ธนพัตขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วหันไปมองสาริศา “ทำไม”
สาริศาตระหนักได้ว่าปฏิกิริยาของตัวเองเมื่อสักครู่นั้นตรงเกินไป สีหน้าเก้ ๆ กัง ๆ และรีบกล่าวอย่างลนลาน:“ อาการของแม่ฉันเพิ่งจะฟื้นตัวดีขึ้น จึงต้องการการพักผ่อนค่ะ”
“ไม่ใช่เป็นเพราะเหตุผลนี้มั้ง” ธนพัตค่อนข้างเข้าใจทุกอย่าง “เป็นเพราะว่าคุณแม่ของคุณไม่อยากจะเจอผมใช่ไหม”
มือของสาริศาที่ถือตะเกียบอยู่ได้ชะงักค้าง ปากยกขึ้น “จะเป็นไปได้ยังไง”
“ทำไมจะเป็นไปไม่ได้” ธนพัตค่อนข้างจะสุขุมสงบ “ผมดูออกว่าแม่ของคุณไม่ชอบผม”
สาริศาไม่มีคำพูดที่จะตอบโต้ จึงได้แต่กล่าวด้วยความเก้อเขิน :“ไม่ใช่ความผิดของคุณค่ะ ปัญหาคือแม่ของฉันไม่ชอบคนรวย”
ธนพัตก็ยิ่งเลิกคิ้วสูงขึ้น
ภูมิหลังครอบครัวของสาริศา เขาย่อมทำการเช็คมาก่อนแล้ว ดังนั้นสำหรับการเป็น “เมียน้อย” ของกันยา เรื่องน่าอับอายแบบนี้เขาก็ย่อมรู้ดี
ธนพัตไม่ได้พูดอะไร แต่สาริศากลับเหมือนดูออกถึงความคิดของเขา จึงยิ้มเศร้าขึ้น “คุณรู้เรื่องที่ฉันเป็นลูกนอกสมรสของตระกูลธราภักดิ์ใช่ไหม คุณจะต้องคิดอย่างแน่นอนว่าทำไมตอนนั้นแม่ของฉันถึงได้คบกับสุวิทย์ แล้วทำไมถึงพูดประโยคที่บอกว่าเกลียดคนรวย?”
ธนพัตไม่ได้ตอบ
“ความจริงแล้ว แม่ของฉันไม่เคยคบกับสุวิทย์” สีหน้าของสาริศาขาวซีดและก็เย็นชาขึ้นทันใด “แม่ของฉันกับสุวิทย์เป็นเพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยด้วยกัน สุวิทย์ชอบแม่ของฉันมาโดยตลอด แต่ว่าแม่ของฉันไม่เคยชอบเขา สุวิทย์ไม่เคยตัดใจจากแม่ของฉัน แต่งงานไปแล้วก็ไม่เคยเลิกรา ถึงขั้นที่วางยาแม่ของฉัน แล้วก็ข่มขืนแม่ของฉันจนมีฉันขึ้นมา ถึงแม้ว่าแม่ฉันจะเกลียดสุวิทย์มาก แต่ก็คิดว่าเด็กในท้องเป็นผู้บริสุทธิ์ จึงได้อดทนจนคลอดฉันออกมา”
ธนพัตมองสาริศา
เรื่องราวในส่วนนี้เขาไม่ได้ตรวจสอบจริง ๆ
“โศภิตาเกลียดความรู้สึกของสุวิทย์ที่มีต่อแม่ของฉัน ดังนั้นเธอจึงป่าวประกาศข่าวลือไปทั่ว ว่าแม่ของฉันมาให้ท่ายั่วยวนสุวิทย์ บอกว่าแม่ของฉันเป็นเมียน้อย แม่ของฉันไม่รู้จักคนใหญ่คนโต จึงไม่สามารถที่จะแก้ต่างให้ตัวเองได้ จำได้แต่อดทนต่อชื่อเสียงที่เสีย ๆ หาย ๆ เช่นนี้ และก็เลี้ยงฉันมาจนเติบใหญ่”
สาริศาพูดถึงเรื่องราวในตอนนั้น สองมือก็กำหมัดแน่นขึ้น แววตาเต็นไปด้วยความเคียดแค้น
เธอรู้สึกเกลียดสุวิทย์มากจริง ๆ แต่เขาดันเป็นพ่อแท้ ๆ ของตัวเอง ในจุดนี้ซึ่งไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงได้
ธนพัตก้มหน้ามองสาริศา เอามือไปกุมหมัดของเธอ แล้วค่อย ๆ คลายมือที่กำไว้แน่นของเธอออก
สาริศาสะดุ้ง เงยหน้าขึ้นมองธนพัต แล้วยิ้มด้วยความเขิน “ต้องขอโทษด้วย นี่ฉันลืมตัวทำอะไรผิดไปหรือเปล่า”
“เปล่า” ธนพัตยังคงสุขุมใจเย็น แต่แสงประกายในดวงตาดำขลับราวกับดูอ่อนโยนมากกว่าปกติ “ผมดีใจมากที่คุณเล่าเรื่องราวเหล่านี้ให้ผมฟัง”
เรื่องราวเหล่านี้ถ้าหากว่าเขาอยากรู้ แน่นอนว่าเขาจะต้องตรวจสอบเจอได้ แต่เมื่อสาริศาเป็นคนบอกกับเขาเอง ความหมายนั้นจึงต่างกัน
สาริศาชะงักแล้วมองธนพัตแวบหนึ่ง แล้วก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา “คุณนี่ช่างประหลาดคนจริง ๆ”
ธนพัตยิ้มเบา ๆ และไม่ปฏิเสธ
หลังจากที่รู้จักกับสาริศา เขาก็รู้สึกว่าตัวเองนั้นยิ่งอยู่ยิ่งประหลาดจริง ๆ
สองสามวันถัดมา ทุกอย่างสงบราบรื่น
จนในที่สุดก็ถึงวันหยุดสุดสัปดาห์ วันงานเลี้ยงของตระกูลกีรติเมธานนท์
วันนี้ สาริศาตื่นแต่เช้า และช่างแต่งหน้าช่างทำผมมาก็ได้มาถึงที่บ้านตั้งแต่เช้า ยุ่งกันมาทั้งวัน ในที่สุดก็สามารถช่วยเธอแต่งตัวจนเสร็จ
ธนพัตที่ได้เตรียมตัวเสร็จตั้งแต่เนิ่น ๆ แล้ว นั่งรอเธออยู่ที่ห้องรับแขกอย่างเงียบ ๆ
สักพักเขาก็ได้ยินเสียงรองเท้าส้นสูงดังขึ้น จึงได้เงยหน้าขึ้นมอง ก็เห็นสาริศาที่กำลังเดินลงจากบันได เขาอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง
ครั้งก่อนสาริศาก็เคยใส่ชุดราตรีเพื่อไปเจอคนในครอบครัวของตระกูลกีรติเมธานนท์ ครั้งนั้นธนพัตตกตะลึงในความงามของเธอไปแล้วครั้งหนึ่ง
ธนพัตเห็นใบหน้าที่ตึงเครียดของเธอ ก็เหมือนว่าจะเดาความคิดเธอออก จึงถามเบา ๆ :“ตื่นเต้นเหรอ”
“ค่ะ” สาริศายอมรับ
“กลัวว่าจะทำให้คุณขายหน้า”
“คุณสวยขนาดนี้ จะทำให้ผมขายหน้าได้อย่างไร” ธนพัตยิ้มจาง ๆ “เมื่อก่อนเคยเข้าร่วมงานเลี้ยงแบบนี้ไหม”
“ไม่เคย” เพื่อคลายความตึงเครียดในใจของตัวเอง สาริศาจึงพูดให้มากขึ้น “แต่เพื่อหาค่าเล่าเรียน เมื่อก่อนเคยไปเป็นพนักงานเสิร์ฟงานเลี้ยงแบบนี้ ตอนนั้นรู้สึกอิจฉาผู้หญิงเหล่านั้นที่ได้สวมชุดสวย ๆ ตอนนั้นฉันเคยคิดว่า วันหนึ่งถ้าตัวเองได้ไปงานแบบนี้ก็คงจะดีไม่น้อย”
ธนพัตอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “อย่างนั้นคุณก็สมหวังในความปรารถนาแล้วสิ”
“คงงั้นมั้ง” สาริศาก็อดที่จะยิ้มไม่ได้เช่นกัน “ตอนนั้นเมื่อฉันกลับมาบ้าน ยังแอบฝึนเต้นลีลาศจากสาว ๆ ในงานเลี้ยงเหล่านั้นด้วย ในใจคิดว่าถ้ามีโอกาสเข้าร่วม แล้วสามารถเต้นได้อย่างสง่าก็คงจะดี——”
สาริศาฉับพลันตระหนักได้ว่าตัวเองพูดประโยคที่ไม่ควรจะพูด จึงได้ชะงักขึ้นกะทันหัน และมองธนพัตด้วยความเครียด
บ้าชะมัด
เธอช่างไม่ระวังบ้างเลย รู้ทั้งรู้ว่าธนพัตอยู่ต่อหน้าคนอื่นนั้นเป็นคนพิการ ไม่สามารถที่จะเต้นรำได้ เธอยังจะพูดในสิ่งที่ไม่ควรพูดอีก
เมื่อเทียบกับลนลานของสาริศา ธนพัตนั้นดูสุขุมมาก มุมปากยกเป็นเส้นโค้งแล้วกล่าวเบา ๆ:“เหรอ?”
สาริศาตอนนี้ไม่กล้าพูดอะไรมากอีก ได้แต่นั่งเงียบ ๆ จนกระทั่งถึงที่หมาย
ธนพัตลงจากรถก่อน จากนั้นก็ประคองสาริศาลงมา
สาริศาเดินลงจากรถอย่างระมัดระวัง เมื่อมองเข้าไปในคฤหาสน์ ก็อดไม่ได้ที่จะตะลึงงัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หวานเย็น กรุ่นใจ
สวย แต่ โง่ดักดาน แล้วไงคุณนางเอก...
ทำไมนางเอกต้องเป็นควายตลอด...