ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่ นิยาย บท 859

“ฝืมือของนายไม่เลว มิน่าถึงบ้าระห่ำขนาดนี้ แต่ถ้านายมีแค่ความสามารถอันนี้ นายคงไม่อาจเอาชนะฉันได้หรอก!”

ตามองเห็นเย่เทียนใช้การพลังภายในแล้ว กัวหมิงเลี่ยงหรี่ดวงตาขึ้นเล็กน้อย ไม่รอเย่เทียนตอบกลับใดๆ เริ่มกวัดแกว่งกระบี่ในมือขึ้น

การกระทำของเขาดูขึ้นมาอ่อนโยนมาก เหมือนเป็นสาวน้อยควงกระบี่ และไม่มีลักษณะของการทำลายล้างอะไร แต่แอบให้ความรู้สึกลี้ลับแก่ผู้คน

“นี่......วิชากระบี่ไทเก๊ก?”

หากสังเกตดูละเอียดสักหน่อย เย่เทียนจำท่วงท่าการใช้ของกัวหมิงเลี่ยงได้ทันที ชั่วขณะนั้นสีหน้าดูระแวงขึ้นมา

ต้องรู้ว่า ต่อให้อยู่ในโลกทั่วไป วิชากระบี่ไทเก๊กล้วนครอบครองการประเมินระดับสูง ยิ่งไปกว่านั้นปัจจุบันนี้ยังเป็นกัวหมิงเลี่ยงผู้ได้รับการขนานนามว่าอัจฉริยะเหนือชั้นแสดงออกมาด้วยล่ะ?

“หวังว่าเจ้าหมอนั่นจะยังไม่เข้าใจแก่นสารของวิชากระบี่ไทเก๊ก......”

ทันใดนั้น เย่เทียนแอบภาวนาในใจ ถ้ากัวหมิงเลี่ยงเข้าใจจิตสำนึกกระบี่ของวิชากระบี่ไทเก๊กได้ นอกจากเขาไม่สนใจผลลัพธ์ทุ่มสุดกำลังยังพอจะมีโอกาสคว้าชัยชนะ ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่มีทางคว้าชัยชนะได้โดยสิ้นเชิง

กัวหมิงเลี่ยงจะไม่สนใจว่าเย่เทียนกำลังคิดอะไรอยู่ ทั้งตัวเขาในเวลานี้ราวกับกลายเป็นกระบี่แหลมคมเล่มหนึ่ง ทั่วทั้งตัวแพร่กระจายพลังกระบี่พุ่งทะยานส่วนหนึ่งออกมา

พลังกระบี่ส่วนนี้อ่อนโยนมาก เหมือนเป็นอากาศอันว่างเปล่าที่ทนทำร้ายไม่ลง แม้แต่เสียงดังคำรามนิดๆ ยังส่งเสียงไม่ได้ แต่ถ้าไปสัมผัสอย่างละเอียด ต้องพอสัมผัสได้ว่าพลังกระบี่อันนี้แฝงเร้นกำลังบ้าคลั่งอยู่

“เหยดเข้! เจ้าหมอนี่ยังเข้าใจจิตสำนึกกระบี่จริงๆ ด้วย ไม่เสียแรงที่เป็นอัจฉริยะหาได้ยาก!”

สัมผัสถึงพลังกระบี่พุ่งทะยานของกัวหมิงเลี่ยง ในใจเย่เทียนขมขื่นถึงขีดสุด ถึงแม้จะเป็นคู่ต่อสู้ ก็ยังต้องทอดถอนใจถึงความเข้าใจอันชาญฉลาดของกัวหมิงเลี่ยง

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนที่แสดงวิชากระบี่ไทเก๊กมีมากไป แต่อยากจะเข้าใจแก่นสารของวิชากระบี่ไทเก๊ก เดิมทีแค่ไม่กี่สิบปีคือเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ กัวหมิงเลี่ยงดูขึ้นมาอายุประมาณสามสิบปี จะไม่ให้คนตกใจได้อย่างไร?

ถึงพูดเช่นนี้ เย่เทียนกลับไม่อาจยืนรอความตายได้ เวลานี้ไม่คิดยับยั้งอีกแล้ว เร่งใช้คัมภีร์หวงถึงที่สุด ฝืนทนประสานพลังงานสองส่วนในร่างกายเข้าเป็นหนึ่งเดียว

ตึงๆ!

พลังงานสองส่วนประสานออกมาเป็นพลังงานใหม่ที่บ้าคลั่งมาก ทำให้ทั่วตัวเย่เทียนอบอวลไปด้วยกลิ่นอายบ้าคลั่ง แม้กระทั่งเส้นเลือดบนตัวยังแสดงออกมาแจ่มชัด

แม้ว่ามีการคลี่คลายของเหล้าปีศาจ แต่เดิมทีเขาไม่มีทางประสานพลังงานสองส่วนให้เป็นหนึ่งเดียวได้โดยสมบูรณ์ นี่คือสาเหตุว่าทำไมพลังงานใหม่ที่รวมตัวถึงออกมาดูบ้าคลั่งขนาดนั้น

แม้กระทั่ง ถึงจะมีเหล้าปีศาจกำลังทำงานอยู่ เย่เทียนยังยากจะควบคุมพลังงานใหม่อันนี้อยู่นิดหน่อย!

“เอ๋?”

กัวหมิงเลี่ยงสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของเย่เทียน มุมปากวาดรอยยิ้มเยาะเย้ยขึ้น “ฉันเตือนนายว่ายอมแพ้ไปดีกว่า! พลังงานในร่างกายนายบ้าคลั่งขนาดนี้ อย่ามาสู้อยู่ดีๆ แล้วตัวนายยับยั้งไม่ไหวร่างระเบิดจนตายก่อนแล้วกันล่ะ!”

เย่เทียนยักคิ้ว พึมพำเย็นชาว่า “นายวางใจได้ ก่อนที่ฉันร่างระเบิดต้องล้มนายคว่ำได้แน่!”

กัวหมิงเลี่ยงกลับดูถูกคำพูดนี้ “ที่นายคิดมันสวยงามเกินไปหรือเปล่า? ฉันไม่กลัวที่จะบอกนายว่า วิชากระบี่ไทเก๊กอันนี้ของฉันเน้นหนักที่ใช้ทั้งไม้แข็งไม้อ่อนควบคู่กันไป นายแพ้แบบไม่ต้องสงสัย!”

เย่เทียนตะโกนเสียงดุ “พูดเพ้อเจ้อให้น้อยหน่อย ใครแพ้ใครชนะต้องสู้แล้วถึงจะรู้!”

ถึงจะพูดเช่นนี้ ในใจเย่เทียนกลับเห็นด้วยกับความคิดของกัวหมิงเลี่ยง เส้นทางของไทเก๊กคือรอศัตรูโจมตีแล้วคว้าโอกาสเหมาะโจมตีกลับ รอให้ศัตรูนิ่งลงแล้วลงมือ และใช้ความช้ามาสู้อย่างรวดเร็ว นอกจากเขาจะต้องระเบิดพลังงานเด็ดขาดออกมาในเสี้ยววินาที ไม่อย่างนั้นคงโดนกัวหมิงเลี่ยงใช้แรงสะท้อนกลับจนทำให้อีกฝ่ายพ่ายแพ้ แล้วใช้กำลังของตนเองมาสู้กับตนเอง

นึกถึงตรงนี้ เขาจึงไม่กล้าเป็นฝ่ายโจมตีก่อน อย่างน้อยทำแบบนี้ยังสามารถทำให้อำนาจวิชากระบี่ไทเก๊กลดลงสองส่วน

“เป็นนายหาเรื่องเองนะ!”

เค้งๆ!

ช่วงเวลาอันรวดเร็วแค่พริบตาเดียว ไม่นานทั้งสองก็แตะต้องเข้าด้วยกัน เกิดเสียงอาวุธกระทบกันดังแบบแสบแก้วหูออกมา

แต่ ภาพที่ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมอ่อนข้อให้กันภาพนี้ไม่ได้ยืนหยัดอยู่นานเท่าไร และในเวลาไม่กี่วินาที กระบี่มายาก็โดนแรงกระบี่ที่วนล้อมรอบตัวของกัวหมิงเลี่ยงเฉือนแบ่งจนแตกออก จากนั้นบดขยี้คมกระบี่ถึงที่สุด เลือนหายไปในอากาศ

ฉากนี้ทำให้สีหน้าเย่เทียนดูแย่กว่าเดิม กัวหมิงเลี่ยงในปัจจุบันนี้แสดงวิชากระบี่ไทเก๊กถึงขั้นสุดอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่อย่างนั้นละก็ไม่อาจอาศัยแค่แรงกระบี่ที่หมุนวนรอบตัวมาบิดกระบี่มายาให้แตกได้

“หยินกำเนิดหยาง หยางกำเนิดหยิน......”

กัวหมิงเลี่ยงไม่สนใจว่าเย่เทียนคิดอะไรอยู่ พลิกหมุนข้อมือฉับพลัน ทันใดนั้นคมกระบี่อ่อนโยนเปลี่ยนไปดุร้ายขึ้นมา โฉบเข้าไปหาเย่เทียนอีกครั้ง

“คิดจริงๆ เหรอว่าฉันทำอะไรนายไม่ได้เลย?”

เมื่อสัมผัสได้ถึงแรงอาฆาตเข้มข้นที่ลอยมาจากในคมกระบี่ เย่เทียนขมวดคิ้ว แต่ไม่ได้หลบเลี่ยงแบบผิดปกติ เผชิญหน้าคมกระบี่ที่กำลังมาเยือนอันนั้นอย่างห้าวหาญ

“ในเมื่อนายวอนหาที่ตายเอง งั้นอย่าโทษฉันแล้วกัน!”

กัวหมิงเลี่ยงเห็นแบบนี้ ชั่วพริบตาในใจดีใจจนคลุ้มคลั่ง ก้าวเท้าไวอีกระดับหนึ่ง จงใจสังหารเย่เทียนอยู่ตรงนี้

ปัญหาสำคัญคือ วิชากระบี่ไทเก๊กเน้นหนักที่รอให้ศัตรูนิ่งถึงลงมือ ว่าตามการโจมตีของอีกฝ่ายที่เริ่มรุกรานต่อเนื่อง กัวหมิงเลี่ยงโจมตีโดยไม่ถึงเวลาอันควรแบบนี้ ทำลายจิตสำนึกกระบี่ของวิชากระบี่ไทเก๊กระดับหนึ่งแล้ว

“ฉันก็รู้ว่านายจะทนไม่ไหว ตอนนี้ฉันจะดูว่านายจะต้านอย่างไร!”

เย่เทียนยืดอกเสี่ยงภัยเพื่อรอวินาทีนี้ ขณะเดียวกันส่งเสียงหัวเราะ เงาลวงตี้จวินด้านหลังขยับขึ้นมาอีกครั้งแล้ว “ท่ามังกรเก้า ท่าสอง ตี้ถงแปดด้าน!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่