“อย่างนั้นเหรอ” พชิราพูดอย่างครุ่นคิด “ทำไมฉันไม่ได้ยินพี่ชายพูดถึงเรื่องนี้เลย”
“คงเป็นเพราะว่าเขาไม่มีเวลาบอกคุณ” สาริศาแต่งข้ออ้างออกมาแล้วพูดต่อ “ก่อนอื่นคุณช่วยอธิบายรูปร่างหน้าตาของพนักงานทำความสะอาดหรือลักษณะของเขาให้ฉันฟังได้ไหมคะ ฉันจะลองถามหัวหน้าบรรณาธิการดู ว่าสามารถลงประกาศตามหาคนในนิตยสารได้ไหม บางทีเราอาจจะหาเจอ”
หลังจากที่สาริศาพูดจบ เธอก็ยังคงจ้องไปที่พชิราโดยไม่ปล่อยอารมณ์ใดๆ บนใบหน้าของเธอคลาดสายตาไปได้ ถ้าพชิราไม่ได้โกหก เธอจะต้องจำหน้าตาพนักงานทำความสะอาดคนนั้นได้อย่างแน่นอน
เพราะถ้าเป็นย่างที่เธอพูด ในตอนนั้นเธอสูญเสียความทรงจำไป ดังนั้นคนแรกที่เธอเห็นหลังจากลืมตาตื่นแล้วยังเป็นผู้ช่วยชีวิตเธอ เธอจะต้องจำได้ขึ้นใจอย่างแน่นอน
“ฉันเองไม่รู้” ดวงตาของพชิราขยับไปมา น้ำเสียงของเธอก็สั่นเครือเล็กน้อย “ตอนที่ฉันตื่นขึ้นมา คนคนนั้นก็จากไปแล้ว เป็นพยาบาลที่บอกฉันว่าพนักงานทำความสะอาดที่ช่วยพาฉันมาส่งที่โรงพยาบาล”
“แต่ตอนที่อยู่ที่บ้านคุณ คุณบอกว่าตอนที่คุณลืมตาขึ้นมาคุณเห็นหน้าหนักงานทำความสะอาดไม่ใช่เหรอคะ ทำไมตอนนี้คุณถึงบอกว่าคุณไม่ได้เห็นหน้าเขา” สาริศาถามหลังจากพบช่องโหว่ในคำพูดของพชิรา
“จริงเหรอ? ฉันเคยพูดอย่างนั้นเหรอ?” สีหน้าของพชิรากลายเป็นตกใจเล็กน้อย “คุณคงได้ยินผิดแน่ๆ ฉันไม่ได้บอกว่าฉันเคยเห็นพนักงานทำความสะอาดคนนั้น”
“แล้วคุณรู้ได้อย่างไรว่าเขาช่วยแก้เชือกที่มัดคุณกับธนพัตไว้ ก่อนจะดึงคุณออกไปก่อน สุดท้ายเพราะไฟที่เผาไหม้รุนแรงเกินไปเขาไม่สามารถช่วยธนพัตออกมาได้ นี่เป็นคำพูดที่พนักงานทำความสะอาดบอกคุณไม่ใช่เหรอ? ” สาริศาแทบจะแน่ใจแล้วว่าคำบอกเล่าของพชิราเป็นเรื่องโกหก
“ฉัน... ฉัน...” พชิราถูกถามจนพูดไม่ออก เธออ้ำอึ้งพูดไม่ออก สุดท้าย สีหน้าของพชิราก็เย็นชาลง “สาริศา เธอกำลังพยายามจะพูดอะไร!”
“พชิรา คุณกำลังพูดโกหก” สาริศาพูดสรุปเสียงสูง “ในตอนนั้นไม่ใช่พนักงานทำความสะอาดที่ช่วยเธอไว้ บอกฉันมาว่าเกิดอะไรขึ้นในตอนนั้น คุณหนีออกมาได้ยังไง”
“ใช่ ฉันพูดโกหก” ในเมื่อสาริศารู้แล้ว พชิราก็ไม่จำเป็นต้องแสร้งทำอีกต่อไป “ฉันหนีออกไปเอง”
ถึงแม้เธอจะเดาได้แล้ว แต่พอได้ยินพชิรายอมรับออกมากับปาก สาริศาก็ยังไม่อยากเชื่อเลย “ในเมื่อคุณได้สติขึ้นมาก่อน ทำไมถึงไม่ปลุกธนพัต แต่กลับหนีออกไปคนเดียว! คุณอยากเห็นเขาถูกไฟคลอกตายหรือไง?”
“ฉันไม่จำเป็นต้องอธิบายเรื่องนี้ให้ดเธอฟัง” พอเห็นว่าผู้คนรอบๆ ถูกดึงดูดความสนใจด้วยเสียงที่เริ่มดังขึ้นของสาริศา พชิราลุกขึ้นยืนและคว้ากระเป๋าของเธอเตรียมจะเดินจากไป
“เดี๋ยวก่อน!” สาริศาคว้าพชิราไว้ “คุณยังไปไม่ได้ บอกมาให้ชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้นในตอนนั้น”
พชิราผลักสาริศาออกไป และพูดอย่างหมดความอดทน “เธอนี่น่ารำคาญจริงๆ เรื่องในตอนนั้นเกี่ยวข้องอะไรกับเธอตรงไหน ฉันขอเตือนเธอไว้เลยนะ ว่าอย่าเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องของฉัน ระวังจะหาเรื่องเดือดร้อนใส่ตัวเอง”
“หน้าฉัน! หน้าของฉัน!” ก่อนที่เธอจะได้สติกลับมา สาริศาก็ได้ยินเสียงตะโกนอย่างตื่นตกใจของพชิรา
พอเห็นพชิราปิดหน้าของเธอที่มีเลือดไหลออกมาด้วยมือข้างหนึ่ง ก่อนจะชี้ไปที่สาริศาด้วยมืออีกข้างหนึ่ง แล้วถามว่า “สาริศา ทำไมคุณถึงชั่วร้ายขนาดนี้ ทำไมคุณถึงตั้งใจทำให้ฉันเสียโฉมด้วย!”
พชิราน้ำตาไหลขณะที่กำลังพูดไปด้วย น้ำตาที่ปนไปด้วยคราบเลือดยังคงไหลลงมาจากใบหน้าที่เรียบเนียนของเธอ ทำให้ดูน่าสงสารมาก ผู้คนรอบข้างรีบเข้ามาประคองพชิราขึ้นมาจากพื้น และบางคนก็รีบโทรเรียกรถโรงพยาบาล
ตอนที่พชิราเดินเข้ามา ทุกคนต่างก็หลงใหลในรูปลักษณ์ที่งดงามและสูงศักดิ์ของเธอ ผู้หญิงที่สวยขนาดนี้ดึงดูดสายตาคนรอบข้างทุกที่ที่เธอไป
ตอนนี้พอเห็นสาวสวยคนนี้ล้มลงบนพื้น แล้วยังมีคราบกาแฟเต็มตัว ใบหน้าของเธอยังถูกกรีดจนเป็นแผล ความรู้สึกอยากจะเป็นสุภาพบุรุษปกป้องสาวงามก็ปรากฏขึ้นในหัวใจของทุกคนที่อยู่ที่นี่ ในสายตาของพวกเขา ตอนนี้สาริศาชั่วร้ายยิ่งกว่าราชินีแม่เลี้ยงที่ให้แอปเปิลอาบยาพิษกับสโนว์ไวท์ซะอีก
“เอ๊ะ ทำไมคุณถึงเป็นอย่างนี้ มีอะไรพูดกันดีๆ ก็ได้ ทำไมต้องลงไม่ลงมือกันด้วย” ชายคนหนึ่งถามสาริศา ทันทีที่สิ้นเสียง ก็มีอีกคนพูดขึ้นว่า “ใช่ ทำให้คนอื่นเสียโฉมมันเลวร้ายเกินไปแล้ว คุณอิจฉาที่อีกฝ่ายหน้าตาดีกว่าคุณก็ไม่สามารถทำแบบนี้ จิตใจผู้หญิงนี่ช่างโหดร้ายจริงๆ!”
“จะพูดแบบนี้ก็ไม่ถูกนะ! ไม่ใช่ผู้หญิงทุกคนที่จะจิตใจชั่วร้ายเหมือนผู้หญิงคนนี้” ผู้หญิงคนหนึ่งก้าวไปข้างหน้าและผลักสาริศาอย่างแรง สาริศาไม่ทันได้ตั้งตัว จึงเซถอยหลังไปสองสามก้าวแล้วล้มลงบนพื้น แต่ไม่มีใครก้าวไปข้างหน้าเพื่อช่วยประคองเธอ แต่กลับมองมาที่เธอด้วยท่าทางเหมือนสมควรแล้วที่เธอโดนแบบนี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หวานเย็น กรุ่นใจ
สวย แต่ โง่ดักดาน แล้วไงคุณนางเอก...
ทำไมนางเอกต้องเป็นควายตลอด...