ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่ นิยาย บท 888

โข่งจื่อโถงไม่ใช่คนที่แสดงความรู้สึกเก่ง แต่ฝางฉิวผิงได้ดูถูกเธอครั้งแล้วครั้งเล่า มันได้กระตุ้นเธอจนโมโหไปนานแล้วตอนนี้พอเห็นฝางฉิวผิงพุ่งเข้ามาเอง เธอจึงไม่ถอยแต่พุ่งใส่ พร้อมกระบี่สั้นในมือ

ตูมตูม!

ทันใดนั้น อาวุธของทั้งคู่ก็เข้าปะทะกันอย่างแรง ระหว่างที่เกิดเสียงดังสนั่นขึ้น ก็ได้เกิดสายลมที่รุนแรงขึ้น ทำเอาผู้ชมใต้เวทีที่ไม่ค่อยแข็งแกร่งถูกพัดจนถอยหลังไปหลายก้าว บางคนถึงขั้นทนไม่ไหวจนล้มจ้ำเบ้าไปกับพื้นเลย

ในเวลาเดียวกัน สีหน้าของหนึ่งในคู่กรณีอย่างฝางฉิวผิงที่อยู่บนสังเวียนกลับเปลี่ยนไป รับรู้ได้ถึงแรงอันมหาศาลที่แล่นมาจากค้อนอันใหญ่ ทำให้จับค้อนไว้ไม่อยู่ ทนไม่ไหวจนมันกระเด็นออกไป และกระแทกลงพื้นเวทีจนเกิดเสียงดัง

“นี่มัน…”

ทั้งๆ ที่ฝางฉิวผิงตัวใหญ่กว่าโข่งจื่อโถงเป็นสองเท่า ทั้งๆ ที่น้ำหนักของค้อนมีมากกว่ากระบี่สั้น ความแตกต่างอันมากมายนี้ทำให้ผู้ชมที่อยู่ด้านล่างตาค้างไปตามๆ กัน

ตุบ!

โข่งจื่อโถงไม่ได้สนใจว่าทุกคนจะคิดยังไง อาศัยช่วงจังหวะสั้นๆ ที่ฝางฉิวผิงยังตั้งสติไม่ได้ถีบขาแล้วลอยขึ้นไปบนอากาศ แล้วเตะทะลวงไปที่กลางอกของฝางฉิวผิงอย่างแรง

ตุบตุบ!

ฝางฉิวผิงหายใจติดขัด หายใจแทบไม่ออก ส่วนขาก็ถอยหลังไปอย่างควบคุมไม่ได้ ราวกับจะหักล้างแรงต้านนั่น

แต่ว่า โข่งจื่อโถงที่กำลังโมโหจะปล่อยหมอนี่ไปง่ายๆ ได้ยังไง?

เธอได้ตามฝางฉิวผิงไปติดๆ กระบี่สั้นในมือก็แทงไปที่ช่วงล่างของ ฝางฉิวผิงอย่างต่อเนื่อง คนที่ช่างสังเกตก็น่าจะมองจุดประสงค์ของเธอออก

ฝางฉิวผิงสีหน้าเปลี่ยนไปทันที ดูจากท่าทีของโข่งจื่อโถง ถ้าถูกแทงเข้าไปคิดว่าคงไม่มีทางรักษาได้แน่ ชีวิตหลังจากนี้ก็คงไม่มีความสุขอะไรอีกแล้ว!

ถึงจะพูดอย่างนั้น แต่เขาก็ยังไม่สามารถเรียกแรงกลับมาจากการเตะเมื่อกี้ของเธอได้ ต่อให้จะอยากป้องกันแค่ไหนแต่มันก็ไม่มีทางทำได้เลย!

ในวินาทีที่คับขัน ฝางฉิวผิงจะกล้าเสียเวลาคิดอีกได้ยังไง และรีบตะโกนไปว่า “ฉันยอมแพ้! ฉันยอมแพ้!”

ทว่า ถึงโข่งจื่อโถงจะดึงกระบี่กลับแล้ว แต่ท่าทีที่พุ่งเขาหาฝางฉิวผิงยังไม่หยุด เธอได้เตะออกไปอย่างแรง

ตุบ!

โข่งจื่อโถงเตะเข้าไปที่จุดยุทธศาสตร์ของฝางฉิวผิงอย่างไม่ปรานี

“อุ๊บ?!”

ไม่ว่าฝางฉิวผิงจะเป็นลูกผู้ชายแค่ไหน แต่ถ้าของรักถูกเตะใส่แบบนี้ ก็ทนความเจ็บปวดแสนสาหัสนั่นไม่ไหว ใบหน้าแดงก่ำ บ่งบอกว่ามันเจ็บแค่ไหน

“นี่เป็นแค่การสั่งสอน ต่อไปอย่าได้ดูถูกผู้หญิงอีก!”

โข่งจื่อโถงไม่แม้แต่จะมองเขา พูดทิ้งท้ายไว้อย่างเย็นชา หมุนตัวแล้วกระโดดลงเวทีไป

นั่นก็ทำให้บรรดาผู้ชมผู้ชายที่อยู่ใกล้โข่งจื่อโถงพากันกระโดดถอยหลังไปหนึ่งก้าว สายตาที่มองไปยังฝางฉิวผิงก็มีแต่ความเห็นอกเห็นใจ ส่วนสายตาที่มอง โข่งจื่อโถงก็เปี่ยมไปด้วยความหวาดกลัว

“ช่างเป็นเสือตัวเมียขนานแท้จริงๆ!”

เย่เทียนที่เห็นก็แอบส่ายหน้า พอนึกถึงครั้งแรกที่ได้พบกับโข่งจื่อโถงเขาเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า จิงไห่เชียนไปชอบโข่งจื่อโถงได้ยังไง หรือไอ้หมอนั่นมันเป็นพวกซาดิสกันนะ?

ตัดภาพมาที่จิงไห่เชียน กลับเข้าไปหาด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม แล้วพูดด้วยรอยยิ้มที่เอาอกเอาใจว่า “โข่งจื่อโถง คอแห้งมั้ย? ผมไปซื้อน้ำให้เอามั้ย? แล้วเหนื่อยรึเปล่า? ผมนวดไหล่ให้มั้ย?”

นั่นก็ทำให้เย่เทียนรู้สึกนับถือจิงไห่เชียนขึ้นมาบ้าง อย่างอื่นไม่ต้องพูดถึง เเค่ความพยายามนี้ก็ใช่ว่าใครจะทำได้

แต่น่าเสียดาย กับจิงไห่เชียนที่กระตือรือร้นนั้น โข่งจื่อโถงยังคงทำตัวเย็นชา “ไม่จำเป็น!”

นอกนั้น โข่งจื่อโถงก็ไม่ได้พูดอะไรกับจิงไห่เชียนอีก เดินดุ่มๆ มาข้างหน้าเย่เทียน แล้วพูดไปว่า “ฉันกลับก่อนนะ”

“ไม่กล้าไม่กล้า บอกว่าเป็นการแลกเปลี่ยนดีกว่า แลกเปลี่ยน…”

อีกฝ่ายมีมารยาทขนาดนี้ เย่เทียนก็ได้โค้งคำนับกลับไปอย่างมีมารยาทเหมือนกัน

“เขานี่!”

แต่สิ่งที่เย่เทียนไม่รู้คือ ตอนนี้ในกลุ่มผู้ชมที่อยู่ใต้เวที ได้มีหญิงสาวชุดกระโปรงสีดำกับผ้าปิดหน้าที่เป็นผ้าซีทรูสีดำคนหนึ่งกำลังจ้องมองเขาด้วยสายตาที่เคียดแค้น!

และหญิงสาวคนนี้ก็ไม่ใช่ใครอื่น หากแต่เป็นเทพธิดาเตี๋ยอู่แห่งสำนักซวนซวงที่เย่เทียนเคยเห็นหน้าตาที่แท้จริงมาแล้วนั่นเอง1

หญิงสาวที่อยู่ข้างเทพธิดาเตี๋ยอู่รับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของเธอ จึงได้หันมาถามด้วยความเป็นห่วงว่า “ศิษย์พี่เตี๋ยอู่ พี่เป็นอะไรคะ?”

“ฉันไม่เป็นไร”

เทพธิดาเตี๋ยอู่รีบระงับจิตสังหารเอาไว้ แต่ในใจกลับแอบบ่นว่า ที่แท้ผู้ชายบัดซบนั่นชื่อว่าเย่เทียนสินะ? ดูคราวนี้แกจะหลบไปไหนได้!

หญิงสาวที่มาด้วยก็ไม่ได้ติดใจอะไร พยักหน้าแล้วมองกลับไปบนเวทีอีกครั้ง

แต่หลิ่งเอ๋อเดินตามหลังอยู่ครึ่งก้าว วันนั้นเธอก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วย ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าเทพธิดาเตี๋ยอู่กำลังคิดอะไรอยู่

แต่พอผ่านไปไม่กี่วิ จู่ๆ เทพธิดาเตี๋ยอู่ก็หมุนตัว ขยับขาแล้วเตรียมที่จะจากไป

หญิงสาวที่มาด้วยกันรีบตะโกนถามว่า “ศิษย์พี่เตี๋ยอู่ พี่จะไปไหนคะ? พวกเขายังไม่ได้เริ่มสู้กันเลยนะคะ!”

เทพธิดาเตี๋ยอู่โบกมือทั้งที่ไม่ได้หันกลับมามอง “ฉันรู้ผลแล้ว ส่วนระหว่างนั้นจะดูหรือไม่มันจะมีประโยชน์อะไร?”

มันเป็นสิ่งที่คนโง่ก็เดาได้ หวู่ทิงแห่งสำนักชางหลงไมใช่คู่ต่อสู้ของเธอ แต่เธอกลับเคยเสียท่าให้เย่เทียนมาแล้ว เมื่อวิเคราะห์จากจุดนี้ แล้วหวู่ทิงจะเป็นคู่ต่อสู้ของเย่เทียนได้ยังไง?

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่