“ไม่!”
ทันใดนั้นสาริศาพลันร้องเสียงแหลม พร้อมกับผลักธนพัตออก
ธนพัตคิดไม่ถึงว่าสาริศาจะต่อต้านกะทันหันแบบนี้ ถูกผลักออกไม่ทันตั้งตัว จนถอยไปสองสามก้าว
เขาเงยหน้าขึ้นอย่างแปลกใจ และก็เห็นใบหน้าเล็กของสาริศาเป็นสีแดง ดวงตามีน้ำตาคลอหน่วยด้วยเพราะความหวาดกลัวพอสมควร
ทันใดนั้นเอง ธนพัตพลันรู้สึกเหมือนมีน้ำเย็นมาราดศีรษะ ความร้อนรุ่มในกายพลันเย็นลง
ไม่นานสาริศาก็รู้ตัวว่าทำเกินกว่าเหตุไป มีสีหน้ารู้สึกผิดขึ้นมาชั่วแวบ ก้าวเข้าหาธนพัตอย่างระมัดระวัง “ขอโทษ......เมื่อครู่ฉันอยู่ดีๆ ก็......นึกถึงเรื่องเมื่อสองปีก่อน......”
เรื่องเมื่อสองปีก่อน สำหรับสาริศา เป็นฝันร้ายที่เลวร้ายที่สุด
ไม่ใช่แค่เพราะสูญเสียสิ่งที่สำคัญที่สุดไปในชั่วข้ามคืน ยิ่งกว่านั้นเป็นเพราะคืนนั้น ทำให้เธอเสื่อมเสียชื่อเสียง
ตั้งแต่นั้นมาเป็นเวลานานมาก เธอถึงขั้นไม่สามารถเข้าใกล้ผู้ชายได้ แม้แต่การจับมือยังทำให้เธอกลัว
ตอนนี้เธอดีขึ้นมากแล้ว ครั้งหนึ่งเธอก็เคยคิด ว่าตัวเองสามารถยอมรับธนพัตได้
แต่ไม่คิดว่า เมื่อถึงที่สุดขึ้นมาจริงๆ ร่างกายของเธอ ยังเกิดสัญชาตญาณการต่อต้าน!
เห็นธนพัตค่อยๆ แปรเปลี่ยนกลับมาเป็นสายตาเย็นชา สาริศารู้สึกผิดจนพูดไม่ออก
ธนพัตต้องรู้สึกแน่ๆ เลยว่าตนกำลังเล่นตัวใช่ไหม ทั้งๆที่แต่งงานกันแล้ว และทั้งทั้งที่ตกลงกันแล้ว แต่เมื่อถึงท้ายที่สุดกลับปฏิเสธเขาแบบนี้
ไม่มีผู้ชายคนไหนสามารถทนต่อการปฏิเสธแบบนี้ได้หรอกจริงไหม
คิดมาถึงตรงนี้ เธอพลันกัดฟัน เข้าใกล้ธนพัตอย่างระมัดระวัง เอื้อมมือไปคล้องคอเขา เริ่มต้นจูบก่อน ต้องการจุดไฟให้ธนพัตใหม่
แต่จู่ๆ ธนพัตก็อุ้มเธอขึ้นอ้อมแขน แล้ววางลงบนเตียง
แต่สาริศาคิดว่าธนพัตจะทำต่อ จึงรีบเกร็งตัวเตรียมพร้อม เพื่อให้แน่ใจว่าร่างกายของตัวเองในครั้งนี้จะไม่เป็นแบบเดิม ที่จู่ๆ ก็ผลักธนพัตออก
แต่ไม่คิดว่าเธอรออยู่เป็นนานสองนาน ธนพัตก็ไม่ได้ทำอะไร ในทางตรงกันข้าม เขาหยิบผ้าห่มข้างๆ ขึ้นมาคลุมกายให้สาริศา
สาริศาชะงักไปทันที “ธนพัต คุณโกรธเหรอ”
ธนพัตนั่งลงข้างเตียง ก้มหน้าลงมองสาริศา สายตาสงบนิ่ง “เปล่า”
“แล้วทำไมคุณ......”
“ถามว่าทำไมผมถึงไม่ทำต่อเหรอ” ธนพัตพูดเสียงเบา นิ้วเรียวยาวปัดป่ายแก้มของสาริศา อ่อนโยนและคลุมเครือ “เพราะผมหวังว่าคุณก็จะมีความสุขไปด้วยกัน ไม่ใช่ว่าต้องอดทนเพื่อผม”
เขามีปฏิกิริยาตอบสนองต่อร่างกายของสาริศา จุดนี้เขาไม่ปฏิเสธ ถ้าพูดกันตามจริง คือมีปฏิกิริยาตอบสนองอย่างมากด้วย
ถ้าเขาไม่แคร์สาริศา บางทีเขาอาจทำต่อเลย เพราะสำหรับผู้ชาย การอดทนในเรื่องแบบนี้ ที่จริงแล้วเป็นเรื่องยากมาก
แต่เขา แคร์สาริศา
เพราะแคร์ ดังนั้นจึงไม่หวังว่าครั้งนี้ของพวกเขาสองคน จะกลายเป็นความทรงจำอันมืดมนสำหรับสาริศา
ถ้าเป็นแบบนี้ เขากับผู้ชายคนนั้นเมื่อสองปีก่อน จะต่างกันตรงไหน
สาริศาคิดไม่ถึงว่าธนพัตจะพูดอย่างนั้น ชั่วขณะหนึ่ง เธอรู้สึกได้ว่า เหมือนบางแห่งในหัวใจถูกสัมผัส
ชายหญิงแตกต่างกัน สำหรับผู้หญิง การแคร์ใครสักคน ก็คือการทุ่มเทให้ แต่สำหรับผู้ชาย การแคร์ใครสักคน จะเป็นการอดทนเพื่อเธอ
แววตาของเธอเปล่งประกาย ขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มนุ่ม ร่างกายที่เกร็งอยู่ในที่สุดก็ผ่อนคลาย “ธนพัต ขอบคุณนะ”
ธนพัตหัวเราะเบาๆ ลุกขึ้นยืน เดินไปที่โต๊ะข้างๆ แล้วนั่งลงบนเก้าอี้ “วันนี้คุณก็นอนบนเตียงไปนะ”
สาริศาชะงัก “แล้วคุณล่ะ คุณไม่นอนเหรอ”
พ่อบ้านดอลพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย “เป็นไปได้ว่าเพราะเรื่องสมัยมหาวิทยาลัยของคุณสาริศากับคุณชายภพ”
ท่านประเสริฐพยักหน้าพร้อมกับถอนหายใจ “หลานชายกับอาชอบผู้หญิงคนเดียวกัน ตระกูลกีรติเมธานนท์ของเราคงทำบาปทำกรรมไว้ ถึงได้ส่งผลให้เกิดเรื่องแบบนี้”
“แต่คุณสาริศาเป็นคนเดียวที่ทำให้คุณชายพัทหวั่นไหวได้ ดังนั้นไม่ว่ายังไงก็ตาม คุณท่านก็จะสนับสนุน” พ่อบ้านดอลเป็นคนสนิทของท่านประเสริฐ เห็นได้ชัดว่าเข้าใจความคิดของเขาดี
“ใช่” ท่านประเสริฐนวดคิ้วอย่างเหนื่อยหน่าย “ส่วนผู้หญิงสกุลธราภักดิ์คนนั้น คุณเอาเรื่องนี้ไปบอกเจ้าภพด้วย”
“คุณท่านไม่อยากจัดการกับเธอด้วยตัวเองเหรอครับ”
“หึ ยัยผู้หญิงชั้นต่ำคนนั้น คู่ควรให้ฉันจัดการด้วยตัวเองเหรอ” ท่านประเสริฐหัวเราะอย่างเย็นชา “ถ้าแม้แต่ผู้หญิงของตัวเองเจ้าภพก็จัดการไม่ได้ ก็ไม่คู่ควรเป็นลูกหลานของตระกูลกีรติเมธานนท์!”
“ครับ ผมเข้าใจแล้ว” พ่อบ้านดอลรับคำสั่ง แล้วออกจากห้องหนังสือไปเดี๋ยวนั้น
ท่านประเสริฐเดินไปยังข้างเตียง มองดูดวงจันทร์ภายนอก พลันนึกถึงบนฟลอร์เต้นรำก่อนหน้านี้ เห็นธนพัตโอบกอดสาริศาเต้นรำด้วยรอยยิ้ม ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยย่น ทันใดนั้นก็อ่อนโยนลง
กี่ปีแล้วนะ......กี่ปีแล้วที่ไม่ได้เห็นเจ้าพัทยิ้มแบบนี้
ดูเหมือนว่าสวรรค์ยังมีตา ในที่สุดก็ให้เจ้าพัทได้เจอผู้หญิงที่ทำให้เขายิ้มได้แบบนี้อีกครั้ง
ตอนนี้เขาแค่หวังว่า พวกเขาทั้งคู่จะมีความสุขจนมีลูกได้ในเร็ววัน
ขณะที่ท่านประเสริฐกำลังกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ บรรยากาศในห้องชั้นบน ความร้อนรุ่มค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นความเยือกเย็น
ธนพัตนั่งบนเก้าอี้ มือเท้าศีรษะพร้อมกับหลับตา
ค่ำคืนนี้ที่จริงมันดึกแล้ว แต่เวลานี้สาริศายังไม่หลับเลย เงียบอยู่นาน ก่อนที่เธอจะพูดอย่างระมัดระวัง “ธนพัต ฉันนอนไม่หลับ เรามาคุยกันเถอะ”
ธนพัตไม่ได้ลืมตา เพียงเอ่ยบางเบา “คุยอะไร”
“เอ่อ……” สาริศาครุ่นคิด ก่อนจะพูดว่า “ทำไมคุณปู่ท่าน......ถึงรู้ว่าเราสองคนยังไม่เคยทำแบบนั้นกันล่ะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หวานเย็น กรุ่นใจ
สวย แต่ โง่ดักดาน แล้วไงคุณนางเอก...
ทำไมนางเอกต้องเป็นควายตลอด...