เพียงแต่ว่าสีหน้าของเธอมีความลำบากใจเล็กน้อย เพราะที่นี่ก็เป็นบ้านของตระกูลนิธิธราสกุล ตัวเองเป็นเพียงแขก แต่กลับให้เจ้าของบ้านออกไป อย่างไรก็ดูเหมือนจะไม่ค่อยเหมาะสม
แต่โชคดีที่ชัชวาลนั้นไม่ถือสา “ได้ อย่างนั้นพวกคุณคุยกันตามสบาย ผมมีธุระต้องออกไปข้างนอกพอดี”
ถึงแม้ว่าเขาจะมีความอยากรู้มากว่าสาริศามาหาพชิราด้วยเรื่องอะไร แต่ในเมื่อสาริศานั้นได้เอ่ยปากมาแล้ว ตัวเองก็ไม่อาจจะอยู่ต่อไปได้
สาริศาเผยรอยยิ้มเชิงขอโทษต่อชัชวาล ชัชวาลเองก็ยิ้มตอบให้กับเธอ สื่อให้รู้ว่าไม่เป็นไร
เมื่อเห็นชัชวาลออกไปแล้ว พชิราก็ยิ่งไม่มีความกังวลใด ๆ มองสาริศาอย่างท้าทายยั่วยุ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกระหยิ่มใจ
“สาริศา ได้ยินมาว่าเธอท้องแล้ว?”
“เธอรู้เรื่องนี้ได้ไง” สาริศาประหลาดใจ เรื่องที่ตัวเองตั้งครรภ์ได้บอกเพียงธนพัตกับคุณปู่เท่านั้น แม้แต่กันยาก็ยังไม่ได้บอก พชิรานั้นรู้ได้อย่างไร
“ฉันเป็นห่วงเธอขนาดนี้ ก็ต้องใส่ใจเรื่องของเธอมากหน่อยเป็นธรรมดา” พชิราเยาะเย้ยและมองสาริศาแวบหนึ่ง “เธอคิดว่าจะเก็บความลับได้ดีอย่างนั้นเหรอ”
“เธอให้คนมาสะกดรอยตามฉัน!” เมื่อรู้ตัว สาริศาก็กล่าวกับพชิราด้วยความโกรธ
“ใช่แล้วยังไง” พริชายอมรับแต่โดยดี “สาริศา ถ้าจะโทษก็ต้องโทษที่เธอมันโง่ ที่เพิ่งมารู้เอาในตอนนี้”
“เธอ!” สาริศาโมโหจนพูดไม่ออก
“ไม่รู้จริง ๆ เลยว่าตอนนั้นทำไมธนพัตถึงได้ชอบเธอ” เมื่อเห็นสาริศาอยากจะตอบโต้กลับแต่กลับไม่มีคำพูดที่จะโต้กลับได้ จึงทำได้เพียงทำท่าโมโห น้ำเสียงพชิราเต็มไปด้วยการดูถูกเหยียดหยาม
จากนั้นก็นึกอะไรบางอย่างไร พชิราจึงยิ้มขึ้น “แต่ก็ไม่เป็นไร เชื่อว่าในไม่ช้าเขาก็ไม่ต้องการเธอแล้ว”
“เธอหมายความว่าอย่างไร” สาริศามองพชิราอย่างระแวดระวัง ว่าเธอนั้นจะมาไม้ไหนอีก
“ธนพัตเชื่อเหรอว่าเด็กในท้องของเธอเป็นของเขา” พริชาก้มหน้าจับเล็บของตัวเองเล่น มุมปากยกยิ้มขี้เล่น
ถูกคำพูดของพชิราทิ่มแทงจิตใจอย่างเจ็บปวด สาริศาชี้ไปทางเธอแล้วถามขึ้นด้วยความโกรธ “ตอนนั้นเป็นเธอใช่ไหมที่ติดสินบนหมอ ร่วมมือกันมาโกหกธนพัตว่าฉันถูกข่มขืน!”
“ใช่” พชิราไม่มีทีท่าตกใจที่ถูกเปิดโปง “อีกทั้งฉันยังได้บอกกับธนพัตว่า ตอนที่ฉันเห็นเธอในโกดังนั้น เสื้อผ้าบนตัวของเธอฉีกขาดหลุดลุ่ยเกือบหมด ซึ่งดูเหมือนลักษณะของคนที่เพิ่งถูกกระทำชำเรา เธอยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนที่ฉันบอกเรื่องนี้กับเขา ธนพัตนั้นโกรธมากแค่ไหน”
“พชิรา ทำไมเธอถึงได้ทำเช่นนี้!” เมื่อได้ยินพชิรายอมรับเองจากปาก ในใจของสาริศาก็รู้สึกเหมือนมีเปลวไฟกำลังลุกไหม้โชน “เธอต้องการอะไรกันแน่!”
“ฉันต้องการให้ธนพัตเลิกกับเธอ” พชิราลุกยืนขึ้นเดินมาที่ด้านหน้าของสาริศา ดวงตาเต็มไปด้วยความชั่วร้าย “สาริศา ฉันบอกกับเธอตั้งแต่เนิ่น ๆ แล้วว่าอยู่ให้เลิกกับธนพัต แต่ว่าเธอกลับไม่ฟังฉัน ทั้งหมดนี้เธอเป็นคนหาเรื่องเองทั้งนั้น จะมาโทษฉันไม่ได้”
จ้องมองพชิราอย่างแน่นิ่ง สาริศารู้สึกว่าคนคนนี้ช่างไม่มีเหตุผลเสียเลย ทำไมถึงได้มีคนที่ทำเรื่องชั่วร้ายเช่นนี้แล้ว ยังไม่รู้สึกรู้สาทำเหมือนเป็นเรื่องที่ถูกต้อง
“เธอรู้สึกจริงเหรอว่าถ้าไม่มีฉันแล้วธนพัตจะกลับไปหาเธอ”
“แน่นอน” พชิรามองสาริศาราวกับมองคนโง่ก็ไม่ปาน “สาริศา เธอทำไมไม่คิดบ้าง ว่าทำไมธนพัตเลือกที่จะเชื่อฉันแต่ไม่เชื่อเธอ”
จู่ ๆ เห็นสาริศามองตัวเองเช่นนี้ ในใจของพชิราไม่รู้ว่าทำไมเกิดความรู้สึกกระวนกระวาย เธอเปล่งเสียงสูงแล้วตะคอกใส่สาริศา “ทำไมเธอมองฉันแบบนี้”
หายใจเข้าลึก ๆ แล้ว สาริศาก็พยายามข่มใจตัวเองให้ใจเย็น ตัวเองจะทะเลาะกับพชิราต่อไปแบบนี้ไม่ได้ วันนี้เธอมาที่นี่ไม่ได้มาเพื่อตัวเอง แต่มาเพื่อกันยา
“วันนี้ที่ฉันมาหาเธอไม่ได้มาชวนทะเลาะ” สาริศาพยายามระงับความโกรธของตัวเองเอาไว้
“น่าขำ!” พชิรายิ้มเยาะไปทีหนึ่ง “หรือเป็นฉันที่ไปหาเธอหรือไง เธอมาที่บ้านฉันเพื่ออะไร!”
“ฉันต้องการให้เธอช่วยเหลือแม่ของเธอ” ไม่มีการอ้อมค้อม สาริศาอ้าปากกล่าวตรง ๆ กับพชิรา
เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมา พชิรามองสาริศาอย่างกับมองคนบ้า และรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย “แม่ของฉันไม่อยู่ตั้งนานแล้ว เธอพูดมั่วอะไรของเธอ!”
“ไม่ แม่ของเธอยังมีชีวิตอยู่ เธอไม่ใช่ลูกสาวของตระกูลนิธิธราสกุล” สาริศาขว้างระเบิดลูกใหญ่ออกมา
“เธอเล่นตลกอะไร!” สีหน้าของพชิราเย็นชาลง “สาริศา ฉันขอเตือนนะว่าอย่าพูดจามั่ว ๆ!”
“ฉันไม่ได้พูดมั่ว แม่ของฉันต่างหากคือแม่ที่แท้จริงของเธอ” สาริศาจ้องดวงตาของพชิราแล้วกล่าว
โมโหปนหัวเราะ พชิรายกมุมปากขึ้นอย่างเย็นชา “สาริศา ต่อให้ตัวเธอจะรู้สึกไม่คู่ควรกับธนพัต เธอก็ไม่จำเป็นต้องพูดคำที่น่ารังเกียจเช่นนี้มาโจมตีฉันหรอก เธอคิดว่าฉันจะเชื่อเธอเหรอ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หวานเย็น กรุ่นใจ
สวย แต่ โง่ดักดาน แล้วไงคุณนางเอก...
ทำไมนางเอกต้องเป็นควายตลอด...