หลังจากถึงบ้านแล้ว ธนพัตก็อุ้มสาริศาลงจากรถ อาจจะเพราะเหนื่อยเกินไปจริงๆ ระหว่างนั้นสาริศาไม่ได้ตื่นขึ้นมาเลย
อุ้มสาริศามาที่ห้องนอน ธนพัตวางเธอลงบนเตียงเบาๆ หลังจากห่มผ้าให้สาริศาแล้ว ธนพัตเองก็นอนลงข้างๆเธอ
แม้ว่าสาริศาจะนอนหลับลึกมาก แต่กลับนอนหลับไม่สนิท ไม่รู้ว่าฝันเห็นอะไร บางครั้งก็มีน้ำตาไหลออกมาจากหางตาที่ปิดอยู่
ธนพัตใช้หัวนิ้วโป้งปาดน้ำตาให้สาริศาเบาๆ เอาเธอเข้ามาในอ้อมกอดอย่างสงสาร
ช่วงที่ผ่านมานี้ สิ่งที่เขาเห็นบ่อยที่สุดก็คือน้ำตาของสาริศา ทั้งหมดนี้เป็นความผิดของเขา เขาทำไม่ดีเอง จึงทำให้ภรรยาของตัวเองต้องร้องไห้เสมอ
ก้มหน้าจูบศีรษะสาริศา ธนพัตตบหลังสาริศาเบาๆเป็นการปลอบประโลมเหมือนกับเด็กน้อยอย่างนั้น หวังว่าจะทำให้เธอได้หลับฝันดีขึ้นมาบ้าง
ตอนที่สาริศาตื่นขึ้นมาก็เห็นว่าภายในห้องนอนมืดมิด สับสนอยู่ชั่วขณะ นี่อยู่ที่บ้านของตัวเองใช่มั้ย ตอนนี้เป็นเวลาอะไรแล้ว
ยื่นมือออกไปเปิดไฟ แสงสว่างที่ส่องมาจากเหนือศีรษะทำให้สาริศาได้สติค่อยๆตื่นตัวขึ้น นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในโรงพยาบาลเมื่อตอนบ่าย น้ำตาสาริศาก็ไหลออกมาอีก
ตอนที่ธนพัตเดินเข้ามาก็เห็นว่าสาริศากำลังกอดผ้าห่มร้องไห้ เขาถอนหายใจเบาๆ เดินไปกอดสาริศาที่ข้างเตียง “เป็นเด็กดี อย่าร้องเลยนะ คุณร้องไห้แบบดีนี้ตาคุณแย่เลย”
พยายามกลั้นน้ำตาตัวเอง สาริศาเงยหน้าธนพัต
เห็นดวงตาสองข้างของสาริศาบวมจนเหมือนลูกพีชอย่างนั้น ใจธนพัตรู้สึกเหมือนถูกใครบีบรัดเอาไว้ “ไม่ได้กินอะไรมาทั้งวันแล้ว คุณลุกขึ้นไปล้างหน้าล้างตาก่อน พวกเราลงไปกินข้าวข้างล่างกันดีมั้ย”
“อืม” ส่งเสียงตอบรับเขา เสียงสาริศาแหบแห้งอย่างมาก
หลังจากล้างหน้าล้างตาแล้ว สาริศาพบว่าธนพัตลงมือทำโจ๊กให้เธอด้วยตัวเอง เธอรู้สึกประทับใจมาก ธนพัตที่อ่อนโยนแบบนี้ทำให้เธอรู้สึกเหมือนอยู่ในตอนก่อนที่พชิรายังไม่ปรากฏตัว
หลายวันต่อมาธนพัตไม่ได้ไปทำงาน อยู่ที่บ้านเป็นเพื่อนสาริศาตลอด นอกจากนี้ยังกระตือรือร้นที่จะติดต่อผู้เชี่ยวชาญที่เชื่อถือได้ในการวิจัยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวอีกด้วย
เห็นทุกอย่างที่ธนพัตทำให้เธอ สาริศาก็ไม่ได้สงสัยว่าธนพัตจะไม่รักตนเองแบบเมื่อก่อนนี้อีกแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคนก็อบอุ่นขึ้นมาไม่น้อย
วันนี้ ในที่สุดสาริศาก็ได้รับโทรศัพท์จากทางโรงพยาบาลแล้ว แจ้งว่าผลการตรวจครั้งก่อนออกแล้ว ให้เธอไปรับผลตรวจที่โรงพยาบาล
“ได้ค่ะได้ ฉันจะไปตอนนี้เลย รอสักครู่นะคะ” วางสายแล้ว สาริศาก็รีบไปที่โรงพยาบาลอย่างกระวนกระวาย เพราะวันนี้ที่TNP Groupมีเรื่องนิดหน่อยธนพัตจำเป็นต้องรีบไปจัดการ ดังนั้นสาริศาจึงนั่งรถไปที่โรงพยาบาลเอง
ระหว่างทางที่ไปโรงพยาบาล สาริศานั่งกระสับส่ายอยู่บนเบาะตลอดเวลา ในหัวคิดถึงปัญหายุ่งเหยิงต่างๆนานา ถ้าไขกระดูกตนเองเข้ากับกันยาไม่ได้จะทำยังไงดี ธนพัตจะช่วยตนเองตามหาคนที่มีไขกระดูกเข้ากับแม่ได้หรือเปล่า ถ้าหากหาไม่เจอ หรือว่าตนเองจะต้องมองดูกันยาจากตนเองไปจริงๆเหรอ
คิดมาถึงตรงนี้ หางตาสาริศาเปียกชุ่มอีกแล้ว กะพริบตาสองครั้ง สาริศากะพริบตาไล่น้ำตาที่คลอเบ้ากลับเข้าไป ในขณะเดียวกันก็บอกตัวเองในใจ เวลานี้ต้องเข้มแข็ง ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าผลตรวจเป็นอย่างไร ต้องไม่ใช่ตัวเองที่ตกใจเสียเอง
หลังจากมาถึงโรงพยาบาล สาริศาก็รีบไปหาคุณหมอที่ทำการตรวจให้เธอก่อนหน้านี้
พอได้เจอคุณหมอ สาริศาก็รีบถามอย่างตื่นเต้นว่า “เป็นยังไงคะคุณหมอ ฉันจะบริจาคไขกระดูกให้คุณแม่ได้หรือเปล่าคะ” สวรรค์ได้โปรดคุ้มครอง ไขกระดูกของเธอต้องเข้ากันได้กับของกันยาแน่นอน
“เชิญนั่งก่อนครับ” คุณหมอชี้ไปที่เก้าอี้ข้างๆ “ผมจะค่อยๆบอกคุณช้าๆ”
หมุนตัวหันมา สาริศามองไปยังคุณหมออย่างสงสัย “ไม่ทราบว่ายังมีเรื่องอะไรอีกเหรอคะ”
“ผมมีเรื่องอีกสองเรื่องจะบอกคุณ แต่ว่าคุณต้องเตรียมทำใจไว้ให้ดีก่อนนะครับ”
“เรื่องอะไรคะ หรือว่าสุขภาพร่างกายของแม่ยังมีเรื่องอื่นอีก” สาริศาถามอย่างร้อนใจ
“ไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับคุณแม่คุณ แต่เกี่ยวกับคุณ”
“ฉันเหรอคะ” สาริศาไม่ค่อยเข้าใจความหมายของคุณหมอนัก “ฉันทำไมเหรอคะ”
คุณหมอมองสาริศาอย่างลำบากใจเล็กน้อย พูดอย่างลังเลว่า “จากผลตรวจของพวกเรา ไขกระดูกของคุณกับแม่เข้ากันไม่ได้ DNAก็ไม่เหมือนกันด้วย คุณน่าจะไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆของคุณแม่ของคุณครับ”
“นี่มันเป็นไปได้ยังไงคะ” ปฏิกิริยาแรกของสาริศาคือไม่เชื่อ “คุณหมอคุณตรวจผิดหรือเปล่าคะ ฉันจะไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆของคุณแม่ได้ยังไงคะ”
“จากผลการตรวจแสดงให้เห็นแบบนี้ครับ ทางที่ดีที่สุดคุณกลับไปลองถามคุณแม่คุณดูดีกว่าครับ”
สาริศามองคุณหมอ ในดวงตาเต็มไปด้วยความเชื่อถือ เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด ตนเองเป็นลูกสาวของกันยา แต่ถ้าหากว่า ถ้าไม่ใช่ เช่นนั้นเธอเป็นใครกันแน่
“อีกเรื่องหนึ่งก็คือ คุณตั้งครรภ์แล้วครับ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หวานเย็น กรุ่นใจ
สวย แต่ โง่ดักดาน แล้วไงคุณนางเอก...
ทำไมนางเอกต้องเป็นควายตลอด...