พอเห็นใบหน้าที่ยิ้มแย้มขอพชิราและรอยยิ้มที่ไร้เดียงสาของเด็กๆ ปรากฏขึ้นตรงหน้า สาริศาไม่ได้รู้สึกอบอุ่น แต่กลับรู้สึกแปลกใจมากกว่า
แน่นอนว่า ความรู้สึกแปลกใจนี้ไม่ใช่เพราะว่าเด็กๆ แต่เป็นเพราะพชิรา นี่มันแตกต่างจากสิ่งที่เธอทำปกติมากเลย เธอเป็นคนที่ต้องคอยจ้างคนไปข่มขืนคนอื่น แต่กลับมาอยู่กับเด็กๆ ด้วยความเมตตาอย่างนั้นเหรอ? ไม่ว่าจะยังไงเธอก็ไม่มีวันเชื่อเด็ดขาด
“ริศา เธอมาแล้วเหรอ!”พอเห็นสาริศา พชิราก็โบกมือให้เธออย่างดีใจ เรียกให้สาริศาไปทางนั้น
สาริศาเดินเข้าไปหาพชิราด้วยความสงสัย เธอไม่รู้ว่าเธอคิดจะทำอะไรกันแน่
“เธอมาพอดีเลย ฉันกำลังกังวลใจไม่รู้จะทำยังไงดี เธอช่วยหน่อยได้ไหม?”พชิรายิ้มแล้วก็ดึงมือสาริศา แล้วก็ใช้อีกมือหนึ่งชี้ไปบนชายคา
“ฉันเอากระดิ่งลมมาให้เด็กๆ พวกเขาอยากจะแขวนไว้ใต้ชายคานั้น แบบนี้เวลาเข้าประตูมาจะได้ยินเสียงกระดิ่งดัง เธอก็รู้ว่าขาฉันไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ งั้นเธอช่วยฉันแขวนหน่อยได้ไหม?”
สาริศาเหนื่อยมากขึ้นมอง ชายคาไม่ได้สูงเท่าไหร่นะ บันไดด้านข้างก็ยังแข็งแรง ถึงแม้จะไม่รู้ว่าพชิราจะเล่นอะไรอีก แต่เธอก็ไม่สามารถปฏิเสธสายตาของเด็กๆ ที่กำลังรอคอยได้
“โอเค”หลังจากที่ตอบรับ สาริศาก็หยิบกระดิ่งลมบนโต๊ะด้านล่างแล้วก็ปีนบันไดขึ้นไป หลังจากนั้นก็เอาตะขอแขวนไว้ใต้ชายคาอย่างระมัดระวัง
พชิราที่มองดูอยู่ด้านหลังไม่มีรอยยิ้มในดวงตาอีกต่อไป แต่มันกลับแทนที่ไปด้วยความเยือกเย็นและแผนการร้าย
“เรียบร้อยแล้ว!”สาริศากระโดดลงมาจากบันได แล้วก็เงยหน้าขึ้นมองกระดิ่งลมที่พึ่งเอาไปแขวน
กระดิ่งลมสีฟ้าและสีขาวตัดกับท้องฟ้าสีครามและเมฆสีขาวนั้นสวยงามเป็นพิเศษ และทำให้ผู้คนรู้สึกสบายใจขึ้นมาก
“ว้าว เด็กๆ พี่สาวคนนี้เก่งมากเลย พวกเราปรบมือให้เธอหน่อยโอเคไหม?”
เสียงที่หวานเลี่ยนของพชิราดังขึ้นด้านหลัง ทำให้สาริศาขนลุกไปทั้งตัว พชิราในวันนี้ดูไม่ปกติเลย เธอต้องเพิ่มความระมัดระวังหน่อยแล้ว
“พี่สาวเก่งมากค่ะ!”
“เยี่ยมมากเลยครับ!”
“กระดิ่งลมอันนั้นสวยมากเลย!”
……
เด็กๆ พวกนั้นตอบรับคำพูดของพชิราอย่างตื่นเต้น แล้วก็ตบมือให้สาริศา ทำให้เธออดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา
ว่ากันว่าเด็กน้อยเป็นเทวดาที่หลงเหลืออยู่บนโลก ดูท่าทางน่าจะเป็นแบบนั้นจริงๆ เมื่อดวงตาขาวดำคู่หนึ่งต้องมองมาที่คุณ มันจะทำให้คุณรู้สึกเหมือนวิญญาณของคุณได้รับการชำระให้บริสุทธิ์
“แงงง……ฮือๆๆ ……”ตอนนี้เอง จู่ๆ เด็กชายวัย 4 ขวบก็นั่งลงบนพื้นและเริ่มร้องไห้
พชิราที่อยู่ใกล้เขาก็ตอบสนองทันที เธอเลื่อนรถเข็นไปตรงหน้าเด็กชายคนนั้นแหละก็มองอย่างกังวล “หนูเป็นอะไรไป?”
พอเห็นว่าเด็กน้อยร้องไห้หนักขึ้นเรื่อยๆ และพชิราก็ยังคงไม่ทำอะไร สาริศาก็รีบเดินเข้าไปเราก็ดึงเด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิงคนนั้นมากอดเอาไว้แล้วก็ปลอบใจ เพราะว่าปกติเธอมีประสบการณ์ในการกล่อมธีร์มาแล้ว ดังนั้นเด็กทั้งสองคนจึงเปลี่ยนจากน้ำตามาเป็นเสียงหัวเราะได้อย่างรวดเร็ว
เด็กน้อยสามารถแยกได้ชัดเจนว่าคนไหนเป็นคนดีคนไหนเป็นคนไม่ดี แล้วตอนนี้ก็เริ่มตัวติดกับสาริศาแล้ว ไม่ล้อมรอบพชิราอีกต่อไป
พอเห็นสาริศาที่ยิ้มให้เด็กน้อยอยากมีความสุข พชิราก็ต้องยอมรับว่า สาริศาผู้ที่เปี่ยมไปด้วยความรักของคนเป็นแม่น้ำสวยงามมาก ดึงดูดสายตาให้ผู้คนหันมาสนใจเธอโดยอัตโนมัติ
และก็เพราะด้วยเหตุนี้ เธอฝึกหัดปั่นด้วยความเกลียด มือของเธอกำแน่น ไม่ได้เจอกันไม่ถึง 5 ปี สาริศาไม่ใช่แค่ไม่เจ็บปวดและโศกเศร้าเหมือนที่ตัวเองคิดเอาไว้ แต่กลับดูโตเป็นผู้ใหญ่และมีเสน่ห์มากขึ้น ส่วนตัวเธอเองต้องใช้ชีวิตอยู่บนรถเข็น พระเจ้าช่างไม่ยุติธรรมเลย!
หลังจากเล่นกับเด็กๆ ไปครู่หนึ่ง พวกเด็กๆ ก็ถูกครูใหญ่เรียกขึ้นไปเรียนหนังสือต่อ สาริศาก็เดินเข้ามาหาพชิรา
“วันนี้คุณเรียกฉันมามีเรื่องอะไรกันแน่? ”แตกต่างกับความอ่อนโยนที่เล่นกับเด็กน้อยเมื่อกี้นี้ สาริศาถามพชิราใบหน้าที่เย็นชา
“ไม่มีอะไรหรอก ฉันก็แค่อยากให้เธอมาเพื่อซึมซับความสุขของเด็กๆ ฉันมาเป็นอาสาสมัครที่นี่ทุกอาทิตย์ เธอไม่รู้หรอกว่าเด็กพวกนี้น่ารักแค่ไหน”
หลังจากนั้นพชิราก็เสแสร้งทำท่าทางเขินอาย “ก่อนหน้านี้ธนพัตจะมาเป็นเพื่อนฉันตลอดเลย เธอก็รู้ว่าขาฉันไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ เขาก็เลยไม่วางใจให้ฉันออกมาข้างนอกคนเดียว แต่วันนี้เขามีธุระ ฉันก็เลยโทรนัดให้เธอมาด้วย”
สาริศาได้ยินแล้วก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะในใจ นี่กำลังประกาศความเป็นเจ้าของในตัวธนพัตเหรอ?
“ในเมื่อเธอมีน้ำใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่เด็กที่ไม่รู้จักกันขนาดนั้น แล้วทำไมถึงได้ไม่สนใจความเป็นความตายของแม่แท้ๆ ของตัวเองได้ล่ะ? ”สาริศาไม่พูดจาอ้อมค้อมกับพชิราอีกต่อไป ก็เลยถามออกมาตรงๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หวานเย็น กรุ่นใจ
สวย แต่ โง่ดักดาน แล้วไงคุณนางเอก...
ทำไมนางเอกต้องเป็นควายตลอด...