ตอนที่ธนพัตไปทานข้าวเป็นเพื่อนกับสาริศานั้น ได้รับโทรศัพท์จากที่ทำงานหลายสาย
สาริศารู้ว่าธนพัตอยู่เป็นเพื่อนตัวเองมาครึ่งค่อนวันแล้ว จึงเกิดความรู้สึกเกรงใจ จากนั้นจึงได้กล่าวขึ้น:“คุณกลับไปทำงานเถอะค่ะ ทางฝั่งคุณแม่ฉันอยู่เป็นเพื่อนได้ค่ะ”
ธนพัตมองดูสาริศาที่ทานอาหารอย่างรีบร้อน จนมุมปากมีซอสติดอยู่ จึงได้ยื่นมือมาช่วยเธอเช็ดออก
“ผมไปก่อนนะ พรุ่งนี้จะมาใหม่” เขากล่าวเบา ๆ “ถ้าหากขาดเหลืออะไร ให้รีบบอกผมทันทีนะ”
สาริศาพยักหน้า แต่กลับไม่เห็นธนพัตลุกขึ้น จึงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว “ทำไมเหรอ”
ธนพัตมองสาริศาราวกับกำลังครุ่นคิด จากนั้นเลียนิ้วมือที่ใช้เช็ดซอสที่มุมปากของสาริศาจนสะอาดเกลี้ยง “เปล่า ผมแค่คิดว่า การพยักหน้าของคุณเมื่อสักครู่ ดูค่อนข้างจะจริงจัง”
สาริศามองดูท่าทางการเลียนิ้วมือของธนพัต ในหัวเกิดเสียงดังตึงขึ้น จึงได้ยินคำพูดของเขาไม่ชัดเจน
นี่ นี่…..ดูสนิทกันเกินไปไหม?
อีกอย่างถ้าเป็นคนอื่นทำแบบนี้ เกรงว่าสาริศาอาจจะรู้สึกว่าไม่ถูกสุขลักษณะ แต่ดันเป็นธนพัตที่ทำแบบนี้ นิ้วมือที่เรียวยาวบวกกับริมฝีปากที่เบาบาง กลับทำให้ดูเป็นท่าทางที่เซ็กซี่จริง ๆ
“อะไรจริงจังไม่จริงจัง” ใบหน้ารูปไข่ของเธอร้อนผ่าวแล้วถามขึ้นอย่างเขินอาย
“ก็คือ ต่อไปหากคุณต้องการอะไร จะสามารถบอกกับผมได้ไหม” ธนพัตมองหญิงสาวที่หลบเลี่ยงสายตาที่อยู่ตรงหน้า แววตาจึงเกิดร่องรอยความไม่พอใจเล็กน้อย จากนั้นจึงเชยคางของเธอขึ้น บังคับให้เธอจ้องตากับตัวเอง “สาริศา ผมหวังอยากให้คุณเห็นผมเป็นสามีของคุณจริง ๆ”
เป็นสามีจริง ๆ?
สาริศามองดวงตาดำขลับของธนพัต ฉับพลันจึงเกิดอาการนิ่งไปชั่วขณะ
“ค่ะ” สักพัก เธอได้ก้มหน้าลง “ฉันรับปากคุณ ถ้าหากว่าต่อไปฉันต้องการอะไร ฉันจะบอกคุณเป็นคนแรก”
มุมปากของธนพัตถึงได้ยกเป็นเส้นโค้งขึ้นอย่างพอใจขึ้นในเวลานี้ “เด็กดี”
เมื่อปล่อยคางของสาริศาแล้ว เขาก็หันหลังจากไป
แต่เมื่อเขาไปถึงที่หน้าประตูนั้น สาริศาจู่ ๆ ได้เรียกเขาให้หยุดขึ้น “ธนพัต!”
เขาค่อย ๆ หันข้างมา จึงเห็นใบหน้าที่แดงเล็กน้อยของสาริศา และอาการบิดตัวเล็กน้อย:“ขอบคุณจริง ๆ ที่ช่วยฉันไว้ในครั้งนี้”
คำขอบคุณง่ายๆ เช่นนี้ แต่ทำไมธนพัตฟังแล้วมุมปากถึงรู้สึกอดไม่ได้ที่ยกยิ้มขึ้น “ไม่ต้อง”
คืนนี้ สาริศานอนเฝ้าอยู่ที่โรงพยาบาลทั้งคืน โชคดีที่ธนพัตได้เปลี่ยนห้องผู้ป่วยเป็นห้องพิเศษให้กับคุณแม่ของเธอ เธอจึงเสริมเตียงนอนไว้ข้าง ๆ การเฝ้าไข้คืนนี้ถึงจะได้ไม่ทรมาน
เช้าวันรุ่งขึ้น สาริศาถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงกระแอมไอ
เธอลืมตาอย่างสะลึมสะลือ ก็เห็นคุณแม่นั้นได้ตื่นขึ้นมาแล้ว
“แม่!” สาริศารีบมาที่ข้างเตียง “แม่เป็นอย่างไรบ้าง เจ็บตรงไหนหรือเปล่า ต้องการเรียกหมอไหม”
“แม่ไม่เป็นไร” ใบหน้าของกันยายังคงขาวซีด มองสาริศาที่อยู่ตรงหน้า แววตาจึงเป็นประกาย มือลูบจับเส้นผมของสาริศาด้วยความสั่นเทา “ริศา……ริศาของแม่……มาให้แม่ได้ดูหน้าลูกดี ๆ หน่อยสิ นานแค่ไหน…...นานแค่ไหนแล้วที่แม่ไม่ได้เห็นหน้าลูก……”
น้ำตาของสาริศาไหลออกจากเบ้าตา ส่ายหัวสะอึกสะอื้น “สองปีแล้วค่ะ…..แม่……สองปีแล้วที่แม่ไม่ได้ตื่นขึ้นมา……”
สองปีก่อน ที่ราวกับเป็นคืนฝันร้าย เธอถูกพรากสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับผู้หญิง ไม่เพียงแต่เท่านี้ คนที่เธอรักมากที่สุดสองคน ก็ได้จากเธอไป
คนหนึ่งคือชายหนุ่มที่เธอรักมากที่สุด ธีภพ ที่จู่ ๆ ก็หายไปอย่างไม่ทราบสาเหตุ
อีกคนหนึ่งก็คือญาติเพียงหนึ่งเดียวของเธอ กันยาแม่ของเธอ ที่ป่วยหนักกะทันหัน นอนสลบไม่ตื่น
กันยายิ้มเศร้า กระแอมไอขึ้นสองสามครั้ง และกุมมือของสาริศาไว้ “ต้องขอโทษลูกด้วยจริง ๆ ริศา ต้องโทษที่แม่ไม่เอาไหน ที่สองปีมานี้ไม่ได้ดูแลหนูดี ๆ กลับยังต้องมาเป็นภาระให้กับหนูอีก หนูคนเดียว——”
สาริศาที่กำลังเตรียมตัวจะไปซื้ออาหารเที่ยงให้กับกันยานั้น ทันใดที่ประตูมีเสียงเคาะดังขึ้น
สาริศาตะลึงตกใจ
คุณแม่อยู่ที่เมืองS ไม่ได้รู้จักใคร เป็นใครกันที่มาเยี่ยมคุณแม่?
เธอเดินไปเปิดประตู ก็เห็นธนพัตกับชรัณยืนอยู่นอกประตู ธนพัตยังคงนั่งอยู่บนรถเข็น ส่วนในมือของชรัณได้ถือผลไม้กับอาหารกล่องไว้
“ธนพัต?” สาริศาตะลึงงัน
“ริศา ใครเหรอ” กันยาถามดังขึ้นจากในห้อง
สาริศามองเข้าไปในประตูโดยไม่รู้จะทำอย่างไร ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร
แต่ธนพัต เมื่อได้ยินเสียงลอดดังมาจากด้านใจ กลับเลิกคิ้วแล้วกล่าวขึ้น:“คุณป้าครับ ผมมาเยี่ยมคุณป้าครับ”
ใบหน้ารูปไข่ของสาริศาร้อนผ่าวอย่างควบคุมไม่ได้ ได้แต่เปิดประตูให้ธนพัตกับชรัณเข้ามา
ธนพัตค่อย ๆ เข็นรถเข็นมาที่ด้านหน้าของเตียง มองดูกันยาที่มองตัวเองด้วยความประหลาดใจ จากนั้นยิ้มเบา ๆ แล้วกล่าวอย่างสุภาพ:“สวัสดีครับคุณป้า ผมชื่อธนพัต ผมควรจะมาเยี่ยมคุณป้าตั้งนานแล้ว แต่ริศาบอกว่าสุขภาพคุณป้าไม่ค่อยดี จึงไม่ได้มาเยี่ยมคุณป้าเสียที”
กันยามองธนพัต แล้วก็มองใบหน้ารูปไข่ของสาริศาที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ถึงได้เข้าใจ “อุ้ย คุณคงเป็นสามีของริศาใช่ไหม ช่างไม่เหมือนกับที่คิดไว้เลยจริง ๆ …..”
ธนพัตยิ้มเบา ๆ ไม่แสดงความคิดเห็น เพียงแต่โบกมือให้ชรัณวางกล่องอาหารและผลไม้ลง จากนั้นกล่าว :“คุณป้าคงยังไม่ได้ทานอาหารกลางวันใช่ไหมครับ นี่ผมได้เตรียมอาหารไว้ให้ครับ”
สาริศารีบเดินเข้าไป แล้วเปิดกล่องอาหารออก เป็นอาหารที่คุณแม่ชอบจริง ๆ เป็นซุปทั้งหมด เธอจึงเริ่มทำการป้อนกันยาอย่างระมัดระวัง
กันยานอนสลบมาสองปี ทานไปเพียงนิดเดียวก็อิ่มแล้ว จึงไม่ได้ทานต่ออีก และเอาแต่มองสำรวจธนพัตที่ยืนอยู่หน้าด้วยความสงสัย จากนั้นกล่าวขึ้น :“เอ่อ……คุณชื่อธนพัตเหรอ คุณทำงานอะไร”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หวานเย็น กรุ่นใจ
สวย แต่ โง่ดักดาน แล้วไงคุณนางเอก...
ทำไมนางเอกต้องเป็นควายตลอด...