“คุณพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง” บุรินทร์ถามอย่างระแวง ธีภพเป็นความหวังทุอย่างของเขาในอนาคต จะเกิดเรื่องอะไรกับเขาไม่ได้!
“แน่นอนว่าหมายความว่าต้องการข่มขู่คุณ ถ้าคุณกล้าพูดเรื่องในตอนนั้นออกมา ฉันก็จะหาวิธีทำให้ธีภพต้องอยู่อย่างไม่มีความสุข” พชิรายิ้มอย่างร้ายกาจอย่างยิ่ง
“คุณมีธีภพเป็นลูกชายเพียงคนเดียว ถ้าเขาเกิดเรื่อง กว่าจะรอคุณออกมาได้ เกรงว่าแม้แต่คนที่คอยดูแลคุณยามแก่เฒ่าก็คงไม่มีเหลือแล้ว”
เกิดความตื่นตระหนกในใจขึ้นมาทันที แต่บุรินทร์ก็ทำใจให้สงบนิ่งลงได้อย่างรวดเร็ว หลังจากคิดรอบคอบอย่างใจ้เย็นแล้ว บุรินทร์ไม่ได้เห็นคำขู่ของพชิราอยู่ในสายตา
หึ เธอคิดว่าเธอเป็นใคร ไม่มีตระกูลนิธิธราสกุลเป็นที่พึ่ง และก็ไม่มีธนพัตคอยช่วยเหลือ เธอยังสามารถทำตามความต้องการได้อีกเหรอ
คิดมาถึงตรงนี้ สายตาที่บุรินทร์มองพชิราเต็มไปด้วยความดูถูก “คุณคิดว่าคุณยังเป็นคุณหนูของตระกูลนิธิธราสกุลอยู่เหรอ คิดจะหาเรื่องลูกชายผม ก็ต้องดูว่าตอนนี้คุณมีความสามารถหรือเปล่า”
พอเห็นว่าบุรินทร์ไม่เชื่อสิ่งที่ตนพูด พชิราก็ไม่ได้แสดงความตื่นกังวลออกมา ยังคงมีท่าทางมั่นอกมั่นใจเหมือนเดิม
“แม้ฉันจะไม่ได้เป็นคุณหนูของตระกูลนิธิธราสกุลแล้วยังไง หลังจากคดีลักพาตัวในตอนนั้น ฉันมีเงินอยู่ในมือมาเท่าไหร่คุณน่าจะรู้ดีที่สุด คุณคิดว่า เงินพวกนั้นมากพอจะให้ฉันไปจ้างคนมาฆ่าลูกชายสุดที่รักคุณได้หรือเปล่าล่ะ”
“เธอกล้าเหรอ!” บุรินทร์ลุกพรวดขึ้นมา ชี้ไปที่พชิราพลางพูดอย่างโมโหว่า
“พูดเลียนแบบฉันเหรอ” พชิรายิ้มพลางพูดว่า “แต่น่าเสียดาย ฉันไม่กลัว” พชิรามีสีหน้าเย็นเยือกขึ้นมาทันที “ฉันกล้าแน่นอน!”
“พชิรา! ถ้าคุณกล้าทำร้ายลูกชายผม ผมก็จะ……” จู่ๆบุรินทร์ก็พูดไม่ออก เขาจะทำอะไรได้ ตอนนี้แม้แต่อิสระตนเองยังไม่มี จะทำอะไรพชิราได้
“ก็จะอะไร! คิดไม่ออกเหรอ” พชิราหัวเราะเยาะพูดว่า “ฉันจะบอกให้นะคะคุณบุรินทร์ ตอนนี้คุณทำได้แค่เชื่อฟังฉัน! ถ้าคุณกล้าแพร่งพรายเรื่องในตอนนั้นออกมาแม้แต่นิดเดียว คุณก็รอเก็บศพลูกชายคุณได้เลย!”
กำหมัดตัวเองแน่น บุรินทร์กัดฟันจนแทบแตก จึงพูดลอดไรฟันออกมาได้คำหนึ่งว่า “ได้” ยังจะทำอะไรได้อีก เขาได้แต่รับปาก
“เรื่องในตอนนั้นผมรับรองว่าจะปิดปากให้สนิท แต่คุณก็ต้องรับปากผม ว่าจะไม่ทำร้ายลูกชายผมเด็ดขาด!” บุรินทร์พูดพลางจ้องตาพชิรา
ได้ยินบุรินทร์รับปาก พชิราเองก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก “คุณวางใจได้ ฉันไม่มีทางทำร้ายลูกชายคุณ โดยไม่มีสาเหตุเด็ดขาด”
“ทำให้ได้อย่างที่พูดนะ” บุรินทร์ไม่ไว้ใจพชิราอยู่บ้าง “ถ้าผมได้ข่าวว่าภพเป็นอะไรไป เรื่องในตอนนั้น ตำรวจก็จะรู้เรื่องนี้ทันที”
“ฉันรับรองว่าทำได้อย่างที่พูด” พชิราตอบ ในใจสะใจอย่างยิ่ง เมื่อครู่ยังปากดีกับตนเองอยู่เลย แล้วตอนนี้ยังไง เขาก็ต้องยอมตกลงกับเงื่อนไขของตนเองอย่างว่านอนสอนง่าย
ส่งเสียงฮึ่มฮั่มเล็กน้อย บุรินทร์ไม่อยากพูดอะไรกับเธออีก หมุนตัวเดินหนีไปเลย
เวลานี้ในใจเขารู้สึกเสียใจอย่างมาก คนเราไม่อาจฝืนโชคชะตาได้ คิดไม่ถึงว่าสุดท้ายก็ต้องเอาลูกชายของตนเองเข้ามาพัวพันด้วย พชิรานังงูพิษนี่! เรียกว่าเป็นคนชั่วช้าสารเลวที่สุด
เมื่อบรรลุวัตุประสงค์แล้ว พชิราเองก็รำคาญท่าทีของบุรินทร์ หมุนรถเข็นออกมาด้วยอารมณ์ที่ไม่แย่นัก เรื่องนี้จัดการเรียบร้อยแล้ว ต่อไปก็ต้องทำเรื่องอื่นต่อ
เพิ่งจะออกจากห้องเยี่ยม พชิราก็เจอธนพัตอย่างคาดไม่ถึง ทำไมถึงบังเอิญขนาดนี้ พวกเขามาเยี่ยมบุรินทร์ในวันเดียวกัน
รีบหลบไปที่ข้างบันไดอย่างรวดเร็ว หัวใจพชิราแทบจะหลุดออกมา โชคดีที่ตัวเองมีปฏิกิริยารวดเร็วว่องไว ธนพัตมองไม่เห็นเธอ
เอามือกุมหัวใจตนเองเอาไว้ พชิรายื่นศีรษะออกไปสำรวจดูว่าธนพัตอยู่ตรงไหน หลังจากเห็นว่าธนพัตลุกขึ้นเข้าไปในห้องเยี่ยมผู้ต้องขัง เธอจึงผลักรถเข็นออกมาจากตรงบันได ออกไปอย่างรวดเร็ว
จนกระทั่งออกมาที่ประตูเรือนจำ เมื่อครู่ที่หายใจไม่ทั่วท้องพชิราจึงได้ถอนหายใจออกมา เธอตกใจแทบตายจริงๆ ถ้าถูกธนพัตเห็นเข้าแย่แน่
คนขับรถที่รออยู่ไกลๆเห็นพชิราออกมา ก็รีบเข้ามาช่วยเธอเข็นรถ
“ระวังหน่อยสิ!” พชิราดุพลางขมวดคิ้ว เมื่อครู่ตอนที่คนขับรถเข็นรถเข็นขึ้นไปบนรถ ไม่ทันระวังสะดุดเล็กน้อย
“ขอโทษครับคุณพชิรา ผมจะระวังครับ” คนขับรถพูดอย่างนอบน้อมด้วยความกลัว แต่ในใจกลับด่าขึ้นมาว่า
พอเห็นความสงสารและเห็นใจในแววตาของธนพัต บุรินทร์ก็ยิ่งโกรธ ในชีวิตนี้สิ่งที่เขาไม่อยากเห็นที่สุดก็คือสายตาสงสารเห็นใจของธนพัต เขามีสิทธือะไร!
“ธนพัต ไม่อำมหิตก็ไม่ยิ่งใหญ่ ดูท่าฉันจะโหดเหี้ยมสู้แกไม่ได้ นึกไม่ถึงเลยว่าแม้แต่ตัวเองซึ่งเป็นพี่ชายแท้ๆแกยังเอาเข้าคุกได้ด้วยมือตนเอง ฉันนี่มันน่าสมเพชจริงๆ”
“นี่พี่ทำตัวเองนะ” ธนพัตพูดอย่างไร้อารมณ์ความรู้สึก
“ใช่ ฉันทำตัวฉันเอง” บุรินทร์ยอมรับอย่างสะใจ “แต่แกก็ไม่เห็นต้องทำขนาดนี้เลย เปิดโปงเรื่องพวกนั้นมีผลดีอะไรกับแก! หุ้นของตระกูลกีรติเมธานนท์กรุ๊ปแกก็ถืออยู่ไม่น้อย นี่แกจะทำลายตระกูลกีรติเมธานนท์หรือไง!”
“หุ้นเหรอ” ธนพัตหัวเราะเยาะ “เมื่อเทียบกับลูกของผมแล้ว หุ้นพวกนั้นมีค่าอะไร!”
“ลูกอะไร” บุรินทร์ได้ยินก็แปลกใจ ไม่เคยได้ยินข่าวว่าธนพัตมีลูก หรือว่าลูกนอกสมรส
คิดมาถึงตรงนี้ บุรินทร์อดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้ ถ้าธนพัตมีลูกจริง เช่นนั้นตระกูลกีรติเมธานนท์ก็เป็นของเขาอย่างสมบูรณ์แล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าตนเองต่อสู้มาครึ่งค่อนชีวิต กลับเป็นการช่วยให้คนอื่นประสบความสำเร็จแทน
“แน่นอนว่าเป็นลูกของผมสิ!” ธนพัตเสียงสูง ในแววตาเต็มไปด้วยความดุร้าย “ถ้าตอนนั้นพี่กับพชิราไม่ได้ให้ร้ายริศา ผมจะคิดว่าลูกในท้องเธอไม่ใช่ลูกของผมได้ยังไง ลูกของผมตกอยู่ในสภาพแบบนั้น สุดท้ายก็ไม่สามารถปกป้องเอาไว้ได้ยังไง!”
ที่แท้ก็เสียชีวิตแล้ว บุรินทร์ถอนหายใจด้วยความโล่งอกในใจ แต่สิ่งที่ตามมากลับเป็นความกลัวลึก ๆ เด็กตายแล้ว เช่นนั้นธนพัตก็ยิ่งไม่ยอมปล่อยตนเองไป
“ผมทำเกินไปเหรอ” ธนพัตหัวเราะเยาะ “พี่คิดว่าเกินไปเหรอ ผมกลับรู้สึกว่าผมยังเมตตาปรานี กับพี่มากเกินไปด้วยซ้ำ แค่นี้มันยังห่างไกลกับการแก้แค้นที่ผมต้องเสียลูกไป! ”
“แกยังคิดจะทำอะไรอีก!” บุรินทร์ถามอย่างหวาดวิตก เขาก็ติดคุกแล้ว ธนพัตยังจะเอาอะไรอีก เขาจะทำอะไรได้อีก
แต่อีกฝ่ายคือธนพัต ต่อสู้กับเขามานานหลายปี ความอดทนของเขาบุรินทร์รู้ดี ถ้าเขาไม่คิดจะปล่อยตนเอง เกรงว่าตนเองก็ยิ่งต้อง “กล้ำกลืน” กับชีวิตในคุก
สีหน้าธนพัตเย็นยะเยือก ไม่เพียงไม่ตอบยังย้อนถามว่า “เรื่องลักพาตัวผมเมื่อสิบกว่าปีก่อน ก็เป็นฝีมือพี่สินะ ตอนนั้นพี่อยากจะเผาผมให้ตายเลยใช่มั้ย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หวานเย็น กรุ่นใจ
สวย แต่ โง่ดักดาน แล้วไงคุณนางเอก...
ทำไมนางเอกต้องเป็นควายตลอด...