กามเทพน้อยสานรักของแด๊ดดี๊หม่ามี๊ นิยาย บท 522

นัยน์ตากลมโตสีดำคู่หนึ่งของอรัลจ้องณิชาเขม็ง

“หม่ามี๊ หม่ามี๊ไม่สบายหรอครับ”

“ตอนนี้ไม่เป็นอะไรแล้วจ้ะ”

ณิชาย่อตัวลงกอดคุณลุงเอาไว้แล้วหอมหน้าผากเขา ไม่ได้เจอกันหลายวัน เธอก็คิดถึงพวกเขามากเช่นกัน

“หลายวันที่หม่ามี๊ไม่อยู่ได้กินข้าวอย่างว่าง่ายมั้ยจ๊ะ เชื่อฟังคุณทวดหรือเปล่า”

“แน่นอนครับ พวกเราเป็นเด็กดีทุกวัน! คุณครูยังโทรศัพท์มาชมพวกเราที่ทำการบ้านปิดเทอมฤดูหนาวได้ดีมากด้วยตัวเองด้วยครับ” ร่างเล็กๆของคุณลุงยืดตัวตรง พิงตัวในอ้อมแขนณิชาแล้วถูไปมา “หม่ามี๊ไม่สบายตรงไหนกันแน่ครับ พวกผมถามหม่ามี๊เจนนี่ หม่ามี๊เจนนี่ก็ไม่บอก...”

“ไม่ใช่ว่าหม่ามี๊เจนนี่ไม่พูดนะจ๊ะ แต่หม่ามี๊ของพวกหนูยื่นคำขาดเอาไว้ กลัวว่าพวกหนูจะเป็นห่วง จึงไม่อนุญาตให้หม่ามี๊เจนนี่พูด!” พูดถึงโจโฉ โจโฉก็มา เจนนี่ที่สวมชุดที่ทำจากขนนกสุดโอเวอร์เดินเข้ามาจากข้างนอก

เรื่องแรกเมื่อเธอกลับมาบ้านทุกวันก็คือมาแกล้งหยอกล้อเด็กชายสองคนนี้

ปัณณ์เขยิบไปหลบอยู่หลังณิชา กอดขาเธอเอาไว้อย่างดื้อดึง ปฏิเสธริมฝีปากสีร้อนแรงของเจนนี่

“หม่ามี๊เจนนี่ ลิปสติกของหม่ามี๊เจนนี่เหม็นมากเลยครับ”

เจนนี่หันหน้าไปถามชาลี “ดูเหมือนว่าคุณจะเป็นคนเลือกลิปสติกให้ฉันนะ”

“กลิ่นลูกท้อ หอมและยั่วยวนมาก เข้าคู่กับกิจกรรมที่คุณไปเข้าร่วมในวันนี้มาก” ชาลียักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ ตอนนี้เจนนี่เป็นดาราภายใต้สังกัดบริษัทการบันเทิงเซ็นจูรี่แล้ว ย่อมต้องให้ความร่วมมือในการไปเข้าร่วมกิจกรรมประชาสัมพันธ์บางงานเป็นธรรมดา

ปัณณ์เอามือกอดอก ใช้สายตาผู้ช่ำชองที่ไม่เหมาะกับอายุเป็นอย่างมากพิจารณามองริมฝีปากของเจนนี่

“ไม่เข้ากันเลยสักนิด หม่ามี๊เจนนี่ควรจะใช้รุ่นสีแดงเชอรี่ สดใสเยาว์วัยและทันสมัยดึงดูดใจ ภายนอกสุภาพเรียบร้อยแต่ภายในแข็งแกร่ง สวยกว่าสีนี้เยอะเลย”

นัยน์ตาเจนนี่วูบไหวไปด้วยความเลื่อมใสศรัทธา เปล่งประกายระยิบระยับ ขณะมองไปที่เด็กชายด้วยสีหน้าท่าทางเหมือนเด็กสาวที่บ้าดาราคนหนึ่ง

“ปัณณ์ หนูสายตาดีมาก หม่ามี๊เจนนี่ก็ชอบสีแดงเชอรี่รุ่นนั้นมาก...”

“นั่นมันแน่นอนอยู่แล้วครับ!” ปัณณ์แค่นเสียงเอ่ยด้วยท่าทางเย่อหยิ่ง และยื่นมือเล็กๆขึ้นมากลางอากาศ

เจนนี่ที่เข้าใจในทันทีก็แปะมือกับเขา

ชาลีมุมปากกระตุกเล็กน้อย จ้องมองเด็กน้อยอย่างดูถูก “เด็กดื้อที่อายุไม่ถึงสี่ขวบอย่างหนูวิจัยเรื่องลิปสติกด้วย? รู้ว่าอะไรที่เรียกว่าสีแดงเชอรี่?”

ปัณณ์เม้มปากเหลือบมองชาลี และกลอกตามองเพดานอย่างรวดเร็ว

“ส่วนสูงและอายุของผมไม่สามารถเอามาเปรียบเทียบกับสติปัญญาของผมได้! คุณลุง ดูถูกปัณณ์จะเสียเปรียบเอาได้นะครับ ลิปสติกของหม่ามี๊แต่ก่อนก็เป็นผมที่ไปเลือกสีด้วยกันนะครับ”

อรัลอาศัยโอกาสนี้ยกมือขึ้นแสดงท่าที “หลังจากนี้ผมก็จะไปเลือกเป็นเพื่อนหม่ามี๊ด้วยครับ!”

“จ้ะ ครั้งหน้าที่หม่ามี๊จะซื้อลิปสติกก็จะเรียกพวกลูกสองคนไปด้วย ให้พวกลูกเลือกสีที่สะดุดตามากที่สุดให้กับหม่ามี๊” ณิชายิ้มอย่างชื่นใจ ตัวเองเป็นผู้ชนะในชีวิตจริงจริงๆ

มีลูกชายฝาแฝดที่น่ารักขนาดนี้ และยังมีสามีที่รักเธอกับครอบครัว

ชาลีกลับหัวเราะเยาะเย้ยในเรื่องนี้ “เธอไม่กลัวว่าพวกเขาจะแก่แดดหรอ”

เด็กหัวโตตัวเล็กที่เพิ่งจะอายุสามสี่ขวบ ยังหย่านมไม่ขาด ก็เริ่มรู้จักลิปสติกแล้ว เขาเพิ่งจะเข้าใจความชอบของผู้หญิงหลังจากอายุยี่สิบ...

“เลือกลิปสติกเกี่ยวอะไรกับแก่แดดกัน” ณิชาไม่เห็นด้วย

ชาลีโยนคำถามไปให้เวธัส “ธัส นายไม่จัดการลูกชายนายหน่อยหรอ ไม่แน่ว่าหลังจากนี้อาจจะเจ้าชู้กว่าฉันอีก”

เวธัสไม่สนใจการยุแหย่ให้แตกคอกันของเขาแม้แต่น้อย กลับเอ่ยเสริมประโยคหนึ่งอย่างไม่ใส่ใจว่า “ผ่านปีใหม่ไปพวกเขาก็สี่ขวบแล้ว สมควรจะรู้ความบ้างแล้วจริงๆ แต่ว่ามีข้อหนึ่งคือ ก่อนม.ปลายไม่อนุญาตให้มีแฟน”

เวธัสพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ไม่รู้ว่าควรจะตอบเธอว่าอะไร

ขณะที่จ้องมองสีหน้าท่าทางดื้อรั้นของณิชา ที่ดูเหมือนว่าเขากำลังพันแข้งพันขาอยู่ เห็นอยู่ชัดๆว่าเขาพูดด้วยคำพูดปกติมาก ริมฝีปากบางโค้งขึ้นเล็กน้อย พลางอธิบายว่า “ผมเพียงแค่หวังให้ประสบการณ์ด้านความรู้สึกของลูกมากหน่อย”

“สรุปแล้วฉัน...อุ๊บ...” ณิชาพูดไปพูดมาก็รู้สึกคลื่นไส้ขึ้นมากะทันหัน จึงรีบผลักเวธัสออกแล้วปิดปากวิ่งไปห้องน้ำ

พาดตัวอยู่หน้าอ่างล้างมือ อาการคลื่นไส้กลายเป็นอาเจียนออกมาจริงๆ...

“แหวะ...”

เวธัสหน้าเปลี่ยนสี รีบหยุดการโต้เถียงทันที และรีบตามไปที่ห้องน้ำ ตบแผ่นหลังเธอและลูบปลอบประโลมอย่างเบามือ

ณิชาไหล่สั่นอย่างไม่สบายตัว หลีกเลี่ยงการสัมผัสจากเขา

ลูกเป็นของเธอ เธอหวังให้เขาโตขึ้นมาแล้วสามารถรักเดียวใจเดียว ถ้าหากว่าต้องผ่านประสบการณ์ความรักหลายครั้งแล้วถึงจะหาคนของตัวเองพบ เช่นนั้นก็หมายความว่าความรักของพวกเขาไม่ราบรื่น...

เวธัสเม้มริมฝีปากบางแน่น เจือไปด้วยกลิ่นอายเย็นชาหลายส่วน แต่เมื่อเห็นสีหน้าซีดเผือดและการอาเจียนไม่หยุดของเธอแล้ว ก็ข่มความรู้สึกโกรธเคืองนั้นลงไป

ณิชาก็ไม่รู้ว่าอ้วกไปนานแค่ไหน อย่างไรก็ตามกระเพาะล้วนว่างเปล่าแล้วถึงได้เงยหน้าขึ้นมาอย่างลำบาก

ตอนที่เห็นตัวเองในกระจกก็สะดุ้งตกใจ

แก้มขาวซีด เบ้าตาจมลึกไร้ซึ่งความมีชีวิตชีวา...

เจนนี่ที่ยืนอยู่หน้าประตูห้องน้ำ เห็นสภาพณิชาแล้วก็อดวิจารณ์ออกมาไม่ได้ว่า “สวรรค์! โรคกระเพาะนี่รุนแรงขนาดนี้เลยหรอ ถ้าไม่ใช่ว่ารายงานการตรวจสุขภาพของคุณหมอระบุว่าเธอมีปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะ ฉันเกือบจะสงสัยแล้วว่าเธอแพ้ท้องเพราะตั้งครรภ์...”

“แค่ก...” ณิชาที่กำลังเปิดก๊อกน้ำล้างหน้า ได้ยินคำพูดนี้ก็สำลักน้ำลาย อดกลั้นเสียจนใบหน้าแดงก่ำ “เมื่อครู่เธอพูดว่าอะไรนะ ท้อง?”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กามเทพน้อยสานรักของแด๊ดดี๊หม่ามี๊