่า” สาริศาหัวเราะและโอบไหล่ของกันยาไว้ และเดินเข้าไปในบ้าน แต่พอเห็นคนที่นั่งอยู่บนโซฟา สาริศาก็ตกตะลึงไป
ทำไมพชิราถึงมาอยู่ที่นี่ได้?
“หนูเพชร ริศาหนูน่าจะรู้จักใช่ไหมจ๊ะ” กันยาดึงสาริศามาแนะนำ จากนั้นก็หันไปมองสาริศาแล้วพูดว่า “ริศา นี่คือหนูเพชร น้องสาวของคุณชัชวาล ลูกน่าจะเคยเจอกันแล้ว”
สาริศายิ้มแหย ไม่รู้ว่าในสถานการณ์แบบนี้ จะทักทายพชิรายังไงดี
พชิราเดินไปข้างหน้าและกอดแขนของสาริศาไว้ “หนูกับริศารู้จักกันมาแล้วค่ะ คุณน้ากันยา ไม่ต้องแนะนำพวกเราแล้ว”
“จริงเหรอจ๊ะ รู้จักกันก็ดีแล้ว” กันยาดูดีใจมากที่เห็นว่าพชิรกับสาริศาสนิทสนมกันมาก “วันนี้พวกหนูสองคนกินข้าวที่นี่นะจ๊ะ เดี๋ยวน้าจะไปทำอาหารให้”
“ดีเลยค่ะ คุณน้ากันยา ตอนหนูยังเด็ก หนูชอบอาหารที่คุณน้าทำมากที่สุดเลย หนูไม่ได้กินมาหลายปีแล้ว คิดถึงจริงๆ ค่ะ”
“ชอบก็ดีแล้ว ถ้าหนูเพชรอยากกินอะไร บอกน้า เดี๋ยวน้าจะทำอาหารให้หนูกินเอง” กันยายิ้มกว้างจนไม่สามารถปิดได้ พอได้ยินคำพูดของพชิรา
“หนูอยากกิน ซี่โครงหมูผัดเปรี้ยวหวาน แกงส้ม...” พชิราบอกรายชื่ออาหารออกมา กันยาเขียนทีละรายการ ก่อนจะเดินเข้าไปในครัวด้วยรอยยิ้ม
พอเห็นว่าแม่ของเธอถามพชิราว่าเธอชอบกินอะไร แต่ไม่ได้ถามตนเอง สาริศาก็รู้สึกเศร้าใจมาก แต่พอคิดว่าพชิราเป็นแขก จำเป็นที่แม่ของตนเองต้องดูแลเธอมากกว่า
พอเห็นกันยาเดินจากไป พชิราก็ปล่อยแขนสาริศา แล้วนั่งดื่มชาบนโซฟา และไม่ได้คุยกับ สาริศาอีก
สาริศาเองก็อึดอัดใจ ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร ทั้งสองคนนิ่งเงียบอยู่พักหนึ่ง
หลังจากนั่งอยู่สักพัก พชิราก็ลุกขึ้นและเดินเข้าไปในครัว “น้ากันยาคะ ให้หนูช่วยนะคะ”
“ได้สิจ๊ะ มา ใส่ผ้ากันเปื้อนก่อน จะได้ไม่ทำให้เสื้อผ้าสกปรก” เสียงหัวเราะของกันยาดัง, ออกมาจากในครัว
สาริศานั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น ฟังเสียงหัวเราะที่ดังมาจากห้องครัว น้ำตาก็คลออยู่ในดวงตาของเธอแล้ว เธอรู้สึกเหมือนเป็นแขกของที่นี่เอง
หลังจากเวลาผ่านไปสักพักใหญ่ ในที่สุดอาหารก็ทำเสร็จเรียบร้อย หลังจากที่ทั้งสามนั่งลงเรียบร้อย กันยาก็บอกให้พวกเธอเริ่มทานอาหารกันได้
“หนูเพชร ลองชิมซี่โครงหมูเปรี้ยวหวานดูสิจ๊ะ น้าจำได้ว่าตอนเด็กๆ หนูชอบเมนูนี้ที่สุด” สาริศาคีบซี่โครงหมูเปรี้ยวหวานลงในชามของพชิรา
ถ้าเธอปฏิเสธอีกครั้ง จะทำให้เธอดูเหมือนคนเอาแต่ใจ ดังนั้นสาริศาจึงได้แต่เข้าไปนั่งในรถของพชิรา
“สุขภาพของคุณเป็นยังไงบ้าง?” พอคิดว่าพชิราเพิ่งออกจากโรงพยาบาล สาริศาจึงเอ่ยถามเธอเกี่ยวกับสภาพร่างกายของเธอ
“ไม่เป็นไรแล้ว มันเป็นอาการป่วยที่มีมานานแล้ว” พชิราตอบอย่างเฉยเมย “ริศา คุณไม่โกรธเหรอ”
“โกรธอะไรคะ!?” สาริศาไม่เข้าใจคำถามที่พชิราถามออกมากะทันหัน
พชิรามองไปสาริศา แล้วพูด “เรื่องที่ธนพัตอุ้มฉันไปโรงพยาบาล”
สาริศาไม่รู้จะตอบยังไงดี เธอจะบอกว่าโกรธได้ไหม
“คุณเป็นลม ธนพัตอุ้มคุณไปโรงพยาบาลก็สมควรแล้วค่ะ”
“อืม ถ้าคุณคิดได้แบบนี้ก็ดีแล้วค่ะ” พชิรายกยิ้ม “ธนพัตเป็นสามีของคุณ มันคงไม่ดีถ้าคุณจะเข้าใจเราผิดไป”
“คุณไม่รู้หรอก ตอนที่อยู่ในลิฟต์ ธนพัตเห็นฉันอาการกำเริบแล้วกังวลมากแค่ไหน สีหน้าของเขาซีดเผือดด้วยความตกใจมาก อาจเป็นเพราะเขากลัวว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับฉัน ดังนั้นพอประตูลิฟต์เปิดออก เขาก็รีบพาฉันไปโรงพยาบาลทันที ไม่ได้คำนึงถึงความรู้สึกของคุณ อย่าโกรธเขาเลยนะคะ”
พชิรายกยิ้มและเหลือบมองไปที่สาริศา “ถึงแม้ธนพัตจะยังคงห่วงใยฉันเหมือนเมื่อก่อน แต่ตอนนี้พวกเราเป็นแค่เพื่อนกัน คุณไม่ต้องห่วง ฉันจะไม่แย่งธนพัตกับคุณแน่นอนคุณ”
ดูไปแล้วเหมือนพชิรากำลังอธิบายเรื่องเมื่อวานนี้ แต่มีเหรอที่สาริศาจะฟังไม่ออกถึงความหมายที่แฝงอยู่ในคำพูดของเธอ
ถึงแม้เธอจะบอกว่าเธอจะไม่แย่งธนพัตกับตนเอง แต่สาริศากลับรู้ว่าความหมายที่แฝงอยู่ของเธอคือ ธนพัต เป็นของของเธอ และตอนนี้เขายังคงชอบเธออยู่ ดังนั้นตนเองไม่มีคุณสมบัติที่จะแย่งเขากับเธอ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หวานเย็น กรุ่นใจ
สวย แต่ โง่ดักดาน แล้วไงคุณนางเอก...
ทำไมนางเอกต้องเป็นควายตลอด...