“แล้วตอนนี้เป็นยังไงบ้าง” เมื่อสาริศาได้ยินคำพูดของธนพัต จึงชะงักไปครู่หนึ่งก่อน เพราะไม่แน่ใจว่าที่ธนพัตพูดว่าอะไรเป็นยังไงบ้าง แต่เมื่อคิดได้สักพัก ก็เข้าใจว่าหมายถึงอาการป่วยของกันยา
สาริศาเอาคำพูดของพยาบาลที่บอกกับตนเองเล่าให้ธนพัตฟังซ้ำอีกครั้งอย่างไม่ตกหล่นสักคำ จากนั้นก็ไม่สนใจธนพัต กินข้าวอย่างสบายใจ
ธนพัตก็พอจะคาดเดาได้ว่าวันนี้สาริศาคงยังไม่ได้กินข้าวแน่ๆ จึงไม่พูดอะไร ปล่อยให้สาริศากินอย่างเต็มที่
สาเหตุเพราะกินดึกเกินไป ตอนนี้สาริศาจะนอนก็นอนไม่ได้ ไม่เช่นนั้นจะส่งผลเสียต่อระบบการเผาผลาญของร่างกาย สาริศาจึงนั่งอยู่บนโซฟา เปิดโทรทัศน์ดูว่าช่วงนี้มีอะไรที่น่าดูบ้าง
ด้วยเรื่องงานและเรื่องของธีร์ ทำให้สาริศาไม่ได้ดูละครมานานมากแล้ว ทำงานที่บริษัททุกวัน แล้วก็กลับบ้านมาเลี้ยงลูก
ตอนนี้ธีร์ไม่อยู่แล้ว รู้สึกเงียบเหงาอ้างว้างจริงๆ
เธอเปิดโทรทัศน์ ก็เจอฉากกำลังเข้าด้ายเข้าเข็มของคนสองคน สาริศาขมวดคิ้วเข้าหากัน แล้วเปลี่ยนช่องทันที ธนพัตเห็นท่าทางของสาริศา ก็รู้สึกขำเล็กน้อย แต่ไม่ได้หัวเราะออกมา
สาริศากดเปลี่ยนช่องไปเรื่อยจนวนกลับมา ก็ไม่เห็นจะมีละครที่น่าดูเลย ตอนนี้คงบอกได้แค่ว่าละครที่ถูกใจนั้นมีน้อยมากจริงๆ สาริศาขมวดคิ้ว แล้วเดินไปล้างหน้าล้างตา เตรียมตัวเข้านอน
ธนพัตเดินตามหลังสาริศามา ไปล้างหน้าแปรงฟัน พร้อมกับสาริศา
ตอนนั้นเพราะว่าทั้งสองคนต้องการความโรมแมนติกหน่อย ก็เลยออกแบบห้องน้ำให้มีอ่างล้างหน้าสองอ่าง กระจกสองบาน แบบนี้ทั้งสองคนก็สามารถล้างหน้าแปรงฟันพร้อมกันได้
สาริศามองธนพัตที่เดินตามติดเป็นตังเม ก็กลอกตามองบนอย่างอดไม่ได้ ไม่รู้จะทำอย่างไร ธนพัตบีบยาสีฟันเสร็จแล้ว เธอจะไล่เขาออกไปก็ไม่ได้
เช้าวันรุ่งขึ้นเมื่อสาริศามาถึงบริษัท ก็ทักทายมิลิน พอเห็นสีหน้ามีความสุขแต่พยายามฝืนซ่อนเอาไว้ของมิลิน สาริศาจึงถามมิลินว่าตกลงมันเกิดเรื่องอะไรขึ้น
มิลินจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ให้สาริศาฟัง
เมื่อวานนี้สาริศาไปก่อนตั้งนานแล้ว มิลินจึงซื้อของนิดหน่อยในตอนกลางวัน เพื่อไปเยี่ยมเยียนพ่อแม่ของตนเอง ผู้ใหญ่ทั้งสองพอใจมากที่ชัชวาลเป็นผู้ชายที่ดูดีมีชาติตระกูลแบบนี้ ไม่เพียงแต่ดีใจ แถมยังเร่งรัดให้พวกเขาแต่งงานกันด้วย
หลังจากที่มิลินบอกสถานะของสาริศาแล้ว ผู้ใหญ่ทั้งสองประหลาดใจอยู่พักหนึ่ง แล้วก็รู้สึกว่ามีเหตุผล ที่สาริศาเป็นคนน่ารักแบบนั้น เพราะมีพี่ชายที่เป็นสุภาพบุรุษเช่นนี้ ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ
ตอนที่ชัชวาลได้พบกับพ่อแม่นั้น ไม่ได้แสดงท่าทางว่าตนเองเป็นคนร่ำรวยเลย แต่กลับพูดคุยกับผู้ใหญ่ทั้งสองอย่างเป็นกันเอง ไม่ได้มีท่าทีที่คนรวยมักจะดูถูกคนจนเหมือนปกติทั่วไปเลย
อย่างไรก็ตาม พ่อแม่เธอชอบว่าที่ลูกเขยคนนี้มาก เรียกว่ายิ้มไม่หุบเลยทีเดียว
กระทั่งถึงตอนที่ชัชวาลจะกลับ ยังบอกให้ชัชวาลมาเที่ยวที่บ้านบ่อยๆด้วย
พูดถึงตรงนี้ มิลินแทบไม่อยากจะเชื่อเลยด้วยซ้ำ
เมื่อสาริศาฟังเรื่องนี้จบแล้ว ก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไร
ครั้งที่แล้วตอนเธอได้พูดคุยกับท่านทั้งสอง ก็พบว่าแท้จริงแล้วทั้งสองท่านเป็นคนพูดง่ายมาก
ตอนนี้ได้พบเจอกับลูกเขยที่ดีขนาดนี้ จึงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่ดีใจเลย ในเมื่อทั้งสองคนต่างได้พบพ่อแม่ของกันและกันแล้ว นี่ก็พิสูจน์ได้ว่าใกล้จะมีข่าวดีในเร็ววันแล้ว สาริศาเองถามถึงเรื่องนี้กับมิลินเช่นกัน คำตอบของมิลินก็ยังคลุมเครือไม่ชัดเจนนัก
“เรื่องนี้ฉันเองก็ไม่แน่ใจ เรื่องรายละเอียด ถึงเวลาค่อยว่ากันแล้วกันนะ” เมื่อได้ฟังคำตอบของมิลินแล้ว สาริศาก็พยักหน้า
ในเมื่อมันเป็นเรื่องของคู่สามีภรรยาอย่างพวกเขาสองคน ตนเองเข้าไปแทรกแซงมากไม่ได้
ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม การได้เห็นอนาคตอันสดใสของคู่นี้คู่ที่ตนเองเป็นคนสนับสนุนช่วยเหลือจนได้ครองคู่กัน ก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีมากแล้ว
สาริศากับมิลินก็เริ่มทำงานทันที
จนกระทั่งหลังเลิกงาน สาริศาก็ไม่ได้กลับบ้าน แต่ไปเยี่ยมกันยาแทน
สาริศาก็ไม่ได้ว่าอะไร แวะมาเยี่ยมกันยาอยู่แทบจะทุกวัน และยังนำของบำรุงร่างกายมาให้กันยาจำนวนหนึ่งด้วย เพื่อให้ร่างกายของกันยาฟื้นตัวดีขึ้นเร็วหน่อย แบบนี้ตนเองก็ไม่ต้องคอยกังวลอีกแล้ว
สองสามวันนี้ กันยาคอยสังเกตสาริศาทุกย่างก้าว เริ่มปั่นป่วนอยู่ในใจ ตกลงว่าควรจะเชื่อฟังคำพูดของลูกสาวแท้ๆ เพื่อแก้แค้นให้ลูกสาวแท้ๆ หรือควรจะบอกความจริงกับลูกสาวบุญธรรมดี
ตอนนี้ก็ไม่รู้คำตอบ จึงได้แต่รอปก่อนแล้วกัน หาโอกาสเหมาะๆ ค่อยบอกกับสาริศาในภายหลัง
สาริศาไม่ได้สังเกตเห็นความปกติเหล่านี้ของกันยาเลย จึงมาเยี่ยมสาริศาแทบทุกวัน
มีอยู่วันหนึ่ง สาริศาได้ยินชรัณเรียกตัวเอง มองไปยังกันยาที่กำลังหลับสนิท สาริศาจึงเดินออกไป ชรัณมาหาตนเองในเวลานี้ ต้องมีเรื่องอะไรจะบอกแน่ การคาดเดาเช่นนี้ จึงรอชรัณว่าจะบอกอะไร
“คุณนายครับ ทำไมคุณยังต้องมาดูแลคุณกันยาอีก หรือว่าคุณไม่รู้ว่าพชิราทำอะไรกับคุณบ้างไว้บ้าง หรือคุณลืมไปหมดแล้วว่าพชิราทำครอบครัวของคุณแตกแยก ทำร้ายพวกคุณจนเกือบโดนระเบิดตาย เกือบจะหย่าร้างกันอยู่แล้วไม่ใช่เหรอครับ”
แต่หลังจากชรัณพูดจบ ก็ตระหนักได้ว่าคำพูดของตนเองนั้นดูเหมือนจะรุนแรงไปหน่อย
“คุณนาย ขอโทษครับ ผมปากพล่อยไปแล้ว” ถึงแม้ในเวลานี้สาริศาไม่ใช่นายจ้างแล้ว แต่ในใจของชรัณยังมีความรู้สึกเช่นนี้อยู่
สาริศารู้ว่าชรัณก็แค่โมโหก็เท่านั้นเอง จึงส่ายหน้า เพื่อแสดงว่าตนเองไม่ได้ใส่ใจอะไร
จากนั้นจึงมองชรัณพลางพูดเอ่ยว่า “ ไม่ว่าลูกสาวของเธอจะทำอะไรกับฉันอะไรก็ตาม เธอเป็นคนเลี้ยงดูฉันให้เติบใหญ่ บุญคุณนี้ฉันมิอาจลืมได้เลย”
สาริศาพูดประโยคนี้อย่างหนักแน่น ชรัณไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดีแล้ว
ในเมื่อสาริศาให้ความสนใจในเรื่องบุญคุณ เช่นนั้นตนเองก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรให้มากความ จึงพยักหน้าเล็กน้อย หลังจากพูดคุยเรื่องบางอย่างกับสาริศาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็เดินจากไป สาริศาเดินมาถึงห้อง จึงพบว่ากันยาตื่นแล้ว
สาริศามองกันยา ไม่พูดไม่จาอะไร ภายในห้องเงียบกริบ ถึงขนาดได้ยินเสียงลมหายใจสม่ำเสมอของแต่ละคน สุดท้ายก็เป็นคนทำลายความเงียบงันนี้เอง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หวานเย็น กรุ่นใจ
สวย แต่ โง่ดักดาน แล้วไงคุณนางเอก...
ทำไมนางเอกต้องเป็นควายตลอด...