“ม๊า สวัสดีครับ”
หญิงสูงวัยหันมามองเมื่อได้ยินเสียงลูกชายคนเดียวเดินเข้ามาในบ้าน
“อ้าวนัท วันนี้นอนบ้านเหรอลูก”
ณัฐนันท์วางของฝากลงบนโต๊ะ เขาเพิ่งออกจากคอนโดของพริมาแล้วนั่งแท็กซี่มาเอารถที่บ้าน รู้สึกห่อเหี่ยวในใจและเหนื่อยใจแปลกๆเมื่อนึกถึงพัลลภา ไม่รู้ตอนนี้เธอจะเป็นยังไงบ้าง อยากจะโทรหาแต่เขายังนึกคำแก้ตัวไม่ออก
"เปล่าหรอกม๊า นัทมาเอารถ”
ม๊าของณัฐนันท์มองอย่างสงสัยเอารถอะไร
“มาขอยืมรถไปใช้หน่อย พอดีเอารถไปเข้าอู่”
ไม่ได้บอกว่ารถของใคร ขี้เกียจตอบคำถาม
“รถเป็นอะไรล่ะลูก”
“ทำสีเคลมประกันครับ เป็นรอยนิดหน่อย”
เขาตอบออกไปให้สั้นที่สุด
“แล้วนั่นอะไร”
นางชี้ไปที่ของมากมายที่ลูกชายวางเอาไว้
“พวกกุ้งปลาหมึกตากแห้ง แล้วก็ทุเรียนทอดน่ะม๊า เจ้เขาอยากกินเลยซื้อมาฝาก แล้วนี่ เจ้ไปไหน”
ป๊าของเขาออกไปงานเลี้ยงที่บริษัทจำหน่ายยางรถยนต์จัดขึ้น บ้านของเขาทำธุรกิจเป็นเอเจนท์จำหน่ายยางรถยนต์ยี่ห้อดังมีหลายสาขาทั่วกรุงเทพ
ส่วนพี่เขยแวะไปดูร้านแทนพี่สาวในช่วงนี้
“อ้อที่บอกว่าไปเสม็ดกับเพื่อนมาใช่ไหม สนุกหรือเปล่า”
เขาทรุดตัวลงนั่งที่โซฟา พยักหน้ารับ
“ก็ดีครับ เออม๊าวันศุกร์นัทจะไปสิงคโปร์นะม๊าอยากได้อะไรไหม”
ม๊าหันมามองหน้า
“ไปทำอะไรเหรอ”
นางถามลูกชายอย่างแปลกใจ
“เพื่อนชวนไปเที่ยว”
ณัฐนันท์ตอบสั้นๆเสมองโทรศัพท์ในมือไม่ยอมสบตามารดา
“เพื่อนหรือสาวเอาดีดี”
คนถามไม่ใช่ม๊าแต่เป็นพี่สาวที่เดินลงมาจากชั้นสอง ณัฐนันท์ส่ายหน้ายิ้มๆ ไม่ยอมตอบ
“แหนะ อีท่านี้สาวแหงๆเลยม๊า”
“เฮ้อ มีอะไรปิดเจ้ได้บ้างเนี่ย เออเจ้ นัทเอาแคมรี่ไปใช้นะ พอดีเอารถไปเข้าอู่”
เจ้นกหรี่ตามอง
“รถเป็นอะไร”
“ทำสี”
เขาตอบสั้นๆแบบที่ตอบม๊า แต่เจ้ผู้รู้จักน้องชายดีก็หัวเราะออกมา
“ขับรถดีอย่างนัทเนี่ยเหรอ ที่ยอมให้ลูกรักเป็นรอย”
ณัฐนันท์ถอนหายใจออกมา
“รู้ทันตลอดเลยนะเจ้เนี่ย”
เจ้นกหัวเราะเบาๆ หยิบขนมที่น้องซื้อมา ขึ้นมากิน
“ม๊ากินด้วยกันไหม”
“มักน้อยจริงน้องรัก งั้นเอาบีเอ็มเจ้ไปใช้ไหม”
ณัฐนันท์ส่ายหัวอีก
“ไม่เอาดีกว่า เอาแคมรี่แล้วกัน”
เมื่อน้องชายปฏิเสธพี่สาวก็ไม่ว่าอะไร นั่งกินทุเรียนทอดอย่างเอร็ดอร่อย ช่วงนี้ไม่แพ้ท้องแล้ว อาการดีขึ้นมากเริ่มกินโน่นกินนี่ได้แล้ว
ณัฐนันท์นั่งจองตั๋วเครื่องบินตามไฟล์ทที่พริมาส่งให้ จองไม่นานก็เสร็จ เขาส่งใบคอนเฟิร์มตั๋วไปให้พริมาดู เธอจะได้สบายใจว่าเขาไปด้วยแน่ๆ
หลังจากนั้นก็คุยกับพี่สาวและมารดาอีกสักพักก่อนจะขอตัวกลับ
พัลลภานั่งดูรูปในโทรศัพท์อยู่บนเตียงเป็นรูปในตอนที่เธอไปเที่ยวเสม็ด มีภาพที่เธอถ่ายคู่กับณัฐนันท์อยู่หลายภาพ แต่ละภาพเธอยิ้มกว้างประกายตาแวววาว ดูก็รู้ว่ามีความรัก
แต่กับเขาเธอไม่รู้จริงๆว่าความรู้สึกที่มีต่อกันมันลึกซึ้งแบบที่เธอรู้สึกไหม คำว่ารักจากเขาทำไมมันถึงแห้งแล้งขนาดนั้น เหมือนคำโกหกหลอกลวง
แค่แยกห่างกันไม่กี่ชั่วโมงเขาก็ไปกับคนอื่น รุ่นพี่อะไรถึงหยอกล้อเล่นหัวยิ้มแย้มจูงมือกันขนาดนั้น ทั้งๆที่ตอนอยู่กับเธอยังดูเหนื่อยดูเพลียอยู่เลย
และนี่ก็จะสี่ทุ่มแล้ว เธอโทรหาเขาตั้งหลายรอบอยากคุยให้รู้เรื่อง เขาก็ไม่ยอมรับสายแถมปิดเครื่องอีกด้วย คนที่เพิ่งมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกัน แล้วต้องมาเจออะไรแบบนี้มันเจ็บ
ความน้อยใจเสียใจผิดหวังกำลังกัดกร่อนจิตใจของเธอ มันทรมานจนทำให้คนที่เพิ่งมีความรัก ถึงกับนอนไม่หลับ
เธอเข้าแอปพลิเคชันเฟซบุ๊กแล้วโพสต์ข้อความลงไป
I Used to be strong until I met you.
(ฉันเคยเข้มแข็งมาตลอด จนกระทั่งพบคุณ)
เธอนั่งเหงาๆมองดูคนที่เข้ามาคอมเมนต์มากมาย แต่คนที่เธออยากจะให้เขาเห็นข้อความก็ไม่มีแม้สักคอมเมนต์
Tinnapop Civil เข้ามาคอมเมนต์
‘เป็นอะไรครับคนเก่ง ใครทำอะไรเพิร์ลบอกพี่เดี๋ยวพี่จัดการให้ น้องเพิร์ลคนโปรดเข้มแข็งอยู่แล้ว สู้ๆนะครับ’
มีแต่ข้อความของเพื่อนเขา แต่ไม่มีการติดต่อจากเขา เธอเจ็บปวด เจ็บปวดที่เขามีคนอื่นนอกจากเธอ เจ็บที่เป็นคนมาทีหลังทุกอย่างมันชัดเจนขนาดนั้นมันคิดเป็นอื่นไม่ได้เลย แม้จะเจ็บแม้จะเสียใจ แต่ในใจลึกๆก็คาดหวังการติดต่อจากเขา เธออยากได้คำอธิบายที่พอจะให้เธอเชื่อได้ เธอไม่อยากอยู่กับความรู้สึกนี้ มันเหมือนใจจะขาด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ของตายคนโปรด My Deceitful Lover