ณิชาพาปัณณ์และอรัลแยกกันกินอาหารจานโปรดที่พวกเขาชอบกินที่สุด
ปัณณ์ชอบกินเผ็ด อรัลชอบกินอาหารรสไม่จัด
ณิชาก็ชอบที่จะร่วมสนุกด้วยเหมือนกัน เดี๋ยวไปที่นู่นเดี๋ยวก็ไปที่นี่ ขับรถอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย พาเด็กน้อยทั้งสองคนเล่นจนสนุกมีความสุขที่สุด จากนั้น เด็กทั้งสองคนก็เหนื่อยจนซบหลับไปในอ้อมกอดของเธอ
ใบหน้าน้อยๆทั้งสองดูไร้กังวล ราวกับเทวดาตัวน้อยที่ใสซื่อบริสุทธิ์
“ปัณณ์ อรัล?”ณิชากระซิบที่ข้างหูของพวกเขาเบาๆ
ปัณณ์เล่นจนเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าเกินไป นอนหลับลึกมาก ณิชาไม่อยากที่จะรบกวน ก็เลยหยิบผ้าขนหนูมาหนึ่งผืนห่มให้บนตัวของพวกเขา
อรัลถูกเสียงเบาๆนี้ทำให้ลืมตาขึ้นมาครึ่งหนึ่ง มองณิชาอย่างสะลึมสะลือ“หือ?”
“บอกหม่ามี๊มาหน่อย ว่าลูกยังมีความปรารถนาอะไรอีกไหม? หม่ามี๊จะช่วยทำให้มันเป็นจริงดีไหม?”ตอนที่ณิชาก้มหน้า น้ำตาเจ้ากรรมก็ไหลร่วงลงมา
ดีที่เป็นช่วงเวลากลางคืน เด็กน้อยก็กำลังหรี่ตาอยู่ ไม่ได้เห็นชัดเจน แต่ปากยังคงพูดพึมพำ“ผมอยากให้คุณพ่อ หม่ามี๊ แล้วก็ปัณณ์อยู่ด้วยกันสี่คนพ่อแม่ลูกตลอดไป”
รู้สึกอดกลั้นความง่วงเอาไว้ไม่ไหว พอพูดประโยคนี้จบ เด็กน้อยก็นอนหลับไปอย่างไร้สติทันที
ณิชารู้สึกเจ็บปวดที่ช่วงอกอย่างรุนแรง ปิดปากเอาไว้ ในที่สุดก็อดกลั้นเอาไว้ไม่ไหวอีกแล้ว ร้องไห้ออกมา
น้ำตาร่วงหล่นลงบนแก้มขาวๆของเด็กน้อย เธอกลัวว่าจะทำให้พวกเขาตื่น ก็เลยเช็ดเบาๆ กอดพวกเขาเอาไว้ เสียงร้องถูกกดเอาไว้ในลำคอไม่ได้เปล่งออกมา“ขอโทษนะ ลูกๆของหม่ามี๊ หม่ามี๊ทำเรื่องที่น่าละอายใจต่อพวกลูกเอง……ให้อภัยหม่ามี๊ด้วยนะ”
ให้อภัยที่เธอไม่สามารถทอดทิ้งพ่อไปเพื่อพวกเขาได้
ให้อภัยที่เธอไม่สามารถเห็นท่านประเสริฐทำร้ายพ่อของตัวเองได้
ก็ไม่รู้ว่านั่งอยู่ในรถนานแค่ไหน ริมฝีปากล่างของณิชาถูกเธอกัดจนหนังลอกไปหมด ถึงจะสงบเสงี่ยมอารมณ์ของตัวเองลงได้ ขับรถกลับมาที่Martin Modern ตอนที่เธออุ้มปัณณ์ขึ้นไปข้างบนนั้น ก็ได้ยินเสียงปัณณ์พูดพึมพำออกมาอย่างไม่รู้ตัว“หม่ามี๊ อย่าร้อง”
ฝีเท้าของณิชาหยุดชะงัก ตอบกลับไปเบาๆ“อื้อ หม่ามี๊ไม่ร้อง”
วิ่งแจ้นไปมาสองรอบ อุ้มเด็กทั้งสองคนไปอาบน้ำแล้วก็พักผ่อนไปแบบง่ายๆ
เธอเอาข้าวของสัมภาระของตัวเองใส่เข้าไปในกระเป๋าเดินทาง ของน้อยมากๆ ตอนเก็บก็เลยเร็วมากๆ ลังเลแล้วลังเลอีก เธอยังอาลัยอาวรณ์ที่จะถอดแหวนเพชรดอกไม้ไฟวงนั้นออก
ที่หัวเตียงเธอก็ติดกระดาษโน้ตเอาไว้หนึ่งใบ ติดไว้ข้างๆกระดาษโน้ตที่เขาติดเตือนเอาไว้ให้เธอกินข้าว
สายตาหันมองกลับไปที่เตียงในห้องนอน วันนี้ พวกเขายังโอบกอดอนาคตที่แสนมีความสุขอยู่เลย แต่ชั่วพริบตาทุกสิ่งทุกอย่างมันก็จางหายกลายเป็นฝุ่นควัน ทำให้ทั้งใจของเธอเหมือนกับถูกบีบแน่น
ครั้งนี้ ต่อให้จะอาลัยอาวรณ์ขนาดไหน เธอก็จำเป็นต้องจากไป
ต้องยอมสละสิทธิ์การเลี้ยงดูลูกๆทั้งสองคนไปด้วย
เธอยืนอยู่ที่ประตูของห้องนั่งเล่น มองบ้านแสนอบอุ่นที่เต็มไปด้วยความทรงจำมากมาย เดินจากไปอย่างไม่หันกลับมาอีก
เธอกลัวว่าถ้าเกิดเธอยังไม่ยอมไปอีกล่ะก็ ท่านประเสริฐก็จะตัดนิ้วของพ่อเธอแล้วจริงๆ
เธอรู้ว่าท่านประเสริฐไม่ใช่คนที่แค่พูดแต่ไม่ทำมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว
พอลงมาถึงชั้นล่าง ระหว่างที่รอรถแท็กซี่ เธอโทรศัพท์ไปหาคนรับใช้ของMartin Modern
คนรับใช้เป็นคนที่ลุงชัยส่งมาจากคฤหาสน์สนธิไชย ปกติแล้วตอนที่พวกเขาไม่อยู่บ้านก็จะมาช่วยทำงานบ้านแล้วก็ช่วยดูแลเด็กๆทั้งสองคนให้ ณิชาใช้เวลาครึ่งชั่วโมง ในการบอกรสชาติที่ชอบสิ่งที่โปรดปรานของเวธัสกับลูกๆทั้งสองให้กับคนรับใช้ทราบ
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใหญ่เรื่องเล็ก เธออดทนเต็มใจอย่างไม่มีความยุ่งยากลำบากเลยแม้แต่น้อย
คนรับใช้ตอนแรกก็ฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ แต่ยิ่งอยู่ก็ยิ่งไม่เข้าใจ
“คุณหญิง ช่วงนี้คุณวางแผนที่จะออกไปเป็นระยะเวลานานเหรอ?”ทำไมถึงต้องมาสั่งมอบหมายทีเดียวมากมายขนาดนี้เชียว?
ในเวลานี้ ณิชาก็เข้าไปนั่งข้างในรถแท็กซี่แล้ว เธอนิ่งเงียบไปสักพัก ก่อนจะพูดกับคนรับใช้“อื้อ ต่อไปก็ฝากเธอช่วยฉันดูแลพวกเขาให้ดีๆด้วยแล้วกัน”
ไม่รอให้คนรับใช้ถามขึ้นมาต่อ เธอก็วางสายไป ปิดโทรศัพท์ไปเลยตรงๆ
เวธัส คุณให้อภัยฉันที่จากไปโดยที่ไม่บอกลาด้วยนะ
……
ไม่นานเวธัสก็ได้รับสายจากคนรับใช้ผู้หญิงสองคน
ที่คนรับใช้พูดมาก่อนหน้านี้เวธัสไม่ได้แยแสสนใจเลยแม้แต่นิดเดียว มีเพียงประโยคสุดท้ายเท่านั้น“ฉันเพิ่งไปถามยามรักษาความปลอดภัยที่Martin Modernมาค่ะ ยามรักษาความปลอดภัยบอกว่า คุณหญิงถือกระเป๋าเดินทางจากไปแล้วค่ะ”
เวธัสกำลังอยู่ระหว่างทางไปยังห้องประชุม พอได้ยินแบบนี้ก็หยุดฝีเท้าลงทันที
เขาเดินมาหยุดที่มุมระเบียงมุมหนึ่ง น้ำเสียงเยือกเย็นมาก“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
.“ดิฉันเองก็ไม่รู้แน่ชัดเหมือนกันค่ะว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ จู่ๆคุณหญิงก็เล่ารายละเอียดมากมายเกี่ยวกับชีวิตของท่านแล้วก็คุณหนูทั้งสองคน ตอนที่ดิฉันจะถามกลับไป เธอก็วางสายไปแล้ว คุณผู้ชายคะ คุณหญิงคงจะไม่ใช่ปลงไม่ตกหรอกใช่ไหมคะ?”คนรับใช้ พูดขึ้นมาในสายอย่างลนลาน
แล้วก็ไม่รู้ว่าดึกดื่นแบบนี้หอบเอากระเป๋าเดินทางไปไหนด้วยเหมือนกัน?
เวธัสขมวดคิ้ว คิดไม่ถึงว่าผู้หญิงที่ยังจู๋จี๋กับเขาเมื่อตอนเที่ยงจู่ๆจะหนีไปแบบนี้
“มีคนมารับเธอไหม?”
“ยามรักษาความปลอดภัยบอกว่าคุณหญิงเรียกรถไปด้วยตัวเองค่ะ”
เวธัสวางสายลง ก่อนจะโทรศัพท์ไปหาบอดี้การ์ดอย่างรวดเร็ว บอดี้การ์ดกำลังจะรายงานเรื่องนี้พอดี ก็เลยพูดออกไปตรงๆ“พวกเราตามคุณหญิงไปตลอดทั้งทาง พบว่าเธอไปยังRepulse Bay Villaของคุณชาลีครับ”
“ฉันเข้าใจแล้ว ฉันจะไปเดี๋ยวนี้”พอเวธัสได้รับตำแหน่งที่แน่นอน ก็พูดกับโทนี่ที่อยู่ข้างๆทันที“ให้รองประธานเป็นประธานในการประชุมแทน อันไหนที่ไม่แน่ใจก็รอฉันกลับไปเจรจาปรึกษาอีกทีพรุ่งนี้”
โทนี่พอเห็นว่าเวธัสกำลังจะออกไปข้างนอก รีบพูดเตือนขึ้นมาอย่างรวดเร็ว“คุณผู้ชายรอเดี๋ยวครับ!คุณยังมีวิดีโอแชทข้ามประเทศกับทางฝั่งของยุโรปอยู่อีกหนึ่งเรื่องนะครับ การประชุมนี้ถูกเลื่อนออกไปครั้งหนึ่งแล้วนะครับ ถ้าเกิดเลื่อนต่อไปอีกล่ะก็ ผมเกรงว่าพันธมิตรทางฝั่งของยุโรปจะเกิดความไม่พอใจขึ้นมานะครับ แล้วแบบนั้น……”
“บอกพวกเขา ถ้าไม่พอใจก็ยกเลิกการร่วมงานไปได้เลย”เวธัสพูดทิ้งท้ายเอาไว้หนึ่งประโยค ก่อนจะออกมาจากตึกทันที
เป็นช่วงเวลาค่ำมืดแล้ว ลมหนาวก็พัดเข้ามาจากทั่วทุกสารทิศ
สำหรับเขาแล้ว ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าณิชาอีกแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กามเทพน้อยสานรักของแด๊ดดี๊หม่ามี๊
ตอน571-670หายไปไหนคะ ต้องทำไงถึงจะอ่านตอนที่ขาดไปได้...