รู้ว่าชญาภาไม่ได้จริงใจ แต่สาริศาก็ยังจับมือเธอและยิ้มตอบ “ขอบคุณนะ หวังว่าต่อไปเราจะเข้ากันได้ดี”
เมื่อเห็นคนสองคนที่ไม่ลงรอยกันจับมือแล้วยิ้มให้กันแบบนี้ คนที่สำนักพิมพ์ก็เข้าใจได้เรื่องหนึ่งคือ คนที่ยืนอยู่ต่อหน้าพวกเขาในตอนนี้ไม่ใช่สาริศาคนก่อนจริงๆ เพราะก่อนหน้านี้เธอไม่เคยมีสีหน้าแบบนี้มาก่อน
แต่ไม่รู้ว่าการเปลี่ยนแปลงนี้ดีหรือไม่ดี หัวใจของทุกคนกระสับกระส่ายกันเล็กน้อย
หลังจากทำความคุ้นเคยกันได้หนึ่งสัปดาห์ ในที่สุดงานของสาริศาก็เข้าที่เข้าทาง เธอเริ่มให้ทุกคนไปทำหัวข้อสัมภาษณ์คนดังโดยหวังว่าจะใช้กระแสนิยมของคนมีชื่อเสียงเพื่อเพิ่มยอดขายสำนักพิมพ์
แม้ว่าความคิดจะดีมาก แต่ในทางปฏิบัติก็มีความยากอยู่บ้าง ถ้าเชิญดาราดัง ค่าใช้จ่ายจะเกินที่สำนักพิมพ์ประเมินไว้มากเกินไป แต่ถ้าเชิญคนที่ยังไม่เป็นที่รู้จักอย่างทั่วถึง ยอดขายนิตยสารก็จะเพิ่มขึ้นไม่ได้แน่
หลังจากประชุมและอภิปรายกันในช่วงเช้า หลังจากการระดมความคิด สาริศาตัดสินใจที่จะมุ่งความสนใจไปที่แวดวงธุรกิจของ เมือง S
ลูกเล่นอย่าง "นักธุรกิจชั้นแนวหน้า" จะดึงดูดความสนใจของคนจำนวนมากได้อย่างแน่นอน แถมยังเป็นนักธุรกิจชั้นแนวหน้าของเมืองนี้เองที่มักจะถูกพบเห็นได้บ่อยๆ เชื่อว่าภายใต้ความอยากรู้อยากเห็นของทุกคน ก็จะไม่รู้สึกห่างไกลตัวเกินไป จะกลับมีความสนใจมากขึ้น
นอกจากนี้ เพื่อเพิ่มความนิยมและภาพลักษณ์ของบริษัทของตัวเอง เชื่อว่าการสัมภาษณ์คนเหล่านี้ง่ายกว่าการสัมภาษณ์ดาราคนดังมาก
“ในเมื่อกำหนดขอบเขตแล้ว ทุกคนลองแนะนำกันมาสักสองสามคนสิ หารือกันแล้วหาผู้ถูกเลือกคนสุดท้ายกันเถอะ” สาริศาพูด
ทันทีที่พูดจบ ทุกคนก็พยายามคิด และเลือกผู้ที่เหมาะสมไว้ในใจ
“บรรณาธิการคะ ฉันคิดว่ามีอยู่คนหนึ่ง” มินท์ หยิงสาวที่เพิ่งเข้ามายกมือขึ้น
สาริศายิ้มแล้วตอบว่า "ลองบอกให้ฟังหน่อยสิ"
"คุณบุรินทร์ กีรติเมธานนท์ทุกคนคงเคยได้ยิน ว่าเมื่อเร็ว ๆ นี้เขาได้พัฒนาที่ดินผืนใหม่ ว่ากันว่าเขาจะสร้างโรงแรมที่ใหญ่ที่สุดในเมือง S เรื่องนี้เป็นเรื่องเด่นในอินเทอร์เน็ตตอนนี้เลย กระแสความนิยมสูงมาก ทุกคนต่างให้ความสนใจกับประเด็นนี้ เลยคิดว่าเขาตรงกับความต้องการของเรา"
ยิ่งพูดหญิงสาวก็ยิ่งตื่นเต้น รู้สึกว่าคนที่เธอแนะนำ เหมาะสมมากจริงๆ
แต่ไม่คิดเลยว่าจะมีใครเห็นด้วย พนักงานเก่าบางคนถึงกับมองหญิงสาวอย่างเห็นใจ บุรินทร์น่ะหรอ มีใครคิดไม่ถึงบ้าง ถ้าคนแบบนี้เหมาะสมจริง ๆ ใครจะรอให้เด็กใหม่มาเสนอกันล่ะ
แล้วไม่ต้องพูดเลย ความสัมพันธ์ระหว่างบรรณาธิการใหญ่กับเขา ถ้าเห็นด้วยสิแปลก ไม่โดนด่ากลับมาก็เป็นบุญหัวแล้ว!
สาริศาเกร็งเมื่อได้ยินชื่อของบุรินทร์ ปลายนิ้วจิกเข้าฝ่ามือ ถ้าไม่ใช่เพราะเขากับพชิราเธอจะต้องไปอยู่ต่างประเทศตั้งห้าปีทำไม แล้วแทบจะต้องเสียธีร์ไป
แค้นนี้เธอต้องชำระ!
เมื่อคิดได้แบบนี้ สาริศาก็มีแผนค่อยๆ เป็นรูปเป็นร่างขึ้นในใจ เธอยิ้มอย่างเยือกเย็น คราวนี้เธอต้องสู้กับบุรินทร์จนเขาเอาคืนไม่ทัน
“เป็นข้อเสนอที่ดี ใช้ได้” สาริศาทำหน้าให้นิ่งที่สุด
เมื่อได้ยินว่าสาริศาเห็นด้วย ทุกคนก็ประหลาดใจ เห็นด้วยง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ ไม่มีการตำหนิ ไม่โกรธด้วย
สาริศาพูดต่อด้วยรอยยิ้มว่า “การสัมภาษณ์นี้ ฉันจะไปเอง”
เมื่อได้ยินสาริศาพูดเช่นนี้ ทุกคนก็พยักหน้า มันคือเรื่องจริง
ต่อมา หลังจากที่ทุกคนพูดคุยและยืนยันคนที่จะไปสัมภาษณ์อีกสองสามคนแล้ว สาริศาก็ประกาศเลิกประชุม เหลือไว้เพียงคนที่น่าเชื่อถืออีกสองสามคน เช่น เมย์ พี่จ๊าจ๋า ที่มอบหมายการตรวจสอบโครงการของบุรินทร์ให้แก่พวกเขา และยังสั่งซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้ติดตามอย่างใกล้ชิด
เมื่อเห็นว่าสาริศาให้ความสำคัญกับการสัมภาษณ์ครั้งนี้มาก ทุกคนก็ตกปากรับคำ
ในสัปดาห์ต่อมา สาริศายุ่งมากจนไม่มีเวลาส่งธีร์ไปและรับกลับจากโรงเรียน ตอนทานอาหารเช้า ธีร์ยังคงบ่น ว่าแม่ไม่ได้เล่นกับเขานานมากแล้ว
ได้ยินแบบนั้น สาริศาก็รู้สึกผิดเกินคำบรรยาย ทำได้แค่กอดลูกชายอย่างทุกข์ใจ แล้วบอกว่าหลังจากจบงานช่วงนี้ จะพาเขาออกไปเที่ยว
ธีร์ได้เพียงแต่ทำหน้าบูดบึ้ง มองแล้วสาริศาก็เศร้ามาก
แต่ตอนนี้เธอทำอะไรไม่ได้จริงๆ เรื่องบุรินทร์ยังไม่คืบหน้า ใจของเธอก็กังวลมาก เธอจึงทำได้เพียงทำงานเยอะขึ้นเพื่อจะอยู่ตรวจสอบ
สองวันต่อมา เรื่องของบุรินทร์ก็ยังดูไม่มีอะไรสาริศาโกรธจนอยากจะด่า เธอไม่เชื่อว่ามือเท้าของบุรินทร์จะสะอาดหมดจด แต่ทำไมถึงตรวจสอบไม่ได้ล่ะ
เมื่อสาริศาแทบหมดความหวัง โทรศัพท์ของเมย์ก็นำข่าวดีมาสู่เธอ
รับสายแล้ว สาริศาก็ได้ยินเสียงตื่นเต้นของเมย์ว่า “พี่ริศา ข่าวดี เรื่องที่ขอให้พวกเราสืบมาในที่สุดก็มีเบาะแสแล้ว!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หวานเย็น กรุ่นใจ
สวย แต่ โง่ดักดาน แล้วไงคุณนางเอก...
ทำไมนางเอกต้องเป็นควายตลอด...