“เธอเป็นอะไร?”
“เธอท้องแล้วครับ” เวธัสก็ไม่ได้ปิดบังอีก
ประเสริฐตะลึงราวกับถูกโชคหล่นทับ เดินไปเดินมาอยู่ในห้องหนังสือ ใบหน้าก็เผยสีหน้ายินดีปรีดาออกมา “จริงหรอ? ปู่จะได้มีเหลนแล้ว? เช่นนั้นก็ไม่สามารถยืดเวลาออกไปได้อีก รีบจัดงานแต่งงานให้เรียบร้อย ทุกคนจะได้สบายใจ พรุ่งนี้ปู่จะไปปรึกษากับจันทร์”
“รอก่อนครับ คุณปู่อย่าเพิ่งบอก”
ประเสริฐขมวดคิ้ว “ณิชาท้องเป็นเรื่องน่ายินดี พวกหลานวางแผนจะไม่บอกจันทร์หรอ”
“คุณปู่ลืมโรคทางพันธุกรรมไปแล้วหรอครับ” เวธัสเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา คล้ายกับสาดน้ำเย็นดับเลือดร้อนที่เดือดปุดๆอยู่ในร่างกาย ประเสริฐ
ความยินดีในตอนแรกค่อยๆจางหายไป และถูกแทนที่ด้วยความกังวลอย่างสุดซึ้ง
ก็จริง ถ้าหากว่าเด็กคนนี้ไม่แข็งแรง ถึงตอนนั้นเป็นไปได้มากว่าจะเก็บเอาไว้ไม่ได้ ถึงแม้ว่าจะเก็บเอาไว้ ก็มีแต่จะทำให้ณิชาเจ็บปวด
ให้ความหวังกับจันทร์ และทำให้เธอสิ้นหวัง เช่นนั้นสู้ไม่บอกเธอแต่แรกเสียดีกว่า
ประเสริฐทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้อย่างหงุดหงิด สายตาอึมครึม ยิ้มเยาะตัวเอง “ใช่แล้ว ปู่จะลืมเชื้อไวรัสพวกนั้นได้ยังไง อย่างนั้นแกก็รีบตรวจภูมิต้านทานให้ณิชากับลูกในท้องเธอเลย ดูสิว่าเด็กแข็งแรงหรือเปล่า”
“ไม่ต้องให้คุณปู่บอกหรอกครับ ผมให้กณิศไปวิเคราะห์แล้ว แต่ระยะเวลาที่ณิชาตั้งครรภ์สั้นไป ไม่ถึงสามเดือน ผลที่ได้จากการตรวจอาจจะไม่ได้แม่นยำ100%”
ระหว่างที่พูด แรงบีบโทรศัพท์มือถือของเวธัสก็เพิ่มขึ้นทันที
ความจริงแล้วปัณณ์กับอรัลก็เป็นพรจากพระเจ้าแล้ว เขาไม่ควรโลภเกินไป
ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร เขาก็ต้องเยือกเย็น เพียงแต่เส้นเอ็นที่ปูดขึ้นมาข้างขมับยังคงเผยให้ความจริงจังของเขาในตอนนี้
ประเสริฐทอดถอนใจด้วยความโศกเศร้าอีกครั้ง “ล้วนโทษปู่ ถ้าปีนั้นปู่รอบคอบสักหน่อย หรือรีบจัดการผู้หญิงคนนั้นแต่เนิ่นๆ ในภายหลังก็คงจะไม่มีการส่งต่อเชื้อไวรัสทางพันธุกรรมแล้ว”
…
เจนนี่ถูกชาลีเคี่ยวกรำตลอดช่วงบ่าย กลางคืนจึงเหนื่อยจนกระทั่งมือก็ไม่อยากจะยกขึ้น
ศิริจันทร์นึกว่าเจนนี่ง่วงนอน จึงไม่ได้ตะโกนเรียกเธอลงมากินข้าว เพียงแค่กำชับทางห้องครัวให้เตรียมซุปบำรุงสุขภาพที่หญิงตั้งครรภ์สามารถกินได้ และให้ชาลียกขึ้นไปให้เจนนี่
เมื่อชาลีกลับมาถึงห้องในตอนดึก เจนนี่ก็ม้วนผ้าห่มนอนหลับสนิทอยู่ ริมฝีปากนุ่มละมุนเดี๋ยวอ้าเดี๋ยวหุบ ปลดปล่อยแรงดึงดูดอันน่าหลงใหลออกมาโดยไม่รู้ตัว
ชาลียื่นมือไปกระตุกมุมผ้าห่มเธอ “ลุกขึ้นมาดื่มน้ำแกงสักหน่อย จากนั้นก็อาบน้ำก่อนแล้วค่อยนอน”
“ตอนนี้ฉันอยากนอนอย่างเดียว” ขณะที่งัวเงีย เจนนี่ก็เห็นใบหน้าหล่อเหลาของชาลี จึงเอ่ยพึมพำเสียงเบา
ระหว่างที่พูด ก็กางแขนสองข้างออกมาจากผ้าห่ม หัวไหล่ที่มีรอยจูบสีชมพูบ่งบอกความบ้าคลั่งในตอนบ่ายของพวกเขา ชาลีเกือบจะเกิดความปรารถนาขึ้นมาในเสี้ยวพริบตา…
แต่ทรมานนานมากพอแล้ว ถ้ายังทำต่อไปอีก คาดว่าพรุ่งนี้เธอต้องประท้วงแน่ๆ
ชาลีจึงอุ้มเธอไปห้องอาบน้ำแล้วอาบน้ำให้เธอเสียเลย
แม้ว่าชาลีจะไม่ได้เป็นโรครักษาความสะอาดขั้นรุนแรงเหมือนกับเวธัส แต่ก็ไม่อาจอดทนนอนหลับโดยไม่อาบน้ำทั้งที่เหงื่อท่วมตัวได้ เจนนี่ลืมตาไม่ขึ้นจริงๆจึงปล่อยให้ชาลีปรนนิบัติไป
ภายใต้แสงไฟ ชาลีเห็นร่องรอยสีกุหลาบเข้ามาแทนสีขาวแล้ว ก็เกิดความรู้สึกภาคภูมิใจในตัวเอง
สำหรับผู้หญิงคนอื่น เขาทิ้งร่องรอยไว้บนร่างกายพวกเธอน้อยมาก แต่เจนนี่ไม่เหมือนกัน เขาจ้องมองใบหน้าราวกับตุ๊กตาของเธอ และมีความคิดบ้าคลั่งอย่างการประทับตราไปทั่วร่างของเธอ!
เป็นเพราะช่วงนี้เขามักจะอยู่เป็นเพื่อนเจนนี่บ่อยๆ ดังนั้นสติปัญญาจึงได้รับผลกระทบจากเธอ
ถึงกับมีความคิดโรคจิตแบบนี้…
ชาลีตัวสั่นสะท้านไปครู่หนึ่ง เขารีบอาบน้ำให้เธอจนเสร็จแล้วโยนกลับไปที่เตียงใหญ่
ชาลีท่องบทสวดมนต์มหากรุณาธารณีสูตรไปสามรอบ ถึงได้เลิกผ้าห่มขึ้นแล้วสอดตัวเข้าไป
เขาเพิ่งจะหลับตาและค่อยๆเข้าสู่ห้วงแห่งความฝัน จู่ๆเท้าขาวเนียนข้างหนึ่งก็พาดลงบนหัวเข่าของเขา ลมหายใจของชาลีกระชั้นถี่ทันที
เขาวางแผนจะปล่อยเธอไปแล้ว เธอยังคิดจะยั่วยวนเขาอีก?
ดูท่าจะยังยอดเยี่ยมสู้ธัสไม่ได้...
เช้าตรู่ ณิชานอนตื่นสาย รู้สึกได้ว่าข้างหูมีเสียงขาดๆหายๆดังไม่หยุด เหมือนกับเตือนว่าเธอควรจะตื่นนอนได้แล้ว แต่เธอไม่เพียงแต่ไม่ตื่น ยังจะฝันร้ายตื่นหนึ่งด้วย
ในฝันนั้นร่างของเธอติดอยู่ในถ้ำอสรพิษที่เต็มไปด้วยเลือด มีงูนับไม่ถ้วนแลบลิ้นออกมาแล้ววนอยู่รอบตัวเธอ...
คล้ายกับว่าสามารถอ้าปากกลืนเธอเข้าไปอย่างโหดเหี้ยมได้ตลอดเวลา!
เธอตกใจกลัว วิ่งไปทางที่มีแสงสว่างไม่หยุด นึกว่าวิ่งไปถึงสถานที่ที่มีแสงสว่างแล้วจะสามารถหนีออกไปจากถ้ำอสรพิษน่าตายแห่งนี้ได้ แต่เมื่อผลักประตูให้เปิดออก กลับเห็นใบหน้าทะมึนของเวธัส
ทันใดนั้นเขาก็บีบเข้าที่คอของเธอ ข่มขู่เธอว่าต้องเอาเด็กออก ไม่อย่างนั้นจะโยนเธอกลับไปในถ้ำอสรพิษ...
เธอขอร้องเขาสุดชีวิต บอกว่าเด็กคนนี้เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเขา แต่เวธัสไม่ฟัง ขณะที่ถกเถียงกัน งูตัวหนึ่งก็พันเข้าที่รอบคอเธอกะทันหัน เธอจึงตกใจตื่นทันที...
“หม่ามี๊ ในที่สุดหม่ามี๊ก็ตื่นแล้ว? ข้างนอกหิมะตกหนักแล้ว หม่ามี๊รับปากว่าจะปั้นตุ๊กตาหิมะเป็นเพื่อนผม” ในมือปัณณ์กำลังถือตุ๊กตาผ้าตัวเล็กขนปุยตัวหนึ่ง ขณะถูไปที่ลำคอของเธอเบาๆ นัยน์ตาเป็นประกายระยิบระยับคู่นั้นเต็มไปด้วยความคาดหวัง
ณิชาหันหน้าไปมองนอกหน้าต่าง แสงยามเช้าสว่างจ้าแล้ว...
ที่แท้ก็เป็นความฝัน!
ทำไมถึงได้ฝันร้ายแปลกๆแบบนี้กัน?
หรือว่าจะเป็นลางบอกเหตุอะไรรึเปล่า?
ไม่ ความฝันกับความจริงล้วนตรงข้ามกัน
เวธัสรักเธอกับลูกขนาดนั้น เป็นไปไม่ได้เด็ดขาดที่จะบังคับให้เธอทำแท้งลูก!
พวกเขาครอบครัวห้าคนจะปลอดภัยและมีความสุข
“หม่ามี๊หลับไปนานมากหรอจ๊ะ”
“นิดหน่อยครับ ตอนนี้สิบโมงครึ่ง” อรัลกางหลังมือ นาฬิกาข้อมือเด็กสุดเท่ห์สีดำเรือนหนึ่ง และยังมีมือเล็กๆของเขา แม้ว่าตอนนี้จะเกลี้ยงเกลา แต่ข้อต่อกระดูกชัดเจนมาก
จินตนาการได้ไม่ยากเลยว่า หลังจากเติบโตจะต้องมีมือที่สวยเหมือนกับเวธัสแน่นอน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กามเทพน้อยสานรักของแด๊ดดี๊หม่ามี๊
ตอน571-670หายไปไหนคะ ต้องทำไงถึงจะอ่านตอนที่ขาดไปได้...