ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่ นิยาย บท 1298

“ระวังนะ!” นานาโกะนอกจากจะมองเย่เทียนแล้วก็ไม่มองคนอื่นอีกเลย เธอพยักหน้าต่อเย่เทียน จากนั้นก็เดินไปยังที่นั่งของผู้ชมด้วยสีหน้าอ่อนโยน

เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ไม่ว่ายังไงก็ไม่มีประโยชน์แล้วล่ะ

ถึงแม้วันนี้เย่เทียนจะแพ้ นานาโกะยังคงมั่นใจว่าจะทำให้ตระกูลเจริญได้ นี่ก็คือความมั่นใจของผู้แข็งแกร่ง

อีกอย่าง ใครว่าเย่เทียนจะแพ้ล่ะ?

“เอาล่ะ!ท่านี้ฉันไม่เชื่อว่าจะมีคนรับมันได้ เย่ซัง เชิญ!” อาเบะ ฮิเดะหรี่ตาลง จากนั้นทั้งสามก็พุ่งตรงมาพร้อมกัน

พลังนั้นแข็งแกร่งราวกับกระบี่ ตัดพลังที่เย่เทียนสร้างขึ้นมากลายเป็นรู

จากนั้นกระบี่ในมือของทั้งสามก็สั่นไม่หยุด ถึงแม้จะยังอยู่ในปลอก แต่ความเฉียบคมนั้นไม่อาจปกปิดมันได้เลย

สีหน้าของเย่เทียนไม่เปลี่ยนไปเลย แต่ถือกระบี่วิญญาณแดงแน่นมากขึ้นเล็กน้อย

กระบวนท่าโจมตีของกระบี่ที่เย่เทียนเชี่ยวชาญจริงๆมีแค่ท่าเดียวคือ ฟันทะลุ

ฟันทะลุไม่มีกลยุทธ์กระบี่ที่หรูหราสง่างามอะไร แต่กลับเปลี่ยนได้เป็นพันหมื่น เจอแกร่งก็จะแกร่ง เจออ่อนก็จะอ่อนไปตามๆกัน นั่นก็หมายความว่ากระบี่นี้ไม่ใช่กระบี่ธรรมดา

ตั้งแต่เข้าใจและเรียนรู้ในการฟันทะลุแล้ว เย่เทียนก็มักจะรู้สึกมันยังไม่สมบูรณ์

แต่น่าเสียดาย คนที่จะให้เขาใช้กระบี่ได้นั้นน้อยมาก ก่อนหน้านี้คนพวกนั้นไม่จำเป็นต้องให้เขาใช้กระบี่ด้วยซ้ำ และไม่จำเป็นต้องใช้ท่าฟันทะลุเลยด้วย

แต่สถานการณ์ตรงหน้าแตกต่างกันออกไป

ปรมาจารย์กระบี่ทั้งสามท่านถึงแม้จะมีท่าเหมือนกัน แต่พลังกระบี่ที่แผ่ซ่านออกมากลับไม่เหมือนกัน

กระบี่ของอาเบะ ฮิเดะค่อนข้างเป็นธรรมชาติ โอดะ เคซาโอะให้ความสำคัญกับพลังของกระบี่ที่แผ่ออกมาเรื่อยๆไม่หยุด และไทเซ โชชูก็ดูแปลกและเปลี่ยนแปลงไม่หยุด

สไตล์ของทั้งสามคน ถ้าคัดออกมาเดี่ยวๆก็ให้ความรู้สึกยากที่จะจัดการแล้ว แต่สไตล์ทั้งสามคนผสมผสานกันได้อย่างน่าประหลาดในเวลานี้

จนทำให้เขาชักกระบี่ออกมาช้าๆต่อหน้าปรมาจารย์กระบี่ทั้งสามท่าน

ปลายกระบี่ที่ชี้ไปก็ต้องเป็นเย่เทียนอยู่แล้ว

สีหน้าของเย่เทียนเข้มงวดมากขึ้น นี่ไม่ใช่เรื่องการหนึ่งบวกหนึ่งแล้วได้สองง่ายๆแล้ว หลังจากทั้งสามรวมพลังกัน พลังของพวกเขาก็มากพอที่จะฆ่าล้างทุกสิ่งได้

ราวกับเป็นเม่นที่รอบกายเต็มไปด้วยหนามจนไม่ผู้คนไม่อาจเข้าใกล้ได้

การปะทะกันระหว่างพลังก็เหมือนการปะทะกันทางจิตใจ ฟันทะลุก็เป็นการฟันเข้าจิตใจของอีกฝ่าย!

“ไม่เลวเลย!เป็นกระบี่ที่น่าสนใจมาก!”

แม้แต่ตัวเย่เทียนเองก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อยที่ต้องปะทะกับการโจมตีแบบนี้ ไม่ว่ายังไงสามคนนี้ก็มีสิทธิ์ที่จะให้เขาชักดาบออกมา

“ฟู่!”

เย่เทียนถอนหายใจเบาๆ จากนั้นก็หลับตาลงช้าๆ

ตอนนี้ความคิดของเขากลายเป็นมือนับพันหมื่น พุ่งตรงไปยังกระบี่ที่วาดออกมา

ทุกครั้งที่มือจะจับโดนกระบี่ก็จะถูกพลังของกระบี่ทำให้แตกสลาย แต่เย่เทียนกลับไม่หยุดลง และจับอย่างรวดเร็วโดยไม่รู้จักเหนื่อย พยายามเข้าใจและวิเคราะห์ในกระบวนการนี้ไม่หยุด

“รวมพลัง พิฆาตฟ้า!”

ปรมาจารย์กระบี่ทั้งสามตะโกนพร้อมกัน กระบี่ที่วาดออกมาแทบจะไม่แตกต่างจากของจริงเลย พุ่งไปยังเย่เทียนอย่างรวดเร็ว

และในตอนที่กระบี่จะกระทบกัน เย่เทียนก็ลืมตาขึ้นและแสยะยิ้มมุมปาก

“สิ่งเดียวที่น่าเสียดายคือทั้งสามคนรวมพลังเป็นหนึ่งเดียวไม่ได้ วันนี้ฉันจะทำให้เห็นว่าอะไรคือกีฬาดาบที่แท้จริง!”

เย่เทียนยกมือขึ้นอย่างเชื่องช้า ดาบวิญญาณแดงวาดเส้นโค้งที่งดงามออกมา

แต่ที่น่าแปลกคือ ท่าทีของเย่เทียนช้ามาก แต่ดาบวิญญาณแดงกลายเป็นภาพลวงนับไม่ถ้วน สุดท้ายกลับกลายเป็นพัดทรงกลม กระทบเข้ากับกระบี่ที่บินมาเข้าอย่างจัง

เสียงถอนหายใจอย่างเหนื่อยใจดังขึ้น มีความปลงและผ่อนคลาย

ปรมาจารย์กระบี่สามคนแทบจะก้มหัวคำนับเขาพร้อมๆกัน จากนั้นก็กระอักเลือดออกมา สีหน้าซีดเซียวลง

ความตายล้อมตัวพวกเขาไว้ เห็นได้ชัดว่าอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว

“ได้เห็นกีฬาดาบที่บริสุทธิ์แบบนี้ก่อนตายก็คุ้มแล้วล่ะ!”

“เย่ซังมีความสามารถจริงๆ กบในกะลาอย่างพวกเราต้องขออภัยด้วย!”

“ช่างเถอะๆ การได้เป็นนักพรตในชีวิตนี้ก็ถือว่าสมบูรณ์แล้วล่ะ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ฮิกะชิคาวาก็มีทิศทางการก้าวหน้า”

ปรมาจารย์กระบี่สามท่านออกมาแบบอกผายไหล่ผึ่งแต่กลับไปอย่างเศร้าสลด

เป็นนักบู๊ด้วยกัน ตอนนี้กลับดูโดดเดี่ยวที่อ้างว้างมาก ทุกคนที่อยู่ในสนามต่างก็โศกเศร้าอย่างเลี่ยงไม่ได้

“ฝีมือของเย่ซังช่างน่าตกตะลึงเหลือเกิน!” โอฮาระ ฟุคุริตบมือ เดินเข้ามาหาเย่เทียนช้าๆ คนที่อยู่ข้างเขาคือคาวาอิยู ไม่พูดอะไรเลย ไม่มีความอวดดีเหมือนตอนแรก มีแต่เพียงความหวาดกลัวและระมัดระวัง

ยากมากที่จะเห็นคาวาอิยูเป็นแบบนี้

“โอฮาระ ให้พวกเราออกโรงก่อนเถอะ!”

ตรงหน้าโอฮาระ ฟุคุริมีผู้อาวุโสปรากฏขึ้นสามคน ดูแก่กว่าปรมาจารย์กระบี่สามคนเมื่อกี้มาก แต่ลมหายใจของพวกเขายาวกว่ามาก เพราะยังไงก็เป็นองเมียวจิ ถึงภายนอกจะดูแก่ แต่ร่างกายกลับแข็งแรงเหมือนคนหนุ่ม

โอฮาระ ฟุคุริอึ้ง แต่กลับส่ายหน้า “นี่เป็นชะตาของสำนักเรา ยิ่งไปกว่านั้นถ้าพวกเราไม่ชนะ ถึงพวกท่านไปก็ไม่ประโยชน์อยู่ดี”

“อยู่ดูแลพวกองเมียวจิให้ดีดีกว่า เหลือผู้สืบทอดองเมียวจิไว้บ้าง”

คำพูดของโอฮาระ ฟุคุริไม่น่าฟังเท่าไร แทบจะชี้หน้าด่าพวกเขาว่าเป็นพวกไร้ประโยชน์แล้ว

แต่ก็ไม่มีใครกล้าตอบโต้ จึงต้องทำความเคารพโอฮาระ ฟุคุริ และยังเป็นการทำความเคารพขั้นสูงสุดขององเมียวจิ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่