ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่ นิยาย บท 756

“ฉันกู่หงเลี่ยงเป็นคนใจกว้าง ขอเพียงแค่แกคุกเข่าโขลกศีรษะยอมรับผิด และต่อไปก็ทำงานให้กับฉัน ฉันไม่ให้แกชดใช้เงินก็ได้!”

คำพูดที่คิดเข้าข้างตัวเองของกู่หงเลี่ยงแผ่ซ่านเข้ามาในหู เย่เทียนหัวเราะออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ทันที มองไปยังกู่หงเลี่ยง ราวกับว่ามองไอ้โง่ยังไงอย่างนั้น พูดอย่างดูถูกว่า : “ยังอยากให้ฉันคุกเข่าโขลกศีรษะขอโทษแก?แกคิดว่าแกมีสิทธิ์นั่นเหรอ?”

“ฉันมีสิทธิ์นั้นอยู่แล้ว เพราะว่า……”

กู่หงเลี่ยงสีหน้าท่าทางเย็นชา พูดเสียงดังก้องว่า : “ถ้าหากแกไม่คุกเข่าลง ฉันรับรองเลยว่าจะให้คนหักขาแกทั้งสองข้าง ทำให้ชีวิตหลังจากนี้ของแกต้องนั่งอยู่บนรถเข็นเท่านั้น!”

“งั้นเหรอ?งั้นฉันกลับว่าอยากจะดู แกจะให้คนมาหักขาทั้งสองข้างของฉันยังไง!”

เย่เทียนยิ้มเยาะอย่างไม่หยุดหย่อน พูดอย่างดูถูกว่า : “คนอย่างแก อย่าว่าแต่ให้ฉันคุกเข่าลงเลย หากแกคุกเข่าลงตรงหน้าฉัน ฉันก็อับอาย!”

“แม่ง ดูเหมือนว่าแกไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา!”

มุมตาของกู่หงเลี่ยงกระตุกเล็กน้อย สีหน้าเปลี่ยนเป็นอึมครึมโดยสิ้นเชิง ขี้เกียจจะยืดเยื้อกับเย่เทียนต่อไปอีก มือใหญ่ๆโบกลง พูดสั่งว่า : “ต้าเปียว แกเข้ามาได้แล้ว!ก็ทำตามที่ฉันพูดก่อนหน้านี้ ขาดไปหนึ่งแสนก็สับหนึ่งนิ้ว!ไม่ใช่ ไม่ใช่ขาดไปหนึ่งแสน ขาดไปแม้แต่สตางค์เดียวก็สับเขาเลย!”

ถูกเย่เทียนถีบสองครั้งอย่างต่อเนื่อง เดิมทีในใจของต้าเปียวก็อัดอั้นความโกรธไว้อยู่แล้ว ตอนนี้ได้รับสัญญาณจากกู่หงเลี่ยงจะอดทนไว้ได้ยังไง พูดออกคำสั่งอย่างโหดเหี้ยม : “มัวแต่ยืนอึ้งกันอยู่ทำไม?บุกขึ้นไปให้หมด สั่งสอนไอ้หมอนี่ให้ฉันสักยก ถ้าหากเขาไม่เอาเงินออกมา ก็ทำตามที่คุณชายกู่พูด !”

“เข้าใจครับ!”

เมื่อออกคำสั่ง ก็มีไอ้สารเลวสามคนกระโจนเข้าใส่เย่เทียนอย่างยิ้มเยาะทันที

แววตาสีดำเข้มคู่นั้นของเย่เทียนมีความเยือกเย็นวาบผ่านไป จะเห็นไอ้กุ๊ยกลุ่มนี้อยู่ในสายตาได้ที่ไหนล่ะ ในเวลานี้ไม่ถอยหนีแต่กลับว่าก้าวขึ้นไปเลย ตบเข้าไปที่หน้าไอ้สารเลวสองคนที่วิ่งเข้ามาก่อนดังเปรี๊ยะๆสองฉาดเลย

ไอ้กุ๊ยสองคนผู้น่าสงสารนั่น ถูกเย่เทียนฟาดจนหมุนติ้วอยู่กับที่เลย หลังจากที่หมุน5-6รอบ ถึงได้ล้มลงกับพื้นอย่างสุดที่จนทน เพียงแค่รู้สึกเวียนหัว ในช่วงเวลาสั้นๆนี้อย่าได้คิดที่จะลุกขึ้นอีกเลย

ไอ้กุ๊ยที่เหลือนั้นยิ่งอนาถ เย่เทียนถีบออกอย่างรุนแรงสุดกำลังแล้ว เสียงดังปังทิ้งรอยเท้าขนาด42นิ้วไว้ที่หน้าอกของเขา

ไอ้กุ๊ยนั่นอดไม่ได้กรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ตัวลอยขึ้นบนอากาศอย่างควบคุมไม่ได้ คุกเข่าสองข้างลงกับพื้นอย่างหนักหน่วงทันที เขาเจ็บปวดจนน้ำหูน้ำตาไหลออกมาหมดแล้ว ตกตะลึงไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้อีก

ตั้งแต่สามคนนี้กระโจนเข้ามา และล้มลงกับพื้นสูญเสียพลังกำลังในการต่อสู้ ก็เป็นเพียงแค่ระยะเวลาเพียงแค่สิบวินาทีสั้นๆเท่านั้น

และเมื่อมองไปยังเย่เทียนเพียงแค่ยืนอยู่ที่เดิมเหมือนว่าทำเรื่องเล็กน้อยจิ๊บจ๊อยยังไงอย่างนั้น พวกกุ๊ยเบิกตามองกว้าง คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นแบบนี้ได้โดยสิ้นเชิง

ตกตะลึง!

แม้แต่ฝูงชนที่ล้อมดูอย่างครึกครื้นก็ยังมีสีหน้าที่ตกตะลึงเลย เดิมทีพวกเขายังคิดว่าเย่เทียนต้องตายแน่ๆ คิดไม่ถึงว่าเรื่องราวมันจะผกผันมากเช่นนี้ ยิ่งไปกว่านั้นก็คิดไม่ถึงเลยว่าเย่เทียนที่ดูเหมือนธรรมดาๆจะสุดยอดเช่นนี้

สีหน้าของต้าเปียวดูแย่อย่างมากทันที คิดไม่ถึงว่าคนของตัวเองจะถูกเย่เทียนจัดการได้ง่ายดายเช่นนี้ ถ้าหากวันนี้จัดการเย่เทียนไม่ได้ เขาจะมีหน้าอยู่ต่อไปได้ยังไง ?

แต่ว่า ต้าเปียก็รู้ดีมาก เย่เทียนไม่ได้จัดการได้ง่ายอย่างที่คิดไว้ขนาดนั้น ครั้งนี้เกรงว่าจะเจอคนที่สุดยอดเข้าแล้ว

คิดมาถึงตรงนี้ต้าเปียวก็หรี่ตาลงเล็กน้อย ยกมือขึ้นให้สัญญาณอีกครั้ง พวกกุ๊ยที่อยู่ในที่เกิดเหตุจำนวนมากต่างก็ก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว

สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ในมือของพวกเขายังมีอาวุธอีกด้วย!

“เด็กน้อย อย่าคิดว่าแกแตะต่อยเป็นกังฟูนิดหน่อยแล้วจะทำตามอำเภอใจได้นะ ”

“ใช่ แกแม่งยังกล้าตอบโต้อีก ดูว่าพวกเราจะจัดการกับแกยังไง!”

สายตาของเย่เทียนกวาดมองไปยังพวกกุ๊ยอีกครึ่งหนึ่งที่ยังยืนอยู่นั่นอย่างหยอกล้อ มุมปากเผยรอยยิ้มที่เยาะเย้ยออกมา “ทำไม?ไม่เข้ามาต่อแล้วเหรอ?”

ไอ้กุ๊ยอีกครึ่งหนึ่งที่ยังยืนอยู่นั่นตกใจกับพละกำลังการต่อสู้ที่น่าทึ่งของเย่เทียนตั้งนานแล้ว ไม่ว่าสายตาของเย่เทียนจะส่องไปบนตัวของใคร ไอ้กุ๊ยคนนั้นก็จะก้มศีรษะลงเลยไม่กล้าสบตากับเย่เทียนเลยด้วยซ้ำ บางคนถึงขั้นกับถอยลงไปก้าวหนึ่งทันที แสดงให้เห็นว่าเย่เทียนมีความน่ากลัวมากแค่ไหน

เย่เทียนเห็นแบบนี้ แววตาสีดำเข้มคู่นั้นเผยความดูถูกออกมา เขาตบๆเสื้อผ้าด้วยสีหน้าท่าทางที่ผ่อนคลาย หลังจากที่ตบๆฝุ่นที่มองไม่เห็นได้ด้วยตาเปล่าเรียบร้อยแล้ว เขาถึงกวาดสายตามองไปที่ต้าเปียวเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้มแล้ว

“จุ๊ๆ ลูกสมุนกลุ่มนี้ของแกอ่อนมากจริงๆ เป็นแบบนี้แล้วยังคิดจะจัดการฉัน ไร้สาระเหมือนกับการเพ้อฝันของคนปัญญาอ่อนอย่างไม่ต้องสงสัย !”

คำเยาะเย้ยของเย่เทียนแผ่ซ่านเข้ามาในหู ใบหน้าแก่ๆที่หยาบกระด้างของต้าเปียวแดงก่ำขึ้นมาทันที ในใจตกใจอย่างมาก

มองจากทักษะที่เย่เทียนแสดงออกมา เกรงว่าต่อให้คนมาอีกเป็นสองเท่าตัวก็ไม่สามารถสู้ชนะเย่เทียนได้!

ในเวลานี้ ในใจของเขาอดไม่ได้ที่จะหวาดกลัวขึ้นมานิดหน่อยแล้ว

กู่หงเลี่ยงเร่งอย่างร้อนใจ เขาก็พาลูกน้องมาเกือบ 20คนเท่านั้น ตอนนี้เพียงแค่ไม่กี่นาทีก็ถูกเย่เทียนจัดการล้มนอนคว่ำหน้าครึ่งหนึ่งแล้ว เขาจะไม่กลัวได้ที่ไหนกันล่ะ?

หางตามองไปยังกู่หงเลี่ยงที่อยู่ข้างๆที่สีหน้าเคร่งขรึมไม่ต่างกัน ตอนนี้ต้าเปียวไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี

และในเวลานี้ เกิดเสียงดังอึกทึกขึ้นมาในกลุ่มชาวเผือกที่ล้อมดูอย่างฉับพลัน ทันใดนั้นก็เกิดความโกลาหลเพียงช่วงเวลาสั้นๆทันที

เพียงประเดี๋ยวเดียว ในกลุ่มคนที่ล้อมดูเบียดเสียดออกมาเป็นถนนเส้นหนึ่ง ชายรูปร่างสูงใหญ่และแข็งแรงสามสิบกว่าคนบุกเข้ามาแล้ว คนที่นำมานอกจากเหลยเหลาหู่แล้วยังจะเป็นใครได้อีก?

เหลยเหลาหู่วิ่งมาตรงหน้าของเย่เทียนอย่างเป็นกังวลอย่างมาก หลังจากที่เห็นว่าเย่เทียนไม่ได้บาดเจ็บอะไร ถึงได้หันหน้ากลับมา จับจ้องมองที่ฝูงชนด้วยสายที่โหดร้าย พูดกล่าวอย่างโหดเหี้ยมว่า : “ใครกันที่มันคิดจะแตะต้องคุณชายเย่?ฉันเหลยเหลาหู่เป็นคนแรกที่ไม่ยอมแน่นอน!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่